Author: staff

บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และสมาคมประกันวินาศภัยไทย จัดพิธีมอบรางวัลการใช้ระบบสินไหมอัตโนมัติดีเด่น ประจำปี 2566 หรือ “e – Claim Awards 2023” ให้กับโรงพยาบาล มูลนิธิ กู้ชีพ กู้ภัย และบุคลากรที่ใช้ระบบสินไหมอัตโนมัติดีเด่นจากทั่วประเทศ จำนวน 155 รางวัล นางสาวพรรณี ปิติกุลตัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด เปิดเผยว่า เพื่อให้ผู้ประสบภัยจากรถได้รับการคุ้มครองดูแลและชดใช้ค่าสินไหมทดแทนด้วยความสะดวก รวดเร็ว โดยไม่ต้องสำรองจ่าย บริษัทกลางฯ จึงได้มีการนำระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ในการบริหารจัดการ ได้รับการคุ้มครองอย่างรวดเร็ว ผ่านระบบสินไหมอัตโนมัติ หรือ e-Claim System โดยเริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2543 และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 3,240 แห่ง ที่ใช้งานระบบ แบ่งเป็นโรงพยาบาลรัฐ 2,812 แห่ง โรงพยาบาลเอกชน 428 แห่ง และเพื่อเป็นการส่งเสริมให้มีการใช้ระบบสินไหมอัตโนมัติอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเพื่อเป็นการขอบคุณหน่วยงานและบุคลากรที่ใช้ระบบ e – Claim อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และสมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้จัดให้มีงานมอบรางวัล “การใช้ระบบสินไหมอัตโนมัติดีเด่น ประจำปี 2566 หรือ e – Claim Awards 2023” ขึ้น โดยมีโรงพยาบาล มูลนิธิ กู้ชีพ กู้ภัย และบุคลากรที่เกี่ยวข้องเข้ารับรางวัลจำนวนทั้งสิ้น 155 รางวัล ประกอบด้วย โรงพยาบาล 94 รางวัล , เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล 20 รางวัล , มูลนิธิ กู้ชีพ กู้ภัย 12 รางวัล , เจ้าหน้าที่มูลนิธิ กู้ชีพ…

Read More

นางสาวพรรณี ปิติกุลตัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด นายแพทย์อิทธิ ฉันศิริกาญจน กรรมการบริหารเครือโรงพยาบาลมหาชัย ร่วมพิธีลงนามความร่วมมือระบบสินไหมอัจฉริยะ Auto Intelligent Claim (AIC) ระหว่าง บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด กับเครือโรงพยาบาลมหาชัย โดยได้รับเกียรติจากนายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย , ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย และนายอานนท์ วังวสุ ประธานกรรมการบริษัทกลางฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน โดยระบบ AIC จะเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างระบบ e – claim และระบบบันทึกของโรงพยาบาลแบบ real time ทั้งข้อมูลของผู้ประสบภัย ประวัติการรักษาพยาบาล รายการยา ผลตรวจ x – ray ต่าง ๆ รวมถึงผลวินิจฉัยที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้เพื่อให้การจ่ายค่ารักษาพยาบาลระหว่างผู้ประสบภัย โรงพยาบาลและบริษัทประกันภัย เป็นไปอย่างรวดเร็วและลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อนในการดำเนินการ ทำให้ประหยัดเวลา ลดข้อผิดพลาดและโปร่งใสทุกขั้นตอน ณ ห้อง THE PORTAL BALLROOM ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็คเมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี

Read More

เมืองไทยประกันชีวิต และ มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ส่งมอบผ้าห่มกันหนาว ให้แก่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สานต่องาน พม.หนึ่งเดียว เพื่อบรรเทาทุกข์และรับมือภัยหนาวให้แก่ประชาชน นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และ นางพิตราภรณ์ บุณยรัตพันธุ์ รองประธานกรรมการ มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม เข้าพบนายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ส่งมอบผ้าห่มกันหนาว ให้แก่ พม. สานต่องาน พม.หนึ่งเดียว เพื่อบรรเทาทุกข์และรับมือภัยหนาวให้แก่ประชาชนในหลายพื้นที่

Read More

บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) เข้ารับมอบ 2 รางวัลกลุ่ม Fund Performance Excellence ประเภทกองทุนรวมตราสารทุน และกองทุนรวมตราสารหนี้ จากเวที Hall of Funds 2025 by Finnomena นางสาวรัชดา ตั้งหะรัฐ กรรมการผู้จัดการอาวุโส สายพัฒนาธุรกิจ จากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด เข้ารับมอบรางวัลจากเวที Hall of Funds 2025 by Finnomena โดย บลจ.ยูโอบี ได้รับ 2 รางวัลในกลุ่ม Fund Performance Excellence Award ได้แก่ รางวัล Best Greater China Equity Fund คือ กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท เกรธเธอร์ ไชน่า (UOBSGC) และ รางวัล Best High Yield Bond Fund คือ กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท ยูเอส ไฮ ยิลด์ ฟันด์ ชนิดรับซื้อคืนแบบปกติ (UOBSHY) ซึ่งเกณฑ์การมอบรางวัลจะพิจารณาจากผลตอบแทนย้อนหลังของกองทุน, ความเสี่ยงที่เหมาะสม และเปอร์เซ็นต์การขาดทุนสูงสุดของกองทุนรวม (Maximum Drawdown) ในช่วงระยะเวลา 1, 3 และ 5 ปี ดังนั้น กองทุนที่ได้รับรางวัลจึงเป็นกองทุนที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอในระยะยาว โดยมีการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม งานจัดขึ้นที่โรงแรม ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท เกรธเธอร์ ไชน่า…

Read More

อุตสาหกรรมประกันภัยของกัมพูชามีเบี้ยประกันภัยรวม 356.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567 โดยเพิ่มขึ้น 3.5% จาก 344.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 ตัวเลขนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ระบุในรายงานที่เผยแพร่โดยสำนักงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยของกัมพูชา (Insurance Regulator of Cambodia) ในเดือนมกราคม 2568 ตามรายงานจากสำนักข่าวซินหัว อ้างถึงรายงานของ IRC ระบุว่า การเติบโตดังกล่าวมาจากบริษัทประกันวินาศภัย 18 แห่ง, บริษัทประกันชีวิต 14 แห่ง, บริษัทที่ทำ micro-insurance 7 แห่ง และบริษัทประกันภัยภัย 1 แห่ง การเคลมที่เกิดขึ้นในปี 2567 รวมประมาณ 79.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับ 67 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 ซึ่งเพิ่มขึ้น 18.9% ขณะที่มูลค่าสินทรัพย์รวมของอุตสาหกรรมประกันภัยในกัมพูชามีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ Bou Chanphirou เลขาธิการสำนักงาน IRC กล่าวว่า อุตสาหกรรมประกันภัยของประเทศมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนระบบความมั่นคงทางสังคมและการพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติของกัมพูชา ตามรายงานจากหน่วยงานกำกับดูแลการประกันภัย อัตราการเข้าถึงประกันภัยในกัมพูชาในปี 2566 คิดเป็น 1.16% ของ GDP และเบี้ยประกันภัยต่อคนในปี 2566 อยู่ที่ 21 ดอลลาร์สหรัฐต่อคน Bou Chanphirou กล่าวเพิ่มเติมว่า สองตัวชี้วัดนี้แสดงให้เห็นว่า ตลาดประกันภัยของกัมพูชามีศักยภาพที่จะเติบโตอีกมากในอนาคต อย่างไรก็ตาม สภาพภูมิศาสตร์และภูมิอากาศของกัมพูชาทำให้ประเทศมีความเสี่ยงสูงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น อุทกภัย ภัยแล้ง และพายุไต้ฝุ่น ซึ่งภัยพิบัติที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่ามักทำลายชีวิตความเป็นอยู่ เกษตรกรรม โครงสร้างพื้นฐาน และเศรษฐกิจโดยรวม ด้วยผลกระทบที่เกิดขึ้น กลไกในการจัดหาแหล่งเงินทุนสำหรับการรับมือและฟื้นฟูภัยพิบัติยังคงไม่ดีพอ ส่งผลให้ประเทศต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากภายนอก นอกจากนี้ การมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในด้านนี้ยังมีน้อยมาก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงจากภัยพิบัติยังมีการเข้าถึงน้อยมาก การขาดระบบข้อมูลที่ดีพอส่งผลให้การประเมินความเสี่ยงและการกำหนดพิกัดราคาไม่แม่นยำ ย่อมเป็นข้อจำกัดต่อกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่มีอยู่ การเพิ่มการตื่นตัวในชุมชนเกี่ยวกับความสำคัญของผลิตภัณฑ์ประกันภัยพิบัติและการเตรียมความพร้อมทางการเงินถือเป็นสิ่งสำคัญ กัมพูชาจำเป็นต้องนำแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดจากทั่วโลก โดยเฉพาะจากประเทศในอาเซียน เพื่อปรับปรุงกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติของตน ข้อมูลจาก www.asiainsurancereview.com/

Read More

การเป็นเจ้าของบ้านในฝันสักหลังอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายของใครหลาย ๆ คน เพราะการผ่อนบ้านนั้นมีระยะเวลาในการผ่อนชำระที่ค่อนข้างนานหลายสิบปี แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินเอื้อมของคนที่มีความมุ่งมั่นและมีวินัยทางการเงิน สินเชื่อบ้านทีทีบี ขอแนะนำเทคนิคง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็ทำได้ ที่จะช่วยลดภาระดอกเบี้ย ปลดหนี้บ้านได้ไว และกลายเป็นเจ้าของบ้านได้เร็วขึ้นกว่าที่คาดไว้ ในช่วงต้นปีแบบนี้ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดี ที่ควรมาตั้งเป้าหมายเคลียร์หนี้บ้าน ซึ่งวิธีที่ทำได้เลยและเห็นผลเร็วนั่นคือ “การโปะบ้าน” เป็นการชำระเงินเพิ่มเติมนอกเหนือจากค่างวดปกติ โดยเงินโปะบ้านที่จ่ายเพิ่มจะถูกนำไปหักจากเงินต้นโดยตรง ทำให้ดอกเบี้ยลดลง ระยะเวลาผ่อนสั้นลง และสามารถประหยัดดอกเบี้ยในระยะยาวได้อย่างมีนัยสำคัญ สามารถทำได้ทั้งแบบจ่ายเป็นเงินก้อน หรือ ทยอยจ่ายรายเดือน • โปะเป็นเงินก้อน คนส่วนใหญ่มักทำช่วงต้นปีที่ได้รับเงินโบนัส หรือบางคนอาจจะโปะได้หลายครั้งในแต่ละปีหากมีความพร้อม การโปะบ้านวิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีเงินเก็บสะสมหรือมีเงินก้อน  ทั้งนี้ต้องไม่กระทบต่อเงินสำรองฉุกเฉิน หรือสภาพคล่องทางการเงินด้วย • เพิ่มยอดในการจ่ายแต่ละงวดเป็นประจำทุกเดือน ด้วยการเพิ่มยอดจ่ายให้มากกว่าจำนวนค่างวดที่แบงก์กำหนด หลักการทั่วไปคือ โปะเท่าที่ไหว เช่น หากต้องจ่ายค่างวดเดือนละ 12,000 บาท ให้เพิ่มเป็นจ่ายงวดละ 13,000 บาทแทน  วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้ประจำและต้องการทยอยลดภาระหนี้อย่างสม่ำเสมอ หากต้องการลดภาระหนี้ให้มากขึ้น สามารถเพิ่มยอดเงินให้มากขึ้นได้ตามความสะดวก โดยไม่กระทบกับสภาพคล่องทางการเงินในแต่ละเดือน นอกจากการโปะบ้านแล้ว เทคนิคอีกวิธีหนึ่งนั่นคือ การรีไฟแนนซ์บ้าน ปกติแล้วเมื่อเรากู้สินเชื่อบ้าน พอครบ 3 ปี จะเป็นช่วงที่หลาย ๆ คนต้องเจอกับอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวที่มากกว่าเดิม ดังนั้น สิ่งที่ควรทำเมื่อผ่อนบ้านมา 3 ปี นั่นคือ การรีไฟแนนซ์ เพื่อปรับลดภาระอัตราดอกเบี้ยให้ลดลง ทำให้เราจ่ายค่างวดแต่ละเดือนน้อยลง หรือหากต้องการจ่ายค่างวดเท่าเดิมก็จะสามารถลดจำนวนงวดที่ต้องจ่ายลงได้ การปิดหนี้บ้านให้หมดเร็วไม่ใช่เรื่องยาก หากเราวางแผนอย่างมีวินัยและใช้เทคนิคที่ถูกต้อง ทั้งการรีไฟแนนซ์ และการโปะบ้าน เป็นวิธีที่ทำได้ง่ายและเห็นผลจริง โดยเฉพาะช่วงต้นปีนี้ ถือเป็นช่วงเวลาทองในการเริ่มต้น ที่จะมาลดหนี้ลดภาระให้ตัวเอง และสุดท้ายก็จะปิดหนี้บ้านหมดเร็ว เป็นเจ้าของบ้าน ได้ไวตามที่ต้องการ สำหรับผู้ที่กำลังมองหาแหล่งสินเชื่อใหม่สำหรับการรีไฟแนนซ์บ้าน สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ ทีทีบี พร้อมตอบโจทย์สำหรับคนมีบ้าน ช่วยให้จ่ายดอกเบี้ยถูกลง และเป็นเจ้าของบ้านได้เร็วขึ้น ดอกเบี้ยคงที่ปีแรกเพียง 1.90% ต่อปี ฟรี! ค่าจดทะเบียนจำนอง ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ และค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย สอบถามได้ที่เจ้าหน้าที่ทีทีบี ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่แอป ttb touch และเว็บไซต์ธนาคาร คลิก  https://www.ttbbank.com/link/home-refinance-pr…

Read More

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) รับรางวัล Fund Performance Excellence Awards ประเภท กองทุนรวมตราสารทุน จากกองทุนเปิดกรุงไทยหุ้น Mid-Small Cap (KTMSEQ) และกองทุนเปิดเคแทม ยูเอส โกรท อิควิตี้ ฟันด์ (KT-US-A) โดยมีนางชวินดา หาญรัตนกูล (กลาง) กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมทั้งผู้บริหารและผู้จัดการกองทุนเป็นผู้แทนรับมอบรางวัลจากเวที Hall of Fund 2025 ซึ่งจัดโดย Finnomena เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยทั้ง 2 รางวัลนี้สะท้อนถึงความเป็นเลิศในการบริหารของทีมบริหารจัดการกองทุนตราสารทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเกณฑ์การตัดสินรางวัลประเภทนี้จะพิจารณาตามเกณฑ์เชิงปริมาณทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ ผลตอบแทน ความคุ้มค่าของผลตอบแทนความเสี่ยง (Sharpe Ratio) และการขาดทุนสูงสุด (Maximum Drawdown) โดยครอบคลุมช่วงเวลา 1 ปี, 3 ปี และ 5 ปี ซึ่งจะใช้ข้อมูลจาก Morningstar Direct และเปรียบเทียบผลการดำเนินงานภายในกลุ่มกองทุนเดียวกัน เพื่อสะท้อนถึงความสามารถในการบริหารกองทุนที่สอดคล้องกับลักษณะการลงทุน สำหรับกองทุน KTMSEQ (ความเสี่ยงระดับ 6) เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดกลางและหรือขนาดเล็กที่จดทะเบียนใน SET และ mai ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และ/หรือมีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV ส่วนกองทุน KT-US-A (ความเสี่ยงระดับ 6) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน AB AMERICAN Growth Portfolio (กองทุนหลัก) เพียงกองเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV โดยกองทุนหลักจะลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทสหรัฐฯ ที่จดทะเบียนหรือมีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลในสหรัฐฯ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการได้ที่ บลจ.กรุงไทย โทร.…

Read More

ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เพื่อสนับสนุนการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ และเสริมสถานะให้ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำสำหรับนักลงทุนต่างชาติ พร้อมช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวของประเทศ ผ่านเครือข่ายธนาคารยูโอบี ที่ครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน ภายใต้ความร่วมมือนี้ ธนาคารยูโอบี และ สกพอ. จะนำความเชี่ยวชาญและทรัพยากรที่มีมาร่วมนำเสนอโซลูชันทางการเงินและบริการให้คำปรึกษาที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนต่างชาติ โดยมุ่งเน้นการปรับปรุงกระบวนการลงทุนให้ราบรื่นยิ่งขึ้น ยกระดับความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ และส่งเสริมอุตสาหกรรมหลักตามกลยุทธ์การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย อันได้แก่ ยานยนต์ยุคใหม่ การแพทย์และสุขภาพ ดิจิทัลและนวัตกรรม รวมถึงเศรษฐกิจสีเขียวและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นายริชาร์ด มาโลนี่ย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า “การร่วมมือระหว่างธนาคารยูโอบี และ สกพอ. แสดงถึงความมุ่งมั่นของเราในการมีส่วนร่วมในการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเราจะให้การสนับสนุนแบบครบวงจรแก่นักลงทุนทั้งในประเทศ ภูมิภาค และระดับนานาชาติ เพื่อให้ประเทศไทยยังคงเป็นศูนย์กลางชั้นนำด้านนวัตกรรมและการพัฒนาในภูมิภาคนี้ต่อไป ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับพันธกิจของ สกพอ.” ความร่วมมือครั้งนี้จะครอบคลุมโครงการต่างๆ ที่จะดำเนินการร่วมกัน อาทิ แคมเปญส่งเสริมการลงทุน การจัดโรดโชว์สำหรับนักลงทุน และการสนับสนุนผ่านหน่วยงานที่ปรึกษาการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDIA) ของธนาคาร ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2563 หน่วยงาน FDIA ของยูโอบีได้สนับสนุนให้บริษัทกว่า 450 แห่งขยายธุรกิจเข้าสู่ประเทศไทย โดยคาดว่าสร้างมูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศกว่า 45,000 ล้านบาท และสร้างโอกาสการจ้างงานให้กับคนไทยมากกว่า 31,000 ตำแหน่ง นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กล่าวว่า “การร่วมมือกับธนาคารยูโอบี สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการขับเคลื่อนเป้าหมายทางเศรษฐกิจของไทย การดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธนาคารยูโอบีในประเทศไทย และเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน จะมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับนักลงทุนที่มีศักยภาพ นอกจากนี้ ความร่วมมือนี้จะช่วยเสริมความสามารถของ สกพอ. ในการเสนอโซลูชันทางการเงินแบบครบวงจร ไม่เพียงแต่สำหรับโครงการในประเทศเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงกับฐานลูกค้าที่หลากหลายและขยายตัวเพิ่มขึ้นของธนาคารยูโอบี โดยทั้งสององค์กรมุ่งมั่นดึงดูดการลงทุนมูลค่าสูงที่ส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างโอกาสให้กับชุมชนในประเทศไทย” เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งประกอบด้วยจังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา กลายเป็นศูนย์กลางการลงทุนที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยทำเลที่ตั้งเชิงกลยุทธ์ โครงสร้างพื้นฐานระดับโลก และนโยบายที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ ความร่วมมือนี้จะช่วยเสริมสร้างปัจจัยบวกให้ประเทศไทย โดยนักลงทุนจะได้รับบริการธนาคารที่ราบรื่นไร้รอยต่อ คำแนะนำด้านการลงทุนที่ครอบคลุมทุกมิติ และการเข้าถึงสิทธิประโยชน์จากภาครัฐ เป็นต้น

Read More

บมจ.หลักทรัพย์ธนชาต ชี้สิ้นปี 2568 นี้ มีโอกาสเห็นดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปิดตลาดที่ 1,580 จุด มองยังมีหลายอุตสาหกรรมที่ยังมีความสามารถทำกำไรได้ดี และมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่อง ตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่ค่อยๆ ฟื้นตัว แนะนำให้จัดพอร์ตลงทุนแบบเสี่ยงปานกลาง ( Moderate Risk Portfolio) พร้อมมองหุ้นที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดประกอบด้วย SCB KTB MTC CPALL TRUE CKP ERW SPA MEGA และ DIF จากเศรษฐกิจไทยที่ค่อยๆ ฟื้นตัว ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 หลังจากนโยบายเศรษฐกิจมีความชัดเจน และเสถียรภาพทางการเมืองนิ่งมากขึ้น แต่เนื่องด้วยความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ที่อาจเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง กรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ใช้มาตรการภาษีนำเข้าที่แข็งกร้าวกับประเทศคู่ค้าหลัก โดยเฉพาะประเทศจีน ส่งผลให้กระแสเงินทุนไหลออกจากกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา (Emerging Country) ไปที่กลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Country) และเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทย ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2567 ทั้งๆ ที่มีแรงหนุนจากเม็ดเงินใหม่ผ่านกองทุนวายุภักษ์ และกองทุนประหยัดภาษี TESG ก็ตาม นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล Head of Retail Strategy และ Investment Strategist บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงปัญหาของตลาดหุ้นไทยที่ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีนัก ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เป็นผลจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า และโครงสร้างตลาดหุ้นไทย ที่ถูกกดดันจากหลายอุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในช่วงหลัง Covid ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี ชิ้นส่วนยานยนต์ กลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่มสื่อโฆษณาเป็นต้น อย่างไรก็ดี เรามองว่ายังมีหลายอุตสาหกรรม ที่ยังมีความสามารถทำกำไรได้ดี และมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่อง ตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่ค่อยๆ ฟื้นตัว ทำให้กลยุทธ์การลงทุนในช่วงหลายปีนี้ อยู่ในภาวะที่ “ต้องเลือก” ลงทุน โดยให้เป้าหมาย SET สิ้นปี 2568 ที่ 1,580 จุด ทั้งนี้ในปี 2568…

Read More

LINE MAN ร่วมกับ กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ลงนามความร่วมมือและอบรมการวางแผนทางการเงิน สู่การเกษียณที่มั่นคงสำหรับไรเดอร์ มุ่งสร้างหลักประกันชีวิตในวัยเกษียณ ผ่านการวางรากฐานที่มั่นคงด้วยการออมเงินโดยมีรัฐช่วยสมทบ ตั้งเป้ายกระดับคุณภาพชีวิตไรเดอร์ ครอบคลุมทั้งสุขภาพกาย สุขภาพใจ และ ความมั่นคงทางการเงินอย่างยั่งยืนในระยะยาว กอช. เป็นหน่วยงานของรัฐที่ส่งเสริมการออมและสร้างหลักประกันบำนาญพื้นฐาน เพื่อขับเคลื่อนบำนาญ ภาคประชาชนอย่างทั่วถึง ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อส่งเสริมการออมเงินให้กับอาชีพไรเดอร์ โดย LINE MAN มีบทบาทสำคัญในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ของ กอช. ผ่านแอปพลิเคชันและช่องทางสื่อสารต่าง ๆ เพื่อให้ไรเดอร์รับรู้สิทธิและสวัสดิการของตนเอง พร้อมวางแผนทางการเงินระยะยาวได้อย่างมั่นคง คุณจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ กล่าวว่า “การออมเงินเพื่อการเกษียณถือเป็นการวางแผนการเงินที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอาชีพไรเดอร์ หนึ่งในกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระหรือแรงงานนอกระบบ ที่ยังขาดสิทธิสวัสดิการบำเหน็จบำนาญใดๆ รองรับ และมีรายได้ที่ไม่แน่นอน จึงควรต้องมีการวางแผนการออมเงินเช่นเดียวกับอาชีพอื่น ๆ” คุณยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai กล่าวเสริมว่า “ความร่วมมือระหว่าง LINE MAN และกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตไรเดอร์กว่า 100,000 คนทั่วประเทศ โดยมุ่งสร้างหลักประกันชีวิตในวัยเกษียณผ่านโครงการออมเงินที่มีรัฐช่วยสมทบ สำหรับเฟสแรกในโครงการนี้ มีไรเดอร์ลงทะเบียนแล้วกว่า 100 คน แสดงให้เห็นถึงความตื่นตัวในการวางแผนอนาคตทางการเงินของไรเดอร์ LINE MAN ให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้และมอบสิทธิสวัสดิการสำหรับกลุ่มแรงงานอิสระอย่างทั่วถึง ทั้งการมอบประกันอุบัติเหตุให้กับไรเดอร์ทุกคน ให้ความรู้เรื่องการยื่นภาษี และการตรวจสุขภาพฟรีทั้งไรเดอร์และครอบครัว เพื่อช่วยไรเดอร์วางรากฐานชีวิตที่มั่นคง ครอบคลุมทั้งสุขภาพกาย สุขภาพใจ และความมั่นคงทางการเงินอย่างยั่งยืนในระยะยาว” ภายในงานมีการบรรยายในหัวข้อ “วางแผนทางการเงิน สู่การเกษียณที่มั่นคง” โดยคุณจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ พร้อมกับกิจกรรมพิเศษอีกมากมายให้ผู้เข้าร่วมงานได้ร่วมสนุก

Read More