ชาวไทยยังคงพร้อมเที่ยวต่อในปีหน้าแต่มีแนวโน้มลดการใช้จ่ายลง จากภาวะเศรษฐกิจไทยที่เติบโตชะลอตัว ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการท่องเที่ยวต่างประเทศที่จะลดลงมากกว่าการท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งแนวโน้มการลดค่าใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวนี้ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับการใช้จ่ายด้านอื่น ๆ อย่างไรก็ดี การท่องเที่ยวยังคงเป็นหนึ่งในกิจกรรมยอดฮิตที่ชาวไทยให้ความสำคัญ จากสัดส่วนผู้ที่จะเลิกใช้จ่ายในการท่องเที่ยวในประเทศมีเพียง 9% ซึ่งต่ำกว่าการเลิกใช้จ่ายในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกาย อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า SCB EIC ได้สำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคชาวไทยเกี่ยวกับแนวโน้มการใช้จ่ายด้านท่องเที่ยว พบว่า แม้นักท่องเที่ยวไทยจะได้รับแรงกดดันด้านกำลังซื้อเพิ่มขึ้น แต่กลุ่มผู้มีสถานะการเงินที่มั่นคงยังมีแนวโน้มใช้จ่ายในการท่องเที่ยวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่ไม่มีภาระหนี้ กลุ่มรายได้ดี และโดยเฉพาะกลุ่มที่คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นก็ยิ่งมีแนวโน้มใช้จ่ายในการท่องเที่ยวมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่กลุ่มผู้มีสถานะการเงินเปราะบางมากกว่าครึ่งหนึ่งมีแนวโน้มท่องเที่ยวลดลงหรือยกเลิกแผนเที่ยว ทั้งนี้การใช้จ่ายเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวไทยส่วนใหญ่ สำหรับการท่องเที่ยวในประเทศจะอยู่ที่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคนต่อวัน และการใช้จ่ายเฉลี่ย สำหรับการท่องเที่ยวต่างประเทศจะอยู่ที่ขั้นต่ำ 10,000 บาทต่อคนต่อวัน โดยนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQIA+ และกลุ่มวัยทำงานเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มใช้จ่ายในการท่องเที่ยวต่างประเทศสูงกว่ากลุ่มอื่น ๆ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงกดดันการใช้จ่ายของชาวไทย 4 วิธีที่นักท่องเที่ยวไทยเลือกใช้ในการปรับตัวด้านการท่องเที่ยวเรียงตามลำดับได้ดังต่อไปนี้ 1. วิธีลดความถี่ในการท่องเที่ยว 2. วิธีลดช็อปปิงสินค้า 3. วิธีเลือกที่พักที่ราคาประหยัดมากขึ้น และ 4. วิธีชะลอแผนการท่องเที่ยว โดยกลุ่มผู้ที่เผชิญภาวะรายได้ไม่พอจ่ายจะมีการปรับพฤติกรรมการท่องเที่ยวค่อนข้างมาก โดยผู้มีปัญหาทางการเงินบ่อยครั้งจะเลือกชะลอแผนการท่องเที่ยวมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ ส่วนผู้มีปัญหาเป็นบางครั้งจะเลือกลดความถี่ในการท่องเที่ยวแทน นอกจากนี้ ช่วงอายุที่แตกต่างกันจะส่งผลต่อการปรับตัวที่แตกต่างกันด้วย โดยกลุ่มวัยรุ่น/วัยเริ่มทำงานกับกลุ่มผู้สูงวัย จะพยายามคงแผนท่องเที่ยวเดิมแต่จะเลือกปรับพฤติกรรมการเที่ยวแทน เช่น กลุ่มวัยรุ่น/วัยเริ่มทำงานจะยอมลดความสะดวกสบายในระหว่างท่องเที่ยวด้วยการลดค่าใช้จ่ายในการกินอยู่ ทั้งการเลือกที่พักราคาสบายกระเป๋าและการประหยัดค่าอาหาร ส่วนกลุ่มผู้สูงวัยจะเลือกปรับตัวด้วยการเปลี่ยนแผนมาเที่ยวในประเทศมากขึ้นหรือใช้บริการกรุ๊ปทัวร์เพื่อลดค่าใช้จ่าย ขณะที่กลุ่มวัยทำงานซึ่งเป็นกลุ่มที่มีภาระค่าใช้จ่ายสูงจะเลือกชะลอแผนการท่องเที่ยวออกไปมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ การเจาะกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวกำลังซื้อค่อนข้างดี การเพิ่มความคุ้มค่าของสินค้าหรือบริการท่องเที่ยวให้ตรงจุดกับนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่มตามช่วงวัย และการบริหารจัดการต้นทุนค่าใช้จ่ายของธุรกิจ เป็น 3 กลยุทธ์สำคัญที่ธุรกิจด้านการท่องเที่ยวอาจนำมาพิจารณาเพื่อตอบโจทย์การปรับตัวของพฤติกรรมนักท่องเที่ยวไทยในภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความเปราะบางสูง โดยกลยุทธ์แรก : การเจาะกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวกำลังซื้อดี แม้นักท่องเที่ยวไทยโดยรวมจะมีแนวโน้มลดการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวลง แต่กลุ่มผู้มีรายได้ค่อนข้างดีหรือผู้ที่คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นกลุ่มที่จะยิ่งใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวมากขึ้นทั้งการท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศ จึงทำให้ตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ยังคงเติบโตได้ค่อนข้างดีต่อเนื่อง กลยุทธ์ที่ 2 : การเพิ่มความคุ้มค่าให้ตรงกับนักท่องเที่ยวในแต่ละกลุ่ม ด้วยพฤติกรรมการปรับตัวของนักท่องเที่ยวที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงวัย ดังนั้น การนำเสนอบริการที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายในแต่ละกลุ่มจะช่วยดึงดูดได้อย่างตรงจุด เช่น การดึงดูดนักท่องเที่ยววัยรุ่น/วัยเริ่มทำงานด้วยการนำเสนอกิจกรรมที่น่าสนใจและเหมาะกับการสร้างคอนเทนต์ ส่วนนักท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงวัยที่เน้นความสะดวกสบายควรใช้วิธีเพิ่มความคุ้มค่าจากบริการพิเศษที่เหมาะสมแทน เช่น การบริการขนมหวาน การเข้าชมการแสดงโชว์ หรือคลาสออกกำลังกาย แต่สำหรับกลุ่มวัยทำงานซึ่งยังมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมาก การเลือกวิธีจัดทำโปรโมชันลดราคาจึงเป็นแนวทางที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้ดีกว่าวิธีอื่น และกลยุทธ์ที่ 3 : การบริหารจัดการต้นทุนค่าใช้จ่ายของธุรกิจ จากกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวไทยที่ลดลง ทำให้ภาคธุรกิจต้องบริหารจัดการต้นทุนเพื่อนำเสนอแพ็กเกจราคาประหยัดให้กับนักท่องเที่ยวได้ ซึ่งการบริหารจัดการต้นทุนสามารถทำได้หลายวิธี…
Author: staff
ธนาคารกรุงเทพ จับมือ ยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล ต่อยอดความร่วมมือ ขยายบริการผ่าน ‘โมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ’ แค่เปิดแอปฯ ก็สแกน Weixin Pay QR หรือที่รู้จักกันในไทยว่า “วีแชท เพย์” และ UnionPay QR จ่ายได้ทันทีไม่มีสะดุด ครอบคลุมร้านค้าต่างๆในประเทศจีน กว่า 90% หรือ กว่า 100 ล้านจุดรับชำระเงินหมดห่วงเรื่องพกเงินสด ไม่ต้องแลกเงิน ให้เรทดี ไม่มีค่าธรรมเนียมการใช้บริการ ไร้กังวลภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูง พิเศษ! ใช้ ‘โมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ’ สแกน Weixin Pay QR ในประเทศจีน และ UnionPay QR ณ ร้านค้าในต่างประเทศ รับเงินคืน 10 บาททุกการสแกนจ่าย ตั้งแต่ 20 ธันวาคม 2567 ถึง 31พฤษภาคม 2568 นายโชค ณ ระนอง ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการสายบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในฐานะ ‘ธนาคารชั้นนำระดับภูมิภาค’ มุ่งมั่นพัฒนาบริการและแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอ Total Digital Payment Solutions ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การทำทุกธุรกรรมการเงิน ซึ่งรวมถึงการพัฒนาขีดความสามารถของการทำธุรกรรมในต่างประเทศ โดยเฉพาะบริการการชำระเงินข้ามประเทศแบบสแกน QR (Cross-Border QR Payment) ล่าสุด ธนาคารได้ต่อยอดความร่วมมือกับบริษัท ยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้นำด้านบริการทางการเงินของประเทศจีน พัฒนาบริการสแกน Weixin Pay QR จ่ายผ่าน ‘โมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ’ ได้โดยตรง ซึ่งธนาคารกรุงเทพนับเป็นธนาคารแรกที่รองรับการสแกน Weixin Pay QR และ UnionPay QR จ่ายชำระเงินในประเทศจีน และ ‘โมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ’…
วันศุกร์ ที่ 20 ธันวาคม 2567 เวลา 08.30 – 17.00 น. ณ ลานด้านหน้าธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ ถนนสีลม – ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) นำโดย นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ กรรมการบริหาร และ นายทัฬห์ สิริโภคี ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ จัดงาน “วันเกษตรก้าวหน้า ประจำปี 2567”ภายใต้แนวคิด “80 ปี ธนาคารกรุงเทพ เพื่อนคู่คิด มิตรคู่เกษตรไทย” ประกอบด้วย 3 กิจกรรมไฮไลท์ ไฮไลท์ที่ 1 การเปิดพื้นที่ ณ ลานด้านหน้าธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ ถนนสีลมให้เกษตรกรก้าวหน้า นำสินค้าเกษตรคุณภาพมาตรฐานสากลมาจำหน่ายถึงมือผู้บริโภคโดยตรง ในราคาผู้ผลิต รวมทั้งสิ้น 55 ร้านค้ามีทั้งสินค้าชุมชน สินค้ากลุ่มนวัตกรรมและเทคโนโลยี สินค้ากลุ่มเกษตรปลอดภัยต่อสุขภาพ และสินค้าของผู้ได้รับรางวัลเกษตรก้าวหน้า ประจำปี 2567 เช่น ผลิตภัณฑ์จากกาแฟคาร์บอนต่ำ สินค้าแปรรูปจากแมคคาดาเมีย สตอร์เบอร์รี่สดและแปรรูป ไข่ไก่สดออร์แกนิก กล้วยไม้และไม้ประดับนานาพันธุ์ ผลไม้เกรดส่งออกหลากหลายชนิด ไส้อั่วเผาเตาหลวง และ ผงโปรตีนจากแมลงพร้อมทาน เป็นต้น ไฮไลท์ที่ 2 การประกาศมอบรางวัล “เกษตรก้าวหน้า ปี 2567” ให้แก่เกษตรกรผู้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ผู้บริหารห่วงโซ่การผลิตทางการเกษตร และเกษตรกรรุ่นใหม่ ที่มีผลงานดีเด่น เป็นแบบอย่างในการพัฒนาภาคการเกษตรให้สามารถแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป ไฮไลท์ที่ 3 การสัมมนาพิเศษ “เกษตรก้าวหน้า 2567” แนะเกษตรกรและผู้ประกอบการเกษตรไทยรับมือความท้าทายจากระเบียบการค้าโลกใหม่ด้านเกษตรและสิ่งแวดล้อม และการปรับใช้เทคโนโลยี AI กับภาคการเกษตร ที่ไม่ใช่เพียงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต แต่ยังช่วยสร้างโอกาสใหม่ๆ ทำให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกยุคใหม่ จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ รวมถึงผู้ประกอบการตัวจริงที่ประสบผลสำเร็จจากการปรับตัว ผู้สนใจร่วมฟังสัมมนาได้ ตั้งแต่เวลา 13.00 – 16.00…
นาย อาร์ช คอลมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ร่วมมือกับ นางอิริน่า กอร์ยูโนวา รองผู้แทนประจำโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ประจำประเทศไทย จัดงานเสวนา “การเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้กับวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs)ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” เพื่อให้ผู้ประกอบการประเทศไทยพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจภัยธรรมชาติ และสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินได้อย่างมั่นคง โดยได้รับเกียรติจาก นายเปาโลดีโอนีซีเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย พร้อมด้วย นาย โรแบร์โต้ ลีโอนาดี้ Generali Asia Regional officer เข้าร่วมเสวนา วันนี้ ณ สำนักงานใหญ่ กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ อาคารพาร์คสีลม บรรยายภาพจากซ้าย นางสาวช่อฟ้า ยุกตะนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและบริหารลูกค้า กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ นายอาร์ช คอลมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ นายโรแบร์โต้ ลีโอนาดี้ Generali Asia Regional officer นายเปาโล ดีโอนีซี เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย นางอิริน่า กอร์ยูโนวา รองผู้แทนประจำโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ประจำประเทศไทย นางสาวลอเรน คาร์เตอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินเพื่อสภาพภูมิอากาศประจำโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) สำนักงานเจนีวา นางสาวไดอานา อัลโมโร ผู้เชี่ยวชาญระดับภูมิภาคสำหรับเอเชียและแปซิฟิกประจำโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ดร.ฎาฎะณี วุฒิภดาดร นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสด้านการพัฒนาประจำโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UND
นายวุฒิเลิศ สุวรรณศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามความร่วมมือกับ พลตรี สุวัฒน์ พิศุทธ์นรนันท์ ประธานกรรมการ สหกรณ์ออมทรัพย์กองบัญชาการกองทัพไทย จำกัด ให้บริการขายแบบประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อเพื่อประชาชน MRTA (Mortgage Reducing Term. Assurance) แก่สมาชิกรายสามัญที่มีสินเชื่ออยู่กับสหกรณ์ฯ ซึ่งการร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นการขยายฐานลูกค้าการประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อเพื่อประชาชน ไปสู่หน่วยงานของภาครัฐ พร้อมสร้างความคุ้มครองทางการเงินให้กับสมาชิก อีกทั้งยังเป็นการลดความเสี่ยงทางการเงินในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน โดยพิธีดังกล่าว จัดขึ้น ณ สหกรณ์ออมทรัพย์กองบัญชาการกองทัพไทย จำกัด ถนนแจ้งวัฒนะ เมื่อเร็วๆ นี้
นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM เปิดเผยว่า บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (TRIS) ได้ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ SAM ที่ระดับ “AA+” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” โดย SAM ได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ AA+ นับเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน นับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา อันเป็นการสะท้อนถึงมุมมองของทริสเรทติ้งที่มีต่อสถานะของ SAM ซึ่งเป็นองค์กรที่มีความสำคัญกับภาครัฐในระดับ “สำคัญมาก” และมีความสัมพันธ์กับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (กองทุนฯ) ในระดับ “สูงสุด” โดยกองทุนฯ มีฐานะเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นภายใต้พระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งความสัมพันธ์และบทบาทที่แข็งแกร่งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสที่ SAM น่าจะได้รับการสนับสนุนและช่วยเหลือจากกองทุนฯ ในระยะยาว ทั้งนี้ เนื่องจากทางกองทุนฯ ถือหุ้น SAM ทั้งหมดและมีบทบาทในการควบคุมดูแลระดับนโยบาย ทริสเรทติ้งได้ประเมินความสัมพันธ์ของ SAM กับกองทุนฯ อยู่ในระดับ “สูงสุด” โดยกลยุทธ์การดำเนินงาน ธุรกิจ และการเงินของ SAM อยู่ภายใต้การชี้แนะและการกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดจากผู้แทนของกองทุนฯ ในคณะกรรมการของ SAM ทริสเรทติ้งประเมินความสำคัญของ SAM กับภาครัฐในระดับ “สำคัญมาก”จากบทบาทของ SAM ในการเป็นส่วนหนึ่งของกลไกภาครัฐที่ช่วยสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ทุกระดับ ทั้งธุรกิจรายใหญ่ Corporate, ธุรกิจ SME Housing loan และประชาชนรายย่อย ในฐานะบริษัทบริหารสินทรัพย์แห่งชาติแห่งเดียว ความสำคัญของ SAM จะเพิ่มขึ้นในช่วงวิกฤติการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปัจจุบันสินทรัพย์ด้อยคุณภาพในระบบสูงถึง 5.11 แสนล้านบาท ซึ่งเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของ SAM ในการบริหารจัดการหนี้เสียผ่านกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาว นอกจากนี้ SAM ยังทำหน้าที่เป็นตัวกลางในโครงการ “คลินิกแก้หนี้” โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือบุคคลที่มีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หลายแห่ง ผ่านการรวมหนี้ทั้งหมดเป็นสินเชื่อระยะยาวเพียงก้อนเดียว ด้วยดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำลงกว่าเดิม ซึ่งโครงการดังกล่าวยังได้รับการปรับปรุงหลายครั้ง เพื่อขยายขอบเขตครอบคลุมลูกหนี้รายอื่น ๆ ให้มากขึ้น…
นางวรางค์ ไชยวรรณ กรรมการและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) มอบเงินสมทบทุนมูลนิธิรามาธิบดีฯ จำนวน 307,090 บาท สนับสนุนโครงการจัดหารถไฟฟ้าเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้มาใช้บริการโรงพยาบาลรามาธิบดี ผ่านโครงการรณรงค์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) โดยมี ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีและประธานคณะกรรมการบริหารมูลนิธิรามาธิบดีฯ ร่วมด้วย ผศ. นพ. ภุชงค์ ลิขิตธนสมบัติ รองคณบดีฝ่ายกายภาพและสิ่งอำนวยความสะดวก เป็นผู้รับมอบ พร้อมได้รับเกียรติจาก นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คปภ. ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ สำนักงานคณบดีคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต โดยคุณปูชิตา เจริญพงศ์ Senior Marketing Manager ร่วมเปิดงาน Pattaya International Jazz Festival 2024 ซึ่ง OCEAN LIFE ไทยสมุทร เป็นผู้ร่วมสนับสนุนงานเทศกาลดนตรีแจ๊สริมชายหาดพัทยา ถือเป็นคอนเสิร์ตส่งท้ายปีแห่งการฉลอง 75 ปี OCEAN LIFE ไทยสมุทร ซึ่งภายในงานมีศิลปินแจ๊สชื่อดังระดับโลก อาทิ Ronan Keating,Tabitha King และศิลปินแจ๊สไทย อาทิ ศิลปินแจ๊สไทยระดับตำนาน Koh Mr.Saxman, ฟอร์ด สบชัย ไกรยูรเสน,บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์,แก้ม วิชญาณี และศิลปินท่านอื่นอีกมากมาย นอกจากนี้ OCEAN LIFE ไทยสมุทร ได้ร่วมจัดบูทกิจกรรมสร้างสีสัน เพียงถ่ายภาพที่บูท OCEAN LIFE ไทยสมุทร รับของที่ระลึกมากมาย และกิจกรรมชวนดาวน์โหลด OCEAN CLUB APPLICATION ได้รับของพรีเมียม Collection OCEAN LIFE x Sahred Toy งานนี้ได้จัดขึ้นที่ ณ หาดพัทยากลาง จ.ชลบุรี OCEAN LIFE ไทยสมุทร ใช้ความรักเป็นพลังขับเคลื่อนองค์กรมายาวนาน 75 ปี โดยไม่หยุดพัฒนาในทุกมิติ เพื่อทำให้ประกันชีวิตเป็นเรื่องง่าย ทำให้คนไทยเข้าถึงประโยชน์ของการประกันชีวิตได้มากที่สุด พร้อมแล้วที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลโลกและสังคม เพื่อส่งมอบอนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนรุ่นต่อไปได้ ใช้ชีวิตอย่างมั่นคง มั่นใจ ปลอดภัย มีความสุข สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ocean.co.th หรือ ติดต่อ OCEAN LIFE CONTACT CENTER 1503
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี มอบสิทธิพิเศษให้ผู้ถือบัตรเครดิต ttb และบัตรเครดิต ttb Global House ประเภทบุคคลธรรมดา ช้อปออนไลน์สุดคุ้มส่งท้ายปี สามารถแลกคะแนนสะสมเพื่อรับเครดิตเงินคืนถึง 15% เพียงใช้คะแนนสะสมทุก 1,000 คะแนน และมียอดใช้จ่าย 1,000 บาทขึ้นไป / เซลล์สลิป ที่ร้านค้าออนไลน์ร่วมรายการ ได้แก่ Central App, Lazada, Shopee และ TikTok Shop ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 2567 – 31 ธ.ค. 2567 เท่านั้น เพียงส่ง SMS เพื่อแลกคะแนนทุกครั้งที่ร่วมรายการ พิมพ์ OLFT เว้นวรรค ตามด้วยคะแนนที่ต้องการแลก (ทุก 1000 คะแนนและไม่เกินยอดใช้จ่าย) เว้นวรรค ตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต 12 หลักสุดท้าย ส่งมาที่ 4899777 จำกัดการแลกคะแนนสูงสุด 5,000 คะแนน / บัญชีบัตรหลัก ตลอดรายการส่งเสริมการขาย รวมร้านค้าออนไลน์ที่ร่วมรายการ ทีทีบีส่งเสริมให้ลูกค้าบัตรเครดิต ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 7% -16% ต่อปี เพื่อชีวิตทางการเงินที่ดีทั้งในวันนี้ และอนาคต ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมของโปรโมชันนี้ได้ที่ https://www.ttbbank.com/th/promotion/detail/online-festive-dec24
นายวีรเวช ศิริชาติไชย (ที่ 3 จากซ้าย) รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายศรชัย พิชัยยุทธิ์ (ขวาสุด) ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM ให้การต้อนรับ นายพิสิทธิ์ พัฒนะนุกิจ (ที่ 2 จากซ้าย) ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายรัฐกร อัสดรธีรยุทธ์ (ซ้ายสุด) ประธานเครือหนังสือพิมพ์ดอกเบี้ย และประธานการจัดงาน Thailand Smart Money 67 ครั้งที่ 15 โดย BAM ยกทรัพย์ทำเลเด็ดทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม อาคารพาณิชย์ และที่ดินเปล่า กว่า 15,000 รายการ มูลค่ารวมกว่า 30,000 ล้านบาท ร่วมออกบูธภายในงาน พร้อมนำแคมเปญ “BAM โปรผ่อนที่ร้อนแรงที่สุดแห่งปี ดอกเบี้ย 0% 2 ปีแรก” มามอบให้กับผู้ที่ซื้อทรัพย์ BAM เพื่อสานฝันช่วยคนไทยมีบ้านได้ง่ายขึ้น จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 ธันวาคม 2567 ณ ชั้น 5 BCC HALL ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว