Meiji Yasuda Life Insurance บริษัทประกันชีวิตรายใหญ่ของญี่ปุ่นวางแผนจะซื้อ Banner Life Insurance มูลค่า 352.2 พันล้านเยน หรือประมาณ 2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังลงทุน 1.30 แสนล้านเยน เพื่อถือหุ้น 5% ของ Legal & General Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่ที่อยู่ในสหรัฐฯ การประกาศแผนไปขยายตลาดในต่างประเทศเนื่องจากตลาดในประเทศหดตัว บริษัทประกันชีวิตของญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งจึงขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศเพื่อการเติบโต มูลค่าการลงทุนรวมของบริษัทประกันของญี่ปุ่นในสหรัฐอเมริกาน่าจะแตะ 1.4 ล้านล้านเยน นอกจากนี้บริษัทประกันรายใหญ่ของญี่ปุ่นแห่งนี้ยังวางแผนที่จะซื้อ American Heritage Life Insurance การซื้อกิจการครั้งนี้น่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือนมีนาคม 2569 คาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ในรูปเบี้ยประกันภัยให้กับ Meiji Yasuda ประมาณ 5 แสนล้านเยน และเพิ่มอัตราส่วนธุรกิจประกันภัยในต่างประเทศจาก 15% เป็น 26% ในปี 2024 Nippon Life ได้ลงทุนในบริษัท CoreBridge Financial ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจด้านเงินบำนาญรายปีรายบุคคลขในสหรัฐอเมริกา และเคยประกาศแผนที่จะเข้าซื้อกิจการ Resolution Life Group Holdings ด้วย จาก www.asiainsurancereview.com
Author: staff
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด (KTX) จัดงาน “ทิศทางการลงทุนหุ้นรับตรุษจีน ปี 2568” สำหรับลูกค้า Krungthai Private Banking และ Krungthai Precious+ ภายในงานมีการวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจโลกและตลาดหุ้นไทยในปี 2568 ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก พร้อมกลยุทธ์การลงทุนจากผู้เชี่ยวชาญของ KTX โดยได้รับเกียรติจาก นายสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ประธานผู้บริหาร Retail Banking ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ที่ 4 จากขวา) และนายวีรยุทธ นรเศรษฐสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด (ที่ 1 จากซ้าย) นำทีมผู้บริหารให้การต้อนรับลูกค้า พร้อมมุ่งมั่นส่งเสริมโอกาสการลงทุนที่หลากหลาย เพื่อช่วยลูกค้าบริหารพอร์ตการลงทุนอย่างมั่นคงและยั่งยืน เมื่อวันศุกร์ที่ 31 มกราคม 2568 ณ Siam Kempinski Hotel Bangkok
นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด (“SCBAM”) เปิดเผยว่าภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้ ยังมีความท้าทายจากความไม่แน่นอนด้านนโยบายการเงินและการปรับลดดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้นจริงของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และความผันผวนของตลาดหุ้น ในเชิงของการปรับพอร์ตลงทุนจึงมองว่าการมีตราสารหนี้ในพอร์ตยังเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยกระจายความเสี่ยง มีโอกาสสร้างกระแสเงินสด พร้อมเสริมเสถียรภาพสมดุลพอร์ตให้เหมาะสมกับภาวะตลาดได้ ทั้งนี้ จากการเสนอขายกองทุนใหม่ในช่วงที่ผ่านมา การลงทุนที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากสัญญาออปชั่น เป็นกลยุทธ์ที่นักลงทุนให้การตอบรับอย่างดี สะท้อนผ่านกระแสเรียกร้องที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ SCBAM มองว่าตลาดหุ้นไทยยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการลงทุนเพื่อหาผลตอบแทนกับดัชนี SET50 ที่เป็นศูนย์รวมของหุ้นไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานแกร่ง มีศักยภาพการเติบโตที่โดดเด่น และมีโอกาสปรับตัวขึ้นจากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มขยายตัว ทั้งภาคการส่งออก ที่คู่ค้าหลายประเทศอาจเร่งนำเข้าสินค้าก่อนที่สงครามการค้าจะขยายตัวในวงกว้าง และการบริโภคในประเทศ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ SCBAM จึงเปิดกองทุน SCBCR1YW หรือ “กองทุนเปิดไทยพาณิชย์คอมเพล็กซ์รีเทิร์น 1YW ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย” กำหนดเสนอขายวันที่ 10 – 17 กุมภาพันธ์ 2568 เริ่มต้นเงินลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท เพื่อเป็นทางเลือกให้นักลงทุนที่ยังต้องการปรับสมดุลพอร์ตเพิ่มเติม กองทุน SCBCR1YW เป็นกองทุน Complex Fund อายุ 1 ปี ที่ยังเน้นจุดเด่นกลยุทธ์ลงทุนต่อการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนแบบลดความเสี่ยงขาดทุนเงินต้น และโอกาสรับผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากสัญญาออปชั่นที่เชื่อมโยงกับการปรับตัวของดัชนี SET50 ซึ่งจะแบ่งนโยบายลงทุนออกเป็น 2 ส่วน คือ (1) การลงทุนตราสารหนี้และเงินฝากระดับ Investment Grade ทั้งในและต่างประเทศ ด้วยสัดส่วนเงินลงทุนประมาณ 99.85% ของทรัพย์สินกองทุน ซึ่งตราสารหนี้เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำ จึงช่วยลดความเสี่ยงการขาดทุนเงินต้นได้ อีกทั้งมีโอกาสได้รับเงินต้นคืนพร้อมดอกเบี้ยเมื่อครบกำหนดอายุโครงการ (2) การลงทุนโดยการเข้าทำธุรกรรมสัญญาออปชั่น Digital Call ที่มีเงื่อนไขการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับดัชนี SET50 ด้วยสัดส่วนเงินลงทุนประมาณ 0.15% ของทรัพย์สินกองทุน ซึ่งหากในวันพิจารณาผลตอบแทน ระดับดัชนี SET50 ปรับขึ้นเท่ากับหรือมากกว่า 10% จากวันที่เริ่มต้นสัญญา ก็จะเป็นโอกาสการรับผลตอบแทนเพิ่มจากส่วนออปชั่นเป็น Bonus Coupon ในอัตราผลตอบแทนคงที่ 0.40% ตามเงื่อนไขที่กองทุนระบุ โดยจะกำหนดจ่ายผลตอบแทนครั้งเดียวในวันครบอายุโครงการ (*ผู้ลงทุนสามารถศึกษาข้อมูลลักษณะการจ่ายผลตอบแทนของกองทุนเพิ่มเติมได้จากหนังสือชี้ชวน) นางนันท์มนัส กล่าวเพิ่มเติมว่า “การจัดพอร์ตลงทุนให้สมดุลเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่อยากให้นักลงทุนมองข้าม…
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ได้รับการยกย่องในระดับนานาชาติด้วยการคว้า 2 รางวัลอันทรงเกียรติจากเวที 5th Emerging Asia Insurance Conclave & Awards 2024 นำโดย คุณพงศ์ธร วัธนนัย Head of Talent Acquisition & Management and Culture (คนซ้าย) เข้ารับรางวัลสาขา Women in Insurance Leadership in Thailand และ คุณณภัทร ติระอาภรณ์ Head of Digital Product and Innovation (คนขวา) เข้ารับรางวัลสาขา Best Innovations Led by Technology and Insurtech โดยทั้ง 2 รางวัลจัดขึ้นเพื่อยกย่ององค์กรที่มีความโดดเด่นในอุตสาหกรรมประกันภัยในภูมิภาคเอเชีย โดยคณะกรรมการจะพิจารณาจากผลงานด้านนวัตกรรม การพัฒนาบริการ และการบริหารจัดการองค์กรที่เป็นเลิศ โดยรางวัลทั้งสองนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ในด้านการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาพัฒนาการให้บริการด้านประกันชีวิต เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล พร้อมการพัฒนาแพลตฟอร์ม เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงบริการได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น สอดคล้องกับคำมั่นสัญญา “ลูกค้าเป็นที่หนึ่ง” นอกจากนี้รางวัลอีก 1 สาขาที่ได้รับ สะท้อนถึงการยกย่ององค์กรที่มีผู้บริหารผู้หญิง และเป็นการส่งเสริมความเท่าเทียมของผู้นำสตรีในบริษัทฯ ที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จ สำหรับท่านที่สนใจร่วมงานกับ กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต สามารถติดต่อได้ที่ โทร 02-056-3513-15 หรือ https://www.krungthai-axa.co.th/th/career
ลูกค้าธนชาตประกันภัย คว้ารางวัลที่ 1 รถยนต์ไฟฟ้า BYD DOLPHIN จากงาน Insure Mall Thailand 2024 กิจกรรมส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยผ่านช่องทางดิจิทัล ซึ่งจัดโดย สำนักงาน คปภ. ร่วมตอกย้ำความเชื่อมั่นและความประทับใจในบริการ เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยครบทุกมิติของการใช้ชีวิต ขณะที่ ธนชาตประกันภัย ร่วมแสดงความยินดีกับลูกค้าผู้โชคดีรวม 13 คน พร้อมเดินหน้าสนับสนุน คปภ. ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงระบบประกันภัยได้สะดวกยิ่งขึ้น นางวิชินี โอรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวแสดงความยินดีในโอกาสร่วมเป็นสักขีพยานการรับมอบรางวัลให้กับผู้โชคดีจากโครงการ “Insure Mall Thailand 2024” ซึ่งมี นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เป็นผู้มอบรางวัลที่ 1 รถยนต์ไฟฟ้า BYD DOLPHIN STANDARD 435KM สี Graphite Gray มูลค่า 569,900 บาท ให้กับ นายกุมุท นิตยสุทธิ์ ซึ่งเป็นลูกค้าธนชาตประกันภัยที่เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยบ้าน Happy Home จากแพลตฟอร์ม www.insuremallthailand.com โดยมีคณะผู้บริหาร คปภ.และผู้บริหารธนชาตประกันภัย ร่วมเป็นสักขีพยาน “แพลตฟอร์มออนไลน์ www.insuremallthailand.com ที่ คปภ.จัดทำขึ้น ช่วยเพิ่มความสะดวก รวดเร็วให้กับผู้ซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัย และได้การตอบรับที่ดีจากผู้ที่กำลังมองหาหรือต้องการเปรียบเทียบราคาของผลิตภัณฑ์และบริการ ซึ่งนายโกมุทเป็นหนึ่งในลูกค้าของธนชาตประกันภัยที่เห็นความสำคัญของการทำประกันภัย มอบความไว้วางใจและสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้กับชีวิตด้วยการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์และใช้บริการของบริษัทฯ มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และถือครองอยู่หลากหลายกรมธรรม์ด้วยกัน ทั้งประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1, ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า ล่าสุด! ซื้อประกันภัยบ้าน Happy Home ผ่านช่องทางโครงการฯ อีกทั้งยังเป็นผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลใหญ่ พร้อมกับลูกค้าของธนชาตประกันภัยรวม 13 คน ขอแสดงความยินดีกับทุกท่าน ทั้งนี้ การตอบรับที่ดีของลูกค้าธนชาตประกันภัยจากที่ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์บริการผ่านโครงการ Insure Mall Thailand 2024 สะท้อนได้อย่างชัดเจนถึงความสำเร็จของการพัฒนาแพลตฟอร์มศูนย์รวมผลิตภัณฑ์และบริการด้านประกันภัยของสำนักงาน คปภ. และการเติบโตของตลาดประกันภัยบนช่องทางออนไลน์ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของธนชาตประกันภัย ลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์และบริการพร้อมโปรโมชั่นต่าง ๆ ได้ผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์ของบริษัทที่มีหลากหลายและครอบคลุมทุกบริการ ทั้งเว็บไซต์ธนชาตประกันภัย www.thanachartinsurance.co.th, เฟซบุ๊กแฟนเพจ thanachartinsurance – tni หรือ Line Official Account “ธนชาตประกันภัย” นางวิชินี กล่าวทิ้งท้าย…/
ธ.ก.ส. เดินหน้าสนับสนุนเยาวชนของชาติ มุ่งสร้างฐานการผลิตอาหารปลอดภัยอย่างยั่งยืน ผ่านโครงการปลูกความรู้ด้านการเกษตรให้กับนักเรียนทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 15 พร้อมเสริมความรู้การทำเกษตรผ่านโมเดล Smart Farm ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เช่น การปลูกผักสวนครัวและปลูกเมล่อนโดยไม่พึ่งสารเคมี การเลี้ยงปลาและการเพาะเห็ด โดยนำวัตถุดิบที่ได้มาแปรรูปเป็นอาหารกลางวันให้กับนักเรียน และนำไปจำหน่าย เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ปกครอง สร้างรายได้เสริมให้กับนักเรียนและครอบครัว ยกระดับเกษตรเพื่อการบริโภค เป็น “เกษตรการค้า” โดยในปีบัญชี 2567 ธ.ก.ส. ปลูกความรู้ให้กับนักเรียนทั่วประเทศไปแล้วกว่า 13,500 ราย พร้อมขยายผลไปยังครอบครัวนักเรียนและชุมชน เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้กับเยาวชน ครอบครัว และชุมชน ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พร้อมด้วยนายพรชัย งามสินจำรัส ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการสาขาภาคกลาง ธ.ก.ส. นำคณะพนักงาน ธ.ก.ส. ร่วมกิจกรรมปลูกความรู้ ด้านการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันในโรงเรียน ประจำปีบัญชี 2567 เพื่อส่งเสริมความรู้และพัฒนาทักษะด้านการเกษตรผ่านโมเดล Smart Farm ทั้งภาคทฤษฎีและการลงมือปฏิบัติจริง ณ โรงเรียนเทพศิรินทร์คลองสิบสาม อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ซึ่งมีเด็กนักเรียนระดับมัธยมศึกษา รวมกว่า 400 คน ให้สามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้และทำการเกษตรเบื้องต้น โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยในกระบวนการผลิต และสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตที่มีคุณภาพไปใช้ในการประกอบอาหารกลางวัน และยังสามารถนำไปจำหน่าย เพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับนักเรียนและครอบครัว เช่น การปลูกผักผลไม้ไร้สารพิษ การเลี้ยงปลา และการเพาะเห็ดนางฟ้า นอกจากนี้ ได้ร่วมเยี่ยมชมโรงเรียนธนาคารและแปลงเกษตรต้นแบบในโรงเรียน ได้แก่ โรงเรือนเมล่อน โรงเรือนผักสลัด โรงเรือนเห็ดนางฟ้า และบ่อเลี้ยงปลาระบบปิดที่มีการใช้ระบบเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาควบคุมการผลิต ลดปริมาณน้ำล้น บำบัดน้ำเสียช่วยลดปัญหาการใช้น้ำแบบสิ้นเปลือง และกิจกรรม Classroom แลกเปลี่ยนความรู้ในหัวข้อ การยกระดับสินค้าเกษตรให้กับนักเรียน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ก่อเกิดไอเดียในการคิดสร้างสรรค์และแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตร เพื่อเพิ่มมูลค่าในอนาคต พร้อมกันนี้ ยังได้ร่วมประกอบอาหารกับนักเรียนด้วยการใช้วัตถุดิบสดใหม่ที่เก็บเกี่ยวมาจากโรงเรือน พร้อมจัดเลี้ยงอาหารกลางวันให้กับนักเรียนอีกด้วย ในโอกาสนี้ ธ.ก.ส. ได้มอบทุนการศึกษา อุปกรณ์กีฬา กระเป๋าเป้ และผลิตภัณฑ์ข้าวพร้อมทานตาม “อุ่นอิ่ม” ทั้งประเภทข้าวหอมมะลิ ข้าวกล้องหอมมะลิและข้าวไรซ์เบอร์รี่ ให้แก่โรงเรียนเทพศิรินทร์คลองสิบสาม เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ วางรากฐานและพัฒนาทักษะที่สำคัญให้กับเยาวชน อันนำไปสู่โอกาสทางการศึกษาและสร้างรากฐานอาชีพที่มั่นคงในอนาคตต่อไป ทั้งนี้ ธ.ก.ส.…
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด โดย นางสาวภาวิณี องค์วาสิฏฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ มอบรายได้ค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการกองทุนเปิด ทิสโก้ ESG หุ้นไทยยั่งยืน (TISESG) รอบปี 2567 รวมจำนวน 592,789.33 บาท ให้แก่ 2 หน่วยงานที่ทำประโยชน์เพื่อสังคม ได้แก่ มูลนิธิทิสโก้เพื่อการกุศล จำนวน 358,139.70 บาท และมูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จำนวน 234,649.63 บาท ทั้งนี้ นับตั้งแต่กองทุนเปิด ทิสโก้ ESG หุ้นไทยยั่งยืน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2558 บลจ. ทิสโก้ได้สนับสนุนเงินทุนจากการบริหารกองทุนให้แก่หน่วยงานที่ทำประโยชน์ให้กับสังคมมาแล้ว 10 ครั้ง รวมมูลค่ากว่า 10,227,040 บาท โดยกองทุน TISESG มีเป้าหมายการลงทุนในบริษัทที่มีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental – Social – Governance: ESG) เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน พร้อมทั้งผลักดันกิจการที่ดำเนินงานโดยคํานึงถึงปัจจัยด้าน ESG ซึ่งจะช่วยสร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืนต่อระบบเศรษฐกิจไทยในระยะยาว บุคคลในภาพ (จากซ้ายไปขวา) : นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทิสโก้ นางสาวภัทรานิษฐ์ พันธุ์ธราพงษ์ ผู้จัดการมูลนิธิทิสโก้ เพื่อการกุศล นางสาวภาวิณี องค์วาสิฏฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ทิสโก้ นายวรณัฐ เพียรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันไทยพัฒน
บลจ.อเบอร์ดีน มองหุ้นอินเดียปรับฐาน จังหวะซื้อสะสม โอกาสเติบโตไปกับเศรษฐกิจแข็งแกร่ง พลังประชากรในประเทศหนุนการบริโภค ด้านนโยบายทรัมป์ 2.0 ขึ้นภาษีนำเข้าไม่กระทบประเทศ พร้อมมองทรัมป์กระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโต ผลบวกต่อบริษัทไอทีอินเดีย ลูกค้าในสหรัฐฯ ใช้จ่ายเพิ่ม นางสาวพฤกษา เอี่ยมธงทอง Deputy Head of Equities – Asia Pacific, Asian Equities, abrdn Asia Limited เปิดเผยว่า “อเบอร์ดีน” ยังมีมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นอินเดีย และเป็นประเทศที่เผชิญความเสี่ยงค่อนข้างต่ำจากนโยบายทรัมป์ 2.0 ขึ้นภาษีนำเข้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เนื่องจากอินเดียเกินดุลการค้าสหรัฐฯ ต่ำกว่าประเทศในภูมิภาคเอเชียและการส่งออกส่วนใหญ่มาจากบริการต่างๆ โดยเฉพาะบริการด้านไอทีของอินเดีย “ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจอินเดียเติบโตค่อนข้างสูง GDP ของอินเดียประมาณ 78-80% เกิดจากการขับเคลื่อนภายในประเทศ โดยการส่งออกคิดเป็นประมาณ 22% เท่านั้น (ที่มา: abrdn) ขณะที่จุดแข็งด้านการส่งออกธุรกิจไอที ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์และธุรกิจบริการ ที่ลูกค้าหลักอยู่ในสหรัฐฯ ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาธุรกิจไอทีสหรัฐฯ ก็อยู่ในจุดอ่อนแอ โดยมองว่าถ้าปีนี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้นโยบายหลายอย่างของทรัมป์เข้ามาช่วย จะสามารถกระตุ้นการใช้จ่ายของบริษัทสหรัฐฯได้และจะส่งผลบวกต่อบริษัทอินเดียด้วย” นางสาวพฤกษา กล่าว เศรษฐกิจอินเดียเติบโตแข็งแกร่งในหลายปีที่ผ่านมาจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งหลังจากโควิดเริ่มเห็นการเติบโตชะลอตัวลงจากภาคการส่งออกที่ซบเซา แต่ยังเติบโตได้ในระดับสูงและคาดว่าจะเติบโตได้ถึง 8% ในปี 2024 และ 7% ในปี 2025 โดยคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียน(EPS) ในปี 2025 เติบโต 16% จากปี 2024 คาดเติบโต 14% (ที่มา: abrdn) นางสาวพฤกษา กล่าวว่า สำหรับตลาดหุ้นอินเดียในปีนี้ปรับฐานลงตั้งแต่ช่วงต้นปี มองว่าเกิดจาก Valuation ตลาดหุ้นอินเดียค่อนข้างสูง ประกอบกับ GDP ชะลอตัวลง จากความกังวลความอ่อนแอของการบริโภคในเมืองจากเงินเฟ้อที่สูง โดยเฉพาะหมวดอาหารที่ได้รับผลกระทบจากฝนตกน้อย จึงกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในภาพรวม แต่แนวโน้มเริ่มดีขึ้น เนื่องจากสิ้นปีที่ผ่านมาปริมาณน้ำฝนในอินเดียกลับมาอยู่ในระดับปกติมากขึ้น จึงมองว่าปัญหาภาคการบริโภคเป็นเพียงแค่ปัญหาชั่วคราว นอกจากนี้ หุ้นอินเดียปรับตัวลงจากการที่นักลงทุนขายทำกำไรบางส่วนหลังตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นเมื่อหลายปีก่อนจนถึงปัจจุบัน นอกจากตลาดหุ้นที่ร่วงลง…
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงศรี จำกัด ได้รับแต่งตั้งจากกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ให้เป็นผู้จัดการกองทุนรายย่อยในการบริหารตราสารทุนไทย โดยมีพิธีลงนามสัญญาร่วมกับคุณจารุรักษ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการ กอช. และคุณเอนกพร โพธิทัต ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มบริหารตัวแทนขายและรักษาการประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มลูกค้าสถาบันและลูกค้า พร้อมด้วยคุณธีรลักษ์ แสงสนิท รองปลัดกระทรวงการคลัง ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ และ ดร.วโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และคุณศิระ คล่องวิชา ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มการลงทุน บลจ.กรุงศรี ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามที่จัดขึ้น ณ ห้องโถงวายุภักษ์ กระทรวงการคลัง เมื่อเร็วๆ นี้
นางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง เปิดเผยถึงกลยุทธ์การดำเนินงานในปี 2025 ว่า ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ตอบสนองความต้องการนักลงทุนทุกกลุ่มในสถานการณ์ที่ทั่วโลกยังเผชิญความผันผวน ทั้งจากปัญหาเศรษฐกิจและสงครามการค้าจากนโยบายการขึ้นภาษีของสหรัฐอเมริกา โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งสิ่งสำคัญคือการติดตามข้อมูลข่าวสารและให้คำแนะนำอย่างรวดเร็วแม่นยำ โดยบลจ.อีสท์สปริง ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาเพื่อให้นักลงทุนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนเพื่อเป้าหมายในการประสบความสำเร็จจากการวางแผนทางการเงินผ่านกองทุนรวมในระยะยาว ทั้งนี้ ด้วยการดำเนินงานเชิงรุก ในปีที่ผ่านมา บลจ.อีสท์สปริง ประสบความสำเร็จจากผลการดำเนินงานของกองทุนทุกประเภท โดยมีอัตราเติบโตของมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) รวม 14% ซึ่งถือเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดจากปี 2024 โดยแบ่งเป็น ธุรกิจกองทุนรวม เติบโต 14.93% ธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เติบโต 10.16% และ ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล 7.31% สูงกว่าอุตสาหกรรมธุรกิจการจัดการกองทุนAUM รวมเติบโตเกือบ 10% แบ่งเป็น ธุรกิจกองทุนรวม เติบโต 14.10% ธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เติบโต 6.41 % และ ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลเติบโต 2.21% (ข้อมูล AIMC ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2024) “ความสำเร็จในปีที่ผ่านมาเป็นผลมาจากการดำเนินงานเชิงรุก ทั้งการออกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ การพัฒนานวัตกรรมการลงทุนที่สมบูรณ์แบบอย่าง Fund Link Application PVD Digital Platform ที่ประกอบด้วย Eastspring M Choice PVD Mobile Application สำหรับสมาชิก, Eastspring PVD Employer Online สำหรับผู้ประสานงานสำหรับฝั่งนายจ้าง และ Eastspring PVD Fund Committee Mobile Application สำหรับคณะกรรมการกองทุน ที่ออกแบบมา เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพจนเป็นที่ยอมรับ ซึ่งในปีนี้เรายังเดินหน้าขยายฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น โดยมีเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่มีแนวโน้มสนใจการลงทุนและวางแผนการเงินเอย่างมากมายพิ่มขึ้น นอกจากกลยุทธ์การให้ความรู้แก่นักลงทุนอย่างเข้มข้นแล้ว ยังมุ่งสร้างความสัมพันธ์กับพันธมิตรที่แข็งแกร่งทั้งในและต่างประเทศ พร้อมขยายช่องทางการจำหน่ายให้เข้าถึงกลุ่มนักลงทุนได้กว้างขึ้น ควบคู่กับการออกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับทุกสถานการณ์การลงทุน รวมทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเพื่อตอบสนองนักลงทุนมือใหม่ที่ยังไม่มีความรู้และไม่มีเวลาติดตามข้อมูลข่าวสารการลงทุน…