บลจ.ทิสโก้ เดินหน้าเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนให้ลูกค้า เปิดกลยุทธ์ลงทุนปี 2568 ด้วย 2 ธีมลงทุนเด่น คือ ธีมที่ได้ประโยชน์จากนโยบายทรัมป์ 2.0 และธีม Laggard Play และมองหาโอกาสสร้างกำไรด้วยการจับจังหวะลงทุนผ่านการเสนอขายกองทุนทริกเกอร์ นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan Managing Director of TISCOASSET) เปิดเผยว่า ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา บลจ.ทิสโก้ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนและลูกค้าอย่างต่อเนื่องส่วนหนึ่งเป็นเพราะลูกค้าเริ่มเข้าใจการลงทุนและรับความเสี่ยงในการลงทุนหุ้นต่างประเทศมากขึ้น ประกอบกับความสำเร็จในด้านการบริหารกองทุนของบลจ.ทิสโก้ ส่งผลให้มูลค่าสินทรัพย์รวมภายใต้การจัดการ (AUM) ของ บลจ.ทิสโก้ เติบโต 40% จาก 290,239 ล้านบาท ในปี 2562 เพิ่มขึ้นเป็น 406,802 ล้านบาท ในปี 2567 หรือเฉลี่ยเติบโต 7% ต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สำหรับในปีนี้ บลจ.ทิสโก้ยังคงมุ่งเน้นการเติบโต การขยายฐานลูกค้า และ AUM ในทั้ง 3 ธุรกิจ ทั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนส่วนบุคคล และโดยเฉพาะธุรกิจกองทุนรวม บลจ.ทิสโก้มุ่งมั่นที่จะขยายฐานลูกค้าผ่านช่องทางตัวแทนผู้สนับสนุนการขาย และ ช่องทางออนไลน์ โดยมุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งมองหาโอกาสในการออกผลิตภัณฑ์กองทุนใหม่ๆ รวมถึงการนำเสนอกองทุน ที่ช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนอย่างต่อเนื่อง อันได้แก่ กองทุนทริกเกอร์ ซึ่งจะทยอยออกในช่วงที่ตลาดหุ้นทั้งในและต่างประเทศมีความผันผวน หรือปรับตัวลดลง โดยบลจ.ทิสโก้เชื่อมั่นว่าจะเป็นกลุ่มกองทุนที่ช่วยจับจังหวะสร้างผลตอบแทนระยะสั้นให้แก่นักลงทุนได้เป็นอย่างดี ดังจะเห็นได้จากในปี 2567 ที่ผ่านมา บลจ.ทิสโก้เปิดเสนอขายกองทุนทริกเกอร์ทั้งหมด 6 กองทุน สามารถบริหารและถึงเป้าหมายในระยะเวลาได้ทั้งหมด 5 กองทุน ถึงเป้าหมายเร็วที่สุดคือภายใน 8 วัน ทั้งนี้ ณ วันที่ 27 มกราคม 2568 บลจ.ทิสโก้ออกกองทุนทริกเกอร์ฟันด์มาแล้วทั้งหมด 152 กองทุน (ถึงเป้าหมายในระยะเวลา 88…
Author: staff
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC) ประเมินภาพรวมการท่องเที่ยวในปี 2568 ว่ามีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง แต่ยังต้องติดตามการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน อย่างใกล้ชิด • นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยยังเติบโตต่อเนื่องในปี 2568 ราว 38.8 ล้านคน โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวอาเซียน ยุโรป และเอเชียใต้ที่ยังเติบโตได้ดี รวมถึงนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางที่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวศักยภาพที่ขยายตัวแบบก้าวกระโดดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนมาไทยคาดว่าจะยังฟื้นตัวได้ต่อเนื่องโดยแม้จะยังไม่ฟื้นกลับมาในระดับเดียวกับปี 2562 แต่ไทยยังเป็นจุดหมายปลายทาง TOP 2 ของนักท่องเที่ยวจีน อย่างไรก็ดี การเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติยังถูกกดดันจากหลายปัจจัย ทั้งความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกซึ่งอาจส่งผลต่อกำลังซื้อต่อเนื่องไปยังความต้องการท่องเที่ยว, การแข่งขันเพื่อเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สูงขึ้นจากการออกมาตรการฟรีวีซ่าในหลายประเทศ, การฟื้นตัวของเที่ยวบินซึ่งส่งผลต่อจำนวนที่นั่งและราคาตั๋วเครื่องบิน รวมถึงแนวโน้มการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนโดยเฉพาะกรุ๊ปทัวร์ที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจจีนที่เติบโตชะลอตัวและมีความไม่แน่นอนสูง กับความกังวลด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีน • นักท่องเที่ยวไทยมีแนวโน้มท่องเที่ยวในประเทศต่อเนื่องโดยคาดว่าจะอยู่ที่ 275.6 ล้านคน ซึ่งเติบโตขึ้นเล็กน้อยราว 2%YOY จากแรงกดดันของเศรษฐกิจไทยที่ยังเปราะบางและส่งผลต่อการวางแผนท่องเที่ยวของคนไทย รวมถึงการเดินทางไปต่างประเทศของนักท่องเที่ยวไทยกำลังซื้อสูงจากมาตรการฟรีวีซ่าในหลายประเทศและแพ็กเกจท่องเที่ยวราคาประหยัดที่ดึงดูดให้คนไทยไปเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น อย่างไรก็ดี การท่องเที่ยวในประเทศยังมีปัจจัยหนุนจากการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว และนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศของภาครัฐที่คาดว่าจะออกมาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองน่าเที่ยว (เมืองรอง) ซึ่งปัจจุบันเมืองน่าเที่ยวกำลังได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวไทยมากขึ้น การเติบโตของนักท่องเที่ยวส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมฟื้นตัวได้ดีต่อเนื่องทั้งอัตราการเข้าพักและราคาห้องพักเฉลี่ย • อัตราการเข้าพักเฉลี่ยของประเทศในปี 2568 มีแนวโน้มเติบโตมาอยู่ที่ราว 75% จากนักท่องเที่ยวไทยเที่ยวไทยที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องสอดรับกับมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐที่คาดว่าจะทยอยออกมาตลอดทั้งปี และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กลับมาใกล้เคียงปกติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวศักยภาพสูงที่เติบโตแบบก้าวกระโดดจะเดินทางมาไทยมากขึ้นและพำนักในไทยนานขึ้นอย่างนักท่องเที่ยวรัสเซียตามนโยบายขยายระยะเวลาการพำนักในไทยเป็น 90 วัน • ราคาห้องพักเฉลี่ยคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นราว 5%YOY ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการปรับราคาห้องพักของผู้ประกอบการโรงแรมโดยเฉพาะในโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไปหลังมีการปรับปรุงห้องพักและยกระดับการให้บริการตามเทรนด์การท่องเที่ยว รวมถึงจากอุปสงค์ที่ดีขึ้นตามยอดจองที่เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นผลจากการทำโปรโมชันอย่างต่อเนื่อง • อย่างไรก็ดี ธุรกิจโรงแรมยังต้องเผชิญกับปัจจัยท้าท้าย ทั้งจากการแข่งขันที่สูงขึ้นจากอุปทานห้องพักของโรงแรมก่อสร้างใหม่ที่ทยอยเปิดให้บริการต่อเนื่อง และต้นทุนการบริหารจัดการโรงแรม โดยเฉพาะค่าจ้างที่สูงขึ้นจากการขาดแคลนแรงงานทักษะสูงด้านบริการ โดยยังมีปัจจัยบวกจากเทรนด์การท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่ยอมจ่ายสูงขึ้นเพื่อได้รับบริการระดับพรีเมียมและประสบการณ์ที่แปลกใหม่ รวมถึงระยะเวลาการเข้าพักของนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มยาวนานขึ้นจากมาตรการฟรีวีซ่าของภาครัฐและการโปรโมตการท่องเที่ยวในประเทศ นอกจากนี้ ธุรกิจโรงแรมยังมีประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็น 1. มาตรการและนโยบายของภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยว อย่างเช่นการ ให้สิทธิชาวต่างชาติถือกรรมสิทธิ์ห้องชุดและเช่าที่ดิน, การเก็บค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรม และการเก็บค่าธรรมเนียมเหยียบแผ่นดิน 2. อุปทานห้องพักที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากโรงแรมที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและจำนวนโรงแรมที่ขออนุญาตก่อสร้างใหม่ซึ่งจะทำให้การแข่งขันสูงขึ้นอีกในระยะข้างหน้า และ 3. ประเด็นด้านความยั่งยืนโดยโรงแรมไทยกำลังถูกผลักดันให้ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนรับข้อกำหนดใหม่ของ EU ภายในปี 2569 ในขณะเดียวกัน รายได้ของธุรกิจสายการบินสัญชาติไทยในปี 2568 ก็มีแนวโน้มเติบโตและฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 • รายได้ในเส้นทางบินระหว่างประเทศมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจาก 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1. การเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย…
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ (ที่ 3 จากซ้าย) เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ได้ลงนามในสัญญาจ้างระหว่างกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) และบริษัทจัดการ ร่วมกับนางชวินดา หาญรัตนกูล (ที่ 2 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นผู้บริหารการลงทุนเพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีให้สมาชิก กอช. โดยมีนายธีรลักษ์ แสงสนิท (กลาง) รองปลัดกระทรวงการคลัง ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ ให้เกียรติเป็นประธานสักขีพยาน และดร.วโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล (ที่ 3 จากขวา) ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และนายยุทธพล วิทยพาณิชกร (ที่ 2 จากขวา) รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงาน ธุรกิจลูกค้าบุคคลและสถาบัน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องโถงวายุภักษ์ กระทรวงการคลัง เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำหรับ กอช. เป็นหน่วยงานของรัฐ ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการออมทรัพย์ของสมาชิก และเป็นหลักประกันการจ่ายบำนาญ และให้ประโยชน์ตอบแทนแก่สมาชิกเมื่อสิ้นสมาชิกภาพ โดยสมาชิกจะเป็นผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 15 – 60 ปี ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม ตั้งแต่นักเรียน นิสิต นักศึกษา รวมถึงแรงงานนอกระบบ ซึ่งเป็นแรงงานส่วนใหญ่ของประเทศ ที่ไม่ได้รับความคุ้มครองเพื่อการชราภาพอย่างทั่วถึงให้ได้มีเงินบำนาญไว้ใช้เมื่ออายุครบ 60 ปี
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน พร้อมด้วยผู้บริหาร และพนักงาน ร่วมงานประเพณีแห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ ในเทศกาลตรุษจีน ประจำปี 2568 “109 ปี ตรุษจีนปากน้ำโพ สุขสนุก 12 วัน นครสวรรค์ วันเดอร์แลนด์” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2568 โดยมี นางสาวชุติพร เสชัง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เป็นประธานเปิดงาน ณ บริเวณย่านตลาดปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ โดยธนาคารได้ร่วมสนับสนุนการจัดงาน พร้อมจัดขบวนแห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ปากน้ำโพ เพื่อร่วมสักการะองค์เทพเจ้า และจัดตั้งแท่นบูชาเจ้าแม่กวนอิม เทพเจ้ากวนอู เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งร่ำรวย บริเวณหน้าสาขาสวรรค์วิถี เพื่อให้ชาวนครสวรรค์และนักท่องเที่ยวได้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล รวมถึงได้จัดโปรโมชันสำหรับลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่บูธธนาคารออมสินรับกระปุกออมสินมงคล เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
บริษัท จี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ยกทัพผู้บริหารและทีมงาน ร่วมงาน “จ้าวช้างไวไฟ ฉลองครบรอบ 50 ปี” เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองการดำเนินธุรกิจครบรอบ 50 ปี ของบริษัท เกษตรพัฒนาอุตสาหกรรม จำกัด ผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายรถเกี่ยวนวดข้าว รถเกี่ยวข้าวโพด รถเก็บฝักข้าวโพด รถพรวนดิน ของประเทศไทย ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักของบริษัทมายาวนานกว่า 20 ปี งานดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 ที่จังหวัดพิษณุโลก ภายในงานมีการจัดแสดงสินค้าและนวัตกรรมรถเกี่ยวข้าว รวมถึงจำหน่ายอะไหล่ราคาพิเศษให้กับลูกค้าที่มาร่วมงาน และไฮไลท์ของงานในปีนี้ ได้มีการเปิดตัวนวัตกรรมรถเกี่ยวนวดข้าวจ้าวช้างรุ่นใหม่ฉลองครบรอบ 50 ปี โดยมีลูกค้าและเกษตรกรผู้สนใจเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ทั้งนี้ จี แคปปิตอล ได้จัดแคมเปญสินเชื่อเงินช่วยดาวน์สูงสุด 100,000 บาท เพื่อร่วมฉลองในโอกาสครบรอบ 50 ปี นอกจากนี้ภายในงานยังมีการจัดงานเลี้ยงและจัดกิจกรรมสุดประทับใจ เพื่อขอบคุณลูกค้าและผู้มีอุปการะคุณ โดยมีศิลปินนักร้องชื่อดัง “ตั๊กแตน ชลดา” มาร่วมสร้างสีสันในงานครั้งนี้ด้วย
MTC ปลื้ม! หุ้นกู้ใหม่ 3 ชุดขายเกลี้ยง 5,000 ลบ. พร้อมเดินหน้าสร้างโอกาสรายย่อยเข้าถึงแหล่งสินเชื่อที่เป็นธรรม ตอกย้ำดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมมาภิบาล มุ่งสู่มาตรฐานโลก บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) ปลื้ม! หุ้นกู้ใหม่ 3 ชุด มูลค่า 5,000 ล้านบาท ขายเกลี้ยง ฟากผู้บริหาร “ปริทัศน์ เพชรอำไพ” ระบุถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในธุรกิจของบริษัท ในฐานะผู้นำธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ของเมืองไทย พร้อมเดินหน้าเพิ่มโอกาสให้คนไทยได้เข้าถึงแหล่งสินเชื่อที่เป็นธรรม ตอกย้ำความมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล มุ่งสู่มาตรฐานระดับโลก และตอบโจทย์ความยั่งยืน นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC) เปิดเผยว่า หุ้นกู้ใหม่ 3 ชุด ประกอบด้วย หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 3 ปี 4 เดือน 16 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.90% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 5 ปี 29 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.20% ต่อปี และ หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 7 ปี 27 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.60% ต่อปี ซึ่งหุ้นกู้ทั้ง 3 ชุดจ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ ซึ่งเสนอขายระหว่างวันที่ 23-24 และ 27 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดีเสมอมา โดยสามารถปิดการจองซื้อได้เต็มมูลค่าเสนอขาย 5,000 ล้านบาท ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อ MTC ในฐานะผู้นำธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ของเมืองไทย ที่มุ่งสู่มาตรฐานระดับโลก “เมืองไทยแคปปิตอล ขอขอบคุณนักลงทุนที่ได้ให้ความไว้วางใจในหุ้นกู้ของบริษัท…
บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD ยกระดับก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมทางการเงิน ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล เปิดตัวแอปพลิเคชัน “ศรีสวัสดิ์” ภายใต้สโลแกน “แอปดีชีวิตคล่อง ที่ต้องมีติดเครื่อง” มุ่งเน้นให้บริการทางการเงินที่ ครบวงจรในแอปเดียวทั้งการจัดการสินเชื่อและประกัน สะดวก รวดเร็ว ใช้ได้ทุกที่ทุกเวลา เหมือนยกสาขาศรีสวัสดิ์มาไว้ในมือถือ รองรับการใช้งานทั้ง iOS และ Android เปิดให้บริการมาแล้ว 9 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2567 ปลื้มกระแสตอบดีเยี่ยม มียอดดาวน์โหลดกว่า 280,000 ครั้ง นางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) กล่าวว่า “การเปิดตัวแอปพลิเคชัน ‘ศรีสวัสดิ์’ ภายใต้สโลแกน ‘แอปดีชีวิตคล่อง ที่ต้องมีติดเครื่อง’ ถือเป็นก้าวสำคัญในการนำศรีสวัสดิ์เข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว ที่จะช่วยให้ลูกค้าทุกกลุ่มเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายและสะดวกขึ้น ลูกกค้าสามารถดูคู่สัญญาได้จากแอป เพื่อความโปร่งใส มั่นใจ ตามกฎหมาย ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงบริการทางการเงิน ควบคู่ไปกับการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ไปพร้อมกับการยกระดับการให้บริการด้วยการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทั้งด้านสินเชื่อและประกันภัย นอกจากนี้ การมีแอปพลิเคชันยังช่วยให้ขยายฐานลูกค้าได้ครอบคลุมมากขึ้น ทั้งในพื้นที่ห่างไกลและกลุ่มที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงบริการทางการเงินแบบดั้งเดิม” แอปพลิเคชัน “ศรีสวัสดิ์” มาพร้อมฟังก์ชันที่ครบถ้วน โดยลูกค้าสามารถ ดูข้อมูลบัญชีสินเชื่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมฟังก์ชัน ขอเพิ่มวงเงินออนไลน์และติดตามสถานะการขอสินเชื่อได้ทันที ชำระเงินค่างวดผ่านคิวอาร์โค้ด สมัครสินเชื่อใหม่ เลือกซื้อแผนประกันรถยนต์ได้อย่างสะดวก อีกทั้งลูกค้ายังสามารถค้นหาสาขาศรีสวัสดิ์ทั่วประเทศ รับข้อความแจ้งเตือนใกล้ถึงวันครบชำระค่างวด และอัปเดทข่าวสารหรือโปรโมชันใหม่ ๆ อย่างครบถ้วน แอปถูกออกแบบให้ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับทุกกลุ่มผู้ใช้ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี อีกทั้งยังได้นำแนวคิด Net Zero มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชันภายใต้กรอบ ESG เพื่อส่งเสริมการให้ความรู้ด้านการเงิน ยกระดับการให้บริการ ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยังสาขา เป็นส่วนสำคัญในการผลักดันในเรื่องการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (Net Zero Commitment) เพื่อการเติบโตเคียงคู่กับสังคมอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ แอปพลิเคชันยังช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการเข้าถึงบริการด้านประกันภัยที่ครอบคลุมมากขึ้น สร้างประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า เพื่อทำให้กระบวนการทำประกันภัยเป็น เรื่องง่าย คุ้มค่า และเชื่อถือได้ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดหลักของบริษัทฯ…
เมย์แบงก์แนะนำโอกาสลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำ ท่ามกลางความกังวลของตลาดที่เกิดจากความก้าวหน้าของ DeepSeek สตาร์ทอัพ AI จากจีน โดยนักวิเคราะห์มองว่าปฏิกิริยาของตลาดอาจเกินจริง ทำให้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเข้าซื้อหุ้น DeepSeek ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงสำคัญในแวดวง AI ด้วยการเปิดตัวโมเดล AI ต้นทุนต่ำที่สามารถแข่งขันกับโมเดลชั้นนำของโลก เช่น ChatGPT จาก OpenAI และ Llama 3.1 จาก Meta โดยโมเดลของ DeepSeek ถูกพัฒนาด้วยเงินทุนเพียง 5.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำกว่าต้นทุนของคู่แข่งจากฝั่งสหรัฐถึงกว่า 90% และใช้ชิป H800 ของ Nvidia ซึ่งมีสเปกที่ปรับลดลงเพื่อให้สามารถส่งออกไปยังจีนได้ นักวิเคราะห์จาก Wedbush ซึ่งเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของเมย์แบงก์ มองว่าสถานการณ์นี้เป็นปฏิกิริยาชั่วคราวของตลาด และแนะนำให้ลงทุนในหุ้นที่มีเป้าหมายราคาที่น่าสนใจดังนี้ Nvidia (NVDA.US) – ราคาเป้าหมาย $175 Microsoft (MSFT.US) – ราคาเป้าหมาย $550 Alphabet (GOOGL.US) – ราคาเป้าหมาย $220 Palantir (PLTR.US) – ราคาเป้าหมาย $90 Salesforce (CRM.US) – ราคาเป้าหมาย $425 Amazon (AMZN.US) – ราคาเป้าหมาย $280 ความสามารถของ DeepSeek ในการนำเสนอ AI ประสิทธิภาพสูงในต้นทุนที่ต่ำ เกิดจากการใช้วิธีการที่เป็นนวัตกรรมใหม่และฮาร์ดแวร์ที่คุ้มค่า อย่างไรก็ตาม Wedbush ยืนยันว่าบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำยังคงมีความได้เปรียบ ด้วยระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง โครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย และพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลาย เมย์แบงก์ชวนนักลงทุนมาร่วมสำรวจโอกาสในการใช้ประโยชน์จากความผันผวนของตลาด และลงทุนในหุ้นที่ได้รับคำแนะนำเชิงกลยุทธ์นี้ ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Maybank Invest https://bit.ly/InvestwithMaybankInvest ได้ทั้ง IOS และ Androids หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 02-658-5050 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-17.30 น. หรือ Line @maybankfriends
บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD สุดปลื้ม! ฟิทช์เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว ที่ ‘A-(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F2(tha)’ พร้อมให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิมีประกันของ SAWAD ที่ ‘A-(tha)’ สะท้อนความแข็งแกร่งของบริษัททั้งด้านเงินทุนและเครือข่ายธุรกิจ ครองตำแหน่งผู้นำสินเชื่อมอเตอร์ไซค์รายใหญ่ที่สุด พร้อมทั้งมีผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง และคุมหนี้สินได้ในระดับที่น่าพอใจ นางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เป็นเรื่องน่ายินดีและน่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ จัดอันดับเครดิตที่แข็งแกร่งให้กับ SAWAD ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นคงทางธุรกิจและการดำเนินกลยุทธ์ทางการเงินที่รอบคอบของเรา อีกทั้งเป็นข้อพิสูจน์ความสามารถในการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ตอกย้ำศักยภาพของ SAWAD ในการเติบโตอย่างยั่งยืน” “SAWAD ให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงและมีการควบคุมคุณภาพสินเชื่ออย่างเข้มงวด โดยมุ่งเน้นการปล่อยสินเชื่อที่มีหลักประกันเป็นหลัก พร้อมทั้งมีมาตราการติดตามและบริหารสินเชื่อด้อยคุณภาพอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ หรือ NPL จะอยู่ในระดับไม่เกิน 3.5% ในขณะเดียวกันเรายังคงมุ่งมั่นที่จะขยายพอร์ตสินเชื่ออย่างมีคุณภาพ พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง” ด้านฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ระบุว่า อันดับเครดิตของ SAWAD พิจารณาจากโครงสร้างเครดิตโดยรวมของกลุ่ม สะท้อนถึงการเชื่อมโยงในระดับสูงด้านเงินทุนและสภาพคล่องภายในกลุ่ม รวมถึงตำแหน่งทางการตลาดและเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังมีระดับหนี้สินและผลการดำเนินงานที่ผ่านมาในระดับที่น่าพอใจ โดย SAWAD เป็นสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารที่ประกอบธุรกิจสินเชื่อเพื่ออุปโภคบริโภคที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดและเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งในประเทศไทย ถือเป็นผู้นำให้สินเชื่อที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามในกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ และเป็นหนึ่งในผู้ให้สินเชื่อรายใหญ่ที่สุดสำหรับการเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ “ศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจ มั่นใจ ถูกต้อง โปร่งใสตามกฎหมาย พร้อมเติบโตคู่ชาวไทย” เป็นหลักการสำคัญที่ SAWAD ยึดมั่นเสมอมาในการให้บริการสินเชื่อที่โปร่งใสและเป็นธรรมแก่ลูกค้าทั่วประเทศ
ธนาคารกสิกรไทยผนึกกำลังบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (BAM) ร่วมลงทุน 1,000 ล้านบาท จัดตั้งบริษัท บริหารสินทรัพย์ อรุณ จำกัด (ARUN AMC) เพื่อช่วยพลิกฟื้นสถานะลูกหนี้ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทั้งการดำรงชีพและการดำเนินธุรกิจ และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของธนาคาร ซึ่งสอดรับกับนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ส่งเสริมการจัดตั้งกิจการร่วมทุนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้เสีย ช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับระบบนิเวศการจัดการด้านสินเชื่อ ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ นายจงรัก รัตนเพียร ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจไทยที่ยังฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป และปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังคงมีแนวโน้มสูงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทยที่ส่งเสริมการจัดตั้งกิจการร่วมทุนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้เสีย จึงเป็นที่มาของการร่วมลงทุนระหว่างธนาคารกสิกรไทย และบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (BAM) จัดตั้งบริษัท บริหารสินทรัพย์ อรุณ จำกัด (ARUN AMC) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินให้กับธนาคาร นอกจากนี้ ธนาคารจะได้รับส่วนแบ่งจากผลกำไรของการบริหารหนี้จาก ARUN AMC ในฐานะผู้ถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 50 ซึ่งธนาคารลงทุนผ่านบริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด (KVISION) อีกด้วย โดยมุ่งหวังว่า ARUN AMC จะช่วยแก้ไขปัญหาสภาพคล่องทางการเงินให้ลูกหนี้มีโอกาสแก้ไขหนี้ และสามารถดำเนินชีวิตและธุรกิจต่อไปได้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศเช่นกัน นายบรรยง วิเศษมงคลชัย รองประธานกรรมการ และรักษาการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (BAM) เปิดเผยว่า ARUN AMC มีเงินทุนเริ่มต้นในการจัดตั้งบริษัทจำนวน 1,000 ล้านบาท โดยธนาคารกสิกรไทย และ BAM ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 50เท่ากัน ซึ่งที่ผ่านมาBAM เป็นผู้นำในธุรกิจบริหารสินทรัพย์ที่มีศักยภาพ และมีความเชี่ยวชาญในการแก้ไขปัญหาหนี้ด้อยคุณภาพในระบบสถาบันการเงินและบริหารสินทรัพย์ รวมทั้งเป็นพันธมิตรที่ดีกับธนาคารกสิกรไทยมาอย่างยาวนาน การร่วมลงทุนจัดตั้ง ARUN AMC ในครั้งนี้ นอกจากจะสอดคล้องกับวิสัยทัศน์และ พันธกิจของ BAM ในการพลิกฟื้นสินทรัพย์ ช่วยเหลือลูกหนี้ให้กลับคืนสู่ระบบเศรษฐกิจ และฟื้นฟูธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มือสองให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นแล้ว ยังช่วยส่งเสริมศักยภาพให้ทั้งธนาคารกสิกรไทยและ BAM มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ถือเป็นการต่อยอดความสำเร็จ และเป็นการร่วมมือกันเพื่อผลักดันให้เกิดมูลค่าเพิ่มของธุรกิจบริหารสินทรัพย์ได้อย่างแท้จริง นายสมชาย…