Author: staff

ธนาคารทิสโก้ชี้เจรจาการค้าสหรัฐฯ ยังเสี่ยงสูง ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว แนะจังหวะนี้เข้าลงทุน Global Bond ช่วยลดความผันผวนของพอร์ต และเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน 8% ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ Head of Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนสูงจากสงครามการค้าสหรัฐฯ ธนาคารทิสโก้ได้ประเมินทางเลือกการลงทุนออกเป็น 3 ทางเลือก ได้แก่ 1.ทางรอดเมื่อโลกแย่ เหมาะลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย และอีก 2 ทางเลือกการลงทุนเมื่อเศรษฐกิจชะลอตัว คือ 1. กำไรไม่แคร์สงครามการค้า และ 2. MEGATRENDS โตดี…ไม่ต้องลุ้น อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัจจุบัน ธนาคารทิสโก้แนะนำให้ลูกค้าเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนใน “Global Bond” หรือกองทุนตราสารหนี้โลก ซึ่งเป็นหนึ่งสินทรัพย์การลงทุนที่อยู่ในแนวทาง “ทางรอดเมื่อโลกแย่” ซึ่งจากสถิติพบว่าหากเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) ตราสารหนี้โลกมีโอกาสสร้างผลตอบแทน 8% ในช่วง 12 เดือน “การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้ายังมีความไม่แน่นอนสูง หลายประเทศยังไม่มีข้อตกลงการค้าที่ชัดเจน ขณะที่มาตรการระงับการขึ้นภาษีชั่วคราวจะสิ้นสุดในวันที่ 9 กรกฏาคมนี้ นอกจากนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจหลายประเทศเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว ประกอบกับอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ (Bond Yield) ในปัจจุบันได้ปรับเพิ่มขึ้นจนอยู่ในระดับที่น่าสนใจลงทุนรับอัตราผลตอบแทนที่อยู่ในระดับสูงไปพร้อมๆ กับรับผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหน้าตั๋ว” นายณัฐกฤติกล่าว ทั้งนี้ ข้อดีของ Global Bond คือ เป็นสินทรัพย์ทนทานต่อความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนเนื่องจากกองทุนอาจเลือกลงทุนในตราสารหนี้จากหลากหลายภูมิภาคและสกุลเงิน นอกจากนี้ ยังเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง (Hedge) หากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงจนเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) เพราะแรงกดดันเงินเฟ้อของประเทศอื่นที่มีแนวโน้มต่ำกว่าของสหรัฐฯ ทำให้มีช่องว่างในการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายได้มากกว่า อีกทั้ง หากสถานการณ์การค้าโลกทวีความรุนแรงจนส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย การลงทุนใน Global bond ก็ให้ผลตอบแทนที่ดีเสมอช่วงระหว่างช่วง 6 เดือนก่อนและหลังเกิด Recession โดย 30 ปีที่ผ่านมาดัชนี Global Bond ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 6 เดือนก่อน Recession ราว 5%…

Read More

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTAM) เปิดเผยว่า โดยปกติในภาวะดอกเบี้ยขาลงนั้น ถือว่าเป็นปัจจัยบวกสำหรับการลงทุนในหลักทรัพย์กลุ่ม Yield Play ซึ่งเป็นกลุ่มที่มุ่งหวังผลตอบแทนจากเงินปันผลเป็นหลัก นอกจากจะเป็นการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตแล้ว ยังถือเป็นโอกาสในการสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตจากการได้รับเงินปันผลที่มีความสม่ำเสมอเพื่อชดเชยกับการลดลงของผลตอบแทนจากตราสารหนี้ (Bond Yield) โดยเฉพาะหลักทรัพย์รายตัวที่เป็น High Dividend Yield ในระดับที่สูงกว่า Bond Yield ก็จะยิ่งสร้างความน่าสนใจลงทุนมากขึ้นเป็นพิเศษในภาวะดังกล่าว นอกจากนี้ การที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดต่ำลงนั้นก็อาจเป็นโอกาสให้กลุ่ม Infrastructure Fund พิจารณาเพิ่มการเข้าลงทุนในทรัพย์สินใหม่ (Expansion) โดยใช้เงินลงทุนจากการกู้ยืมเงิน (Gearing) มาผสมกับการออกจำหน่ายหน่วยลงทุนเพิ่มทุนได้อีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสภาวะที่เต็มไปด้วยความผันผวนตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา KTAM ยังคงสามารถสร้างผลงานได้ดีต่อเนื่อง ในการบริหารกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน จึงได้กำหนดจ่ายปันผลและเงินลดทุนสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีวันที่ 1 ม.ค. – 31 มี.ค. 2568 จากกำไรสุทธิและ/หรือกำไรสะสม พร้อมกัน 4 กองทุน ในวันที่ 16 มิ.ย. 2568 รวมจำนวนกว่า 1,027 ล้านบาท ประกอบด้วย กลุ่มกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 1 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ตลาดไท (TTLPF) ซึ่งลงทุนในสิทธิการเช่าของสิ่งปลูกสร้างบางส่วนในโครงการตลาดไท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 58 ในอัตรา 0.3197 บาทต่อหน่วย และจ่ายเงินลดทุนครั้งที่ 2 ในอัตรา 0.1662 บาทต่อหน่วย รวมจ่ายเงินปันผลและเงินลดทุน จำนวน 0.4859 บาทต่อหน่วย สำหรับกลุ่มกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน จำนวน 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลครบุรี (KBSPIF) ซึ่งลงทุนในสิทธิในผลประโยชน์จากการประกอบกิจการไฟฟ้า ในสัดส่วนร้อยละ 62% ของรายได้ค่าไฟฟ้าจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของบริษัทผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด กับ กฟผ. และภายในกลุ่มน้ำตาลครบุรี โดยโรงไฟฟ้าแห่งนี้เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล ที่ใช้กากอ้อยซึ่งเป็นวัสดุเหลือใช้จากการผลิตน้ำตาลเป็นเชื้อเพลิงหลัก สัญญาเข้าลงทุนของกองทุนมีระยะเวลาถึงปี…

Read More

บริษัท ออร์บิกซ์ คัสโทเดียน จำกัด (Orbix CUSTODIAN) ยกระดับความปลอดภัยด้านการบริหารจัดการกุญแจเข้ารหัสในการให้บริการ เลือกใช้เทคโนโลยี Hardware Security Module (HSM) จากไอบีเอ็ม (NYSE: IBM) ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐาน FIPS 140-2 ระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของมาตรฐานอุปกรณ์ในการรักษาความปลอดภัยของกุญแจเข้ารหัสตามมาตรฐาน FIPS 140-2 เสริมแกร่งออร์บิกซ์ คัสโทเดียน ให้พร้อมรองรับการดำเนินงานของลูกค้าในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างมั่นใจ นายเค็น เสวนสัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออร์บิกซ์ คัสโทเดียน จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท ออร์บิกซ์ คัสโทเดียน จำกัด ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Custodial Wallet Provider) รายแรกของประเทศไทยจากกระทรวงการคลัง ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมีนาคม 2568 เป็นต้นมา โดยเริ่มให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ การรักษาความปลอดภัยด้านการเข้ารหัสกุญแจ การให้บริการที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดในทุกสภาวะ และการรองรับสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างหลากหลาย เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลให้เติบโตอย่างมั่นคง ทั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในด้านความปลอดภัยด้านการบริหารจัดการกุญแจเข้ารหัสตามกลยุทธ์หลักของบริษัท ออร์บิกซ์ คัสโทเดียน จึงเลือกใช้เทคโนโลยี Hardware Security Module (HSM) จากไอบีเอ็ม (NYSE: IBM) ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐาน FIPS 140-2 ระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของกุญแจเข้ารหัสตามมาตรฐาน FIPS 140-2 และการทำงานภายใต้ระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบคลาวด์ที่มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับขยายได้ตามการเติบโตของลูกค้าและความต้องการของตลาดและเสริมสร้างมาตรการรักษาความปลอดภัยในระดับองค์กร เพื่อรองรับการดำเนินงานของลูกค้าในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างมั่นใจ นายอโณทัย เวทยากร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า เทคโนโลยี Hardware Security Modules (HSM) ของไอบีเอ็ม ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วย เสริมสร้างความปลอดภัยด้านการบริหารจัดการกุญแจเข้ารหัส ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญส่วนหนึ่งของระบบดูแลรักษาสินทรัพย์ดิจิทัล โดยรองรับการใช้งานผ่านระบบคลาวด์ที่สามารถปรับเพิ่มขนาดได้ตามปริมาณผู้ใช้งาน ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานในการให้บริการแก่ธุรกิจด้านการเงินทั่วโลก…

Read More

ณ “บ้านอิ่มใจ” (ประปาแม้นศรี) เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เป็นประธานเปิดงานตรวจสุขภาพคนไร้บ้าน ซึ่งที่แห่งนี้ กทม. ได้เช่าพื้นที่เพื่อเตรียมเป็นศูนย์ดูแลคนไร้บ้าน โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการในเดือนมกราคม 2569 เน้นเป็นที่พักพิงชั่วคราวจำนวน 200 เตียง ให้คนไร้บ้านได้ฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ ตั้งหลักชีวิตก่อนจะกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้ตามปกติ และ โครงการตรวจสุขภาพคนไร้บ้านปีนี้จัดขึ้นในช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยตั้งเป้าตรวจได้ประมาณ 300-400 คน และจะยังคงดำเนินการต่อไปหลังเปิดบ้านอิ่มใจแล้ว นอกจากนี้ยังมีบริการทำบัตรประชาชน การบริจาคอาหาร และการช่วยเหลือด้านการหางาน เพื่อยกระดับสถานะชีวิตคนไร้บ้านในระยะยาว ปัจจุบัน ปัญหาคนไร้บ้านยังไม่ค่อยเข้าระบบและไม่ค่อยตรวจสุขภาพ แต่หาก “บ้านอิ่มใจ” มีบริการที่ดี มีพื้นที่ให้กับผู้ที่ต้องการบริจาคอาหารให้คนไร้บ้าน ทุกคนก็อยากเข้ารับบริการ เพราะเชื่อว่า ไม่มีใครอยากนอนข้างถนน ทุกคนล้วนอยากมีงานทำและมีบ้านอยู่ หน้าที่ของ กทม. รวมทั้งเครือข่ายภาคประชาสังคมและเอกชน จึงต้องช่วยดูแลประคองให้พวกเขากลับมาสู่สภาพปกติ และเป็นทรัพยากรที่สำคัญของสังคมได้ โอกาสนี้ บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งด้วยการสนับสนุนในโครงการ “Heartful Meals, Hopeful Lives หรือ มื้อใส่ใจ เติมความหวังให้ชีวิต” ให้คนไร้บ้านได้มีโอกาสเลือกมื้ออาหารที่อยากทาน โดยจัดเตรียม Food Truck 3 คัน มอบอาหาร 4 เมนูให้เลือก เป็นข้าวกระเพราไก่ไข่ดาว ข้าวหมูทอดทงคัตสึ เย็นตาโฟ และก๋วยเตี๋ยวต้มยำ รวมทั้งยังมีไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟรสวนิลาและโยเกิร์ต ให้คนไร้บ้านกว่า 300 คนที่แวะเวียนเข้ามา รวมถึงทีมแพทย์ พยาบาล และอาสาสมัครจากมูลนิธิกระจกเงา พร้อมทั้งยังเตรียมวงดนตรี พนักงานจิตอาสา ร่วมแสดงดนตรี ส่งมอบความสุข และความสนุกตลอดทั้งงาน ซึ่งถือเป็นความร่วมมือของทั้ง 3 องค์กร ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กรุงเทพประกันชีวิต และมูลนิธิกระจกเงา ในการสร้างสรรค์กิจกรรมดีๆ เพื่อสังคม นางสาวอรนาฎ นชะพงษ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายกลยุทธ์การตลาดและบริหารจัดการลูกค้า กรุงเทพประกันชีวิต กล่าวว่า Heartful…

Read More

นางสาวพจณี คงคาลัย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายลูกค้าบุคคล นายอภิวัฒน์ ปุณโณปกรณ์ และ นายสุวิทย์ อินทรเฉลิม เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Vice President ฝ่ายการประชาสัมพันธ์ นางรสริน มณีรัตน์ เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Assistant Vice President ผู้จัดการสาขาสำนักงานใหญ่ สีลม นางสาวสุนันฐินี แสนคำ เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Assistant Vice President ผู้จัดการสาขาสุรวงศ์ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) มอบเงินสนับสนุนการจัดทำเสื้อยืดที่ระลึกเนื่องใน “วันผู้บริจาคโลหิตโลก” จำนวน 100,000 บาท ต่อเนื่องเป็นปีที่ 14 เพื่อมอบให้ผู้ที่มาร่วมบริจาคโลหิต ในช่วงสัปดาห์ “วันผู้บริจาคโลหิตโลก” ระหว่างวันที่ 9 – 14 มิถุนายน 2568 โดยมี ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์ชัยเวช นุชประยูร ผู้ช่วยเลขาธิการ สภากาชาดไทย นางสาวปิยนันท์ คุ้มครอง ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการจัดหาโลหิตและภาพลักษณ์องค์กร ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เป็นผู้รับมอบ พร้อมนำพนักงาน “บัวหลวงจิตอาสา” ร่วมเป็นอาสาสมัครแจกเสื้อยืดที่ระลึก อำนวยความสะดวก และแนะนำขั้นตอนในการบริจาคโลหิตให้แก่ประชาชนที่ไปบริจาคโลหิต ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังต์ กรุงเทพฯ ธนาคารกรุงเทพ “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” สนับสนุนการจัดหาโลหิตอย่างต่อเนื่องมากว่า 37 ปี เพื่อเพิ่มปริมาณโลหิตสำรองในระบบ สำหรับนำไปช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ โดยในปี 2568 โอกาสปีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 70 พรรษา ธนาคารขอเชิญชวนลูกค้า ประชาชน และพนักงานธนาคาร ร่วมบริจาคโลหิต ในโครงการ “ธนาคารกรุงเทพร่วมส่งมอบ 70 แสนซีซี บริจาคโลหิตต่อชีวิตทั่วไทย” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ณ จุดรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ของธนาคาร ทั้ง 12…

Read More

เมืองไทยประกันชีวิต เข้าใจทุกความ “ห่วง” ชูแบบประกันภัยเพื่อวางแผนมรดก “เมืองไทย พรีเมียร์ เลกาซี่ 99/1 (แบบเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์คงที่)” และ “เมืองไทย เฟล็กซี่ โพรเทคชั่น 99/20” ตอบโจทย์การสร้างความมั่นคงเพื่อคนที่คุณรัก พร้อมเปิดตัวบริการ “MTL Legacy Consultant” มอบสิทธิพิเศษจาก ติลลิกีแอนด์กิบบินส์ (Tilleke & Gibbins) และ “ชีวามิตร” ช่วยตอบโจทย์การวางแผนการส่งต่อมรดก การออกแบบพินัยกรรมชีวิต การวางแผนการเงินที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมืองไทยประกันชีวิต ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านประกันชีวิตและสุขภาพ ที่คอยเคียงข้างดูแลในทุกช่วงของชีวิต (Trusted Lifetime Partner) พร้อมเข้าใจทุกความ “ห่วง” เพราะชีวิตไม่แน่นอน การเตรียมพร้อมเพื่อคนที่รักจึงสำคัญ ล่าสุดเมืองไทยประกันชีวิต เดินหน้าตอบโจทย์การสร้างความมั่นคงเพื่อคนที่คุณรัก เปิดตัว 2 แบบประกันภัย แบบประกันภัย เมืองไทย พรีเมียร์ เลกาซี่ 99/1 (แบบเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์คงที่) และแบบประกันภัย เมืองไทย เฟล็กซี่ โพรเทคชั่น 99/20 ช่วยเตรียมพร้อมวางแผนมรดกเพื่อส่งต่อความมั่นคงด้วยประกันชีวิต เลือกได้ตามความต้องการ ให้คุณเบาใจในวันที่ไม่อยู่ โดยแบบประกันภัย เมืองไทย พรีเมียร์ เลกาซี่ 99/1 (แบบเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์คงที่) ตอบโจทย์การสร้าง “หลักประกันก้อนใหญ่” ได้ด้วย “เงินก้อนเล็ก” หมดห่วงเรื่องการส่งต่อมรดกจากรุ่นสู่รุ่น และมั่นใจได้ว่าคนที่คุณรักจะไม่สะดุดกับปัญหาสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ ในยามที่คุณไม่อยู่ โดดเด่นด้วยเบี้ยประกันภัยที่ถูกกว่าและได้ความคุ้มครองชีวิตเท่าเดิม พร้อมรับหลักประกันก้อนโตจากความคุ้มครองชีวิต 100%* ชำระเบี้ยเพียงครั้งเดียว แต่ให้ความดูแลไปตลอดชีวิต สมัครได้ตั้งแต่อายุ 30 วัน – 80 ปี จำนวนเอาประกันภัยขั้นต่ำ 10 ล้านบาท ผลประโยชน์ที่ได้รับไม่ต้องเสียภาษี แบบประกันภัย เมืองไทย เฟล็กซี่ โพรเทคชั่น 99/20 โดดเด่นด้วยความคุ้มครองที่ครอบคลุมทั้งชีวิตและสุขภาพ…

Read More

บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ในฐานะผู้นำด้านบริษัทประกันที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม หรือ Green Insurer ร่วมกับ มูลนิธิ ลากูน่า ภูเก็ต และศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน สานต่อนโยบายด้าน Climate Change & Biodiversity หรือ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความหลากหลายด้านชีวภาพ ในกิจกรรม “Save Our Sea ปีที่ 3” ณ อังสนา ลากูน่า จ.ภูเก็ต คุณณัฐพิสิษฐ์ ครุฑครองชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กรุงไทย – แอกซ่า ประกันชีวิต กล่าวว่า “กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต เป็นองค์กรที่มุ่งมั่น และให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในด้าน Climate Change & Biodiversity ผ่านการช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศน์ และสิ่งแวดล้อมทะเลของประเทศไทย รวมถึงเป็นแรงขับเคลื่อน ส่งเสริม และกระตุ้นการปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ และรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล นอกจากนี้ กลุ่มแอกซ่ายังยกประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้เป็น 1 ใน 5 กลยุทธ์หลักขององค์กร ในขณะที่ กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต มุ่งเน้นเรื่องดังกล่าวเป็นนโยบาย และเป็นกลยุทธ์หลักของการดำเนินงานด้านการช่วยเหลือสังคม และสิ่งแวดล้อม โดยดำเนินงานผ่านโครงการต่างๆ ซึ่งบริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในทุกๆ โครงการของเรา จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้แก่องค์กรต่างๆ และประชาชนให้เห็นความสำคัญกับการอนุรักษ์ และรักษาธรรมชาติ ผ่านการลงมือทำร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ให้สมกับคำว่า เคียงข้าง คุ้มครอง พร้อมใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อคงไว้ให้แก่ลูกหลานของเราในอนาคต” คุณบุปผาวดี โอวรารินท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาด กล่าวเสริม “โครงการ Save Our Sea ปีที่ 3 ถือเป็นโครงการระยะยาวซึ่งเป็นการร่วมมือกันของ กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ในฐานะ Green Insurer มูลนิธิ ลากูน่า ภูเก็ต และศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน…

Read More

เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ประกาศความสำเร็จด้านงานบริหารบุคลากร คว้า 12 รางวัลใหญ่จากเวที Employee Experience Awards 2025 จัดโดย Human Resources Online ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นเวทีระดับนานาชาติที่มอบรางวัลให้แก่องค์กรที่มีความโดดเด่นด้านการบริหารบุคลากร และการสร้างประสบการณ์การทำงานที่มีคุณภาพ ตอกย้ำการเป็นองค์กรที่มีความโดดเด่นที่สุดในการสร้างความผูกพันของพนักงาน ครอบคลุมทั้งด้านสุขภาวะ การมีส่วนร่วม และวัฒนธรรมองค์กรที่ยั่งยืน นางสาวสายฝน คงจิตต์งาม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและสนับสนุนองค์กร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ กล่าวว่า “เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ เป็นองค์กรประกันระดับสากลที่มุ่งมั่นให้ความสำคัญกับการส่งเสริมศักยภาพของบุคลากรในทุกมิติ ภายใต้แนวคิด People Empowerment ซึ่งเป็นหนึ่งในสามเสาหลักการบริหารบุคลากรของเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ที่ยึดปฏิบัติ รวมถึงการสนับสนุนความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม (DEI) อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้คุณค่ากับความแตกต่างของแต่ละบุคคล รวมถึงการปรับนโยบายด้านสวัสดิการให้สอดรับกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ด้วยการมอบสิทธิประโยชน์ที่เหมาะสมกับพนักงานทุกเพศทุกวัย เช่น สิทธิลาเพิ่มในเดือนเกิด, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, สิทธิลาเพื่อเข้าพิธีสมรส, สิทธิลากิจเพื่อดูแลคู่ชีวิตในกรณีเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล, และสิทธิในการซื้อประกันสุขภาพกลุ่มให้แก่คู่ชีวิต นอกจากนี้ เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ยังได้ส่งเสริมการพัฒนาทักษะและความรู้ (Upskill & Reskill) ของพนักงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และในปีที่ผ่านมาได้นำแนวคิด Hybrid Work Model มาปรับใช้ให้สอดคล้องกับรูปแบบการทำงานในยุคปัจจุบัน ตลอดจนปรับปรุงพื้นที่การทำงานที่สำนักงาน เพื่อสร้างบรรยากาศการทำงานที่เอื้อต่อความสุขและประสิทธิภาพของพนักงาน ส่งผลให้ เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ เป็นองค์กรที่คนรุ่นใหม่ต้องการมาร่วมงานด้วยเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย โดยมีรางวัลด้านการบริหารบุคลากรเป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพในการบริหารจัดการบุคลากรและสภาพแวดล้อมในการทำงานได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับปีนี้ เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ได้รับ 12 รางวัลใหญ่ จากเวที Employee Experience Awards 2025 แบ่งออกเป็น 4 หมวดหมู่หลัก ได้แก่ รางวัลระดับสูงสุด Overall Engagement Award รางวัลอันทรงเกียรติที่มอบให้แก่องค์กรที่สามารถสร้างความผูกพันกับพนักงานได้อย่างรอบด้านและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในปีนี้ สะท้อนถึงความสามารถในการหล่อหลอมวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้าง มีส่วนร่วม และขับเคลื่อนไปด้วยกันอย่างมีพลัง รางวัลระดับ GOLD ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่เป็นเลิศในสถานที่ทำงาน…

Read More

กสิกรไทยร่วมมือกับไทยแอร์เอเชีย ทำสัญญาบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจกเป็นครั้งแรกของธุรกิจสายการบินในประเทศไทย โดยอ้างอิงโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (Low Emission Support Scheme : LESS) ที่ได้รับใบประกาศเกียรติคุณจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นกลไกที่จะช่วยให้เกิดการมุ่งสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ โดยธนาคารจะมอบอัตราแลกเปลี่ยนพิเศษให้กับบริษัทหลังจากได้รับใบประกาศเกียรติคุณของโครงการ LESS ตามช่วงเวลาที่กำหนด ซึ่งความร่วมมือนี้ตอกย้ำบทบาทของเครือข่ายธุรกิจเพื่อการจัดการสภาพภูมิอากาศประเทศไทย (Thailand Climate Business Network: ThaiCBN) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างธนาคารกสิกรไทย และบริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด ร่วมกับองค์กรชั้นนำระดับประเทศและนานาชาติอีก 23 แห่ง เพื่อเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ไปด้วยกัน นายไพรัชล์ พรพัฒนนางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด กล่าวว่า บริษัทมุ่งมั่นในการใช้มาตรฐานความยั่งยืนธุรกิจ หรือ ESG สร้างการเติบโตควบคู่การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะนโยบายลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สู่การเป็นองค์กร Net Zero จึงตั้งเป้าหมายในนโยบายการจัดการสิ่งแวดล้อม ให้มีความเข้มข้นต่อเนื่องขึ้นในทุกปีเพื่อไปสู่เป้าหมายดังกล่าว โดยบริษัทดำเนินการโครงการต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งใบประกาศเกียรติคุณจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เป็นสิ่งช่วยยืนยันว่ากิจกรรมที่แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมผ่านการดำเนินกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจกของบริษัทเป็นที่ยอมรับ จึงเป็นที่มาในการเชื่อมโยงประกาศเกียรติคุณของโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจกเข้ากับการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนกับธนาคารกสิกรไทย ซึ่งทำให้ไทยแอร์เอเชียเป็นสายการบินแรกในประเทศไทยที่ใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และยังสามารถดำเนินการตามเป้าหมายในนโยบายการจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อพัฒนานวัตกรรมตลาดเงินรวมถึงยังตอกย้ำบทบาทของเครือข่ายธุรกิจเพื่อการจัดการสภาพภูมิอากาศประเทศไทยที่มีเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในอนาคตอีกด้วย นายทิพากร สายพัฒนา รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยมีความยินดีในการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงใบประกาศเกียรติคุณของโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจกกับแอร์เอเชีย โดยธนาคารจะมอบอัตราแลกเปลี่ยนพิเศษให้กับบริษัทหลังจากได้รับใบประกาศเกียรติคุณของโครงการ LESS ตามช่วงเวลาที่กำหนด ซึ่งแอร์เอเชียเป็น 1 ในองค์กรที่ร่วมกับธนาคารกสิกรไทยในการจัดตั้งเครือข่ายธุรกิจเพื่อการจัดการสภาพภูมิอากาศประเทศไทย (ThaiCBN) โดยเชื่อมั่นว่าธุรกรรมนี้จะมีส่วนในการสร้างแรงจูงใจให้การดำเนินธุรกิจของไทยแอร์เอเชีย บรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ซึ่งเป็นธุรกรรมที่ตอบโจทย์การดำเนินงานของธนาคารบนหลักการเป็นธนาคารแห่งความยั่งยืน ที่พร้อมจะสนับสนุนลูกค้าด้วยการเป็นผู้บุกเบิกการเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่ดี นับเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตธรรมทางการเงินในฐานะผู้นำด้านธุรกิจตลาดเงินและตลาดทุนชั้นนำของประเทศ

Read More

เอไอเอ ประเทศไทย เดินหน้านโยบายด้านความยั่งยืน (ESG) สนับสนุนกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุกลุ่มแก่จิตอาสาจำนวน 1,500 คนใน “โครงการหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ครั้งที่ 10” เพื่อคลายความกังวล และมอบความอุ่นใจระหว่างปฏิบัติหน้าที่จิตอาสานอกพื้นที่ภูมิลำเนา ตลอดจนเดินทางกลับภูมิลำเนาอย่างปลอดภัย โดยมีนายสุวิรัช พงศ์เสาวภาคย์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการภายนอก เอไอเอ ประเทศไทย รับมอบประกาศนียบัตรในฐานะผู้สนับสนุนโครงการฯ จาก นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขในนามกระทรวงสาธารณสุขและแพทยสภา โดยความคุ้มครองที่กลุ่มจิตอาสาได้รับนั้นมีวงเงินคุ้มครองชีวิตสูงถึง 200,000 บาทต่อกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ พร้อมรับผลประโยชน์ค่าชดเชยรายได้ระหว่างการเข้ารักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน กรณีได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ทั้งนี้ภายในงานได้รับเกียรติจาก พล.อ.อ.นพ.อิทธพร คณะเจริญ (ที่ 2 จากขวา) เลขาธิการมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ พร้อมด้วย นพ.อิทธิพล จรัสโอฬาร (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช และนายบุญชัย โต๊ะสุวรรณวณิช (ซ้ายสุด) ผู้อำนวยการภาคระดับสูงหน่วย ภาคนำทอง 273 เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมงานด้วย โดยการสนับสนุนดังกล่าวถือเป็นการตอกย้ำพันธกิจ AIA One Billion ที่เอไอเอมุ่งมั่นอย่างยิ่งในการสนับสนุนให้ผู้คนกว่าพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’ ณ โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช จังหวัดสุพรรณบุรี

Read More