บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด และ บริษัท ทีคิวเอ็ม ไลฟ์อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด ส่งแผนประกันสุขภาพ และประกันชีวิต ส่งท้ายปีเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการความคุ้มครองสุขภาพหรือชีวิต ควบคู่กับการวางแผนลดหย่อนภาษี ช่วยเสริมความมั่นคงด้านสุขภาพให้กับตนเองและครอบครัว ด้วยเบี้ยประกันสุขภาพเริ่มต้นเพียงวันละ 20 บาท คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสูงสุดถึง 400,000 บาทต่อปี พร้อมผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิตได้สูงสุด 10 เดือน หรือสามารถเลือกซื้อแผนประกันชีวิตจากประกันชีวิตชั้นนำกว่า 10 บริษัท ผ่านแวปไซด์ของบริษัท ดร.นภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TQM กล่าวว่า “ปัจจุบัน การใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ของคนไทยได้เปลี่ยนแปลงไปมาก มีความเสี่ยงต่อโรคภัยเพิ่มขึ้น ทำให้การเตรียมตัวและการมีประกันสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญในการเสริมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่แน่นอน TQM จึงได้คัดสรรแผนประกันสุขภาพและประกันชีวิต เพื่อให้ลูกค้าได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุม พร้อมทั้งยังช่วยลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ที่กำลังวางแผนภาษีช่วงปลายปี” โดยแผนประกันสุขภาพที่ TQM เสนอ เช่น แผน ประกันสุขภาพ All in One ที่ออกแบบให้ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลทั้งผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลโดยไม่ต้องสำรองจ่าย ด้วยเบี้ยประกัน ที่เริ่มต้นเพียงวันละ 20 บาท คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 400,000 บาท/ปี เหมาะสำหรับวัยทำงานที่ต้องการการดูแลสุขภาพอย่างครอบคลุม หรือ สำหรับผู้มีสวัสดิการหรือประกันสุขภาพอยู่แล้ว แต่อยากได้วงเงินคุ้มครองเพิ่ม ก็จะเหมาะกับ ประกันสุขภาพ Health Top Up หรือ Health เบา เบา ที่มีให้เลือกทั้งแบบ คุ้มครองค่ารักษาทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก หรือจะคุ้มครองเฉพาะผู้ป่วยใน ที่เบี้ยเริ่มต้นเพียง 2,940 ต่อปี สำหรับแผนประกันชีวิตนั้น TQM ได้คัดสรร แผนเด่น ทั้งแบบประกันสะสมทรัพย์ และแบบบำนาญ ที่เหมาะสำหรับการซื้อเพื่อลดหย่อนภาษีและมีเงินคืนทุกปี มีให้เลือกทั้งแบบออมระยะสั้นและออมระยะยาว ผ่านบริษัทประกันชีวิตชั้นนำกว่า 10 บริษัท อาทิ Hero 10/1 ,ออมจุใจ 10/3 , Smart…
Author: staff
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง เปิดเสนอขายกองทุนเปิดอีสท์สปริง พันธบัตรรัฐมุ่งรักษาเงินต้น 6M29 (ES-GOVCP6M29) อายุประมาณ 6 เดือน เงินทุนโครงการ 6,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มุ่งรักษาเงินต้นที่ผู้ลงทุนจะมีโอกาสได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวน และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนเพิ่มจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าหน่วยลงทุน ณ วันครบอายุโครงการ โดยเสนอขายครั้งแรกครั้งเดียวระหว่างวันที่ 21-28 พฤศจิกายน 2567 นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท โดยกองทุน ES-GOVCP6M29 มีนโยบายที่จะนำเงินลงทุนไปลงทุนในตั๋วเงินคลัง และ/หรือพันธบัตรรัฐบาล และ/หรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ในอัตราส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน สำหรับเงินลงทุนส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝากธนาคาร และ/หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้ และกองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนเพียงครั้งเดียวและถือครองทรัพย์สินที่ลงทุนจนครบอายุโครงการ (Buy and Hold) โดยคาดหวังจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.08% ต่อปี ณ วันครบอายุโครงการ ซึ่งเมื่อหักค่าใช้จ่ายประมาณ 0.18% ต่อปี ณ วันครบอายุโครงการ แล้ว ผู้ลงทุนจะได้รับประมาณการผลตอบแทนอยู่ที่1.90% ต่อปีของเงินลงทุนเริ่มแรก (แหล่งที่มาของข้อมูล อัตราผลตอบแทนที่เสนอขายโดยผู้ออกตราสาร ณ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2567) ทั้งนี้ เมื่อครบกำหนดอายุกองทุน บลจ.อีสท์สปริง จะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบอัตโนมัติ และทำการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของกองทุนทั้งจำนวนของผู้ถือหน่วยทุกราย ไปยังกองทุนเปิดอีสท์สปริง ธนรัฐ (ES-TM) หรือกองทุนรวมตลาดเงินอื่นที่บลจ.อีสท์สปริง เปิดให้บริการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน ในวันทำการก่อนวันสิ้นสุดอายุโครงการ อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ผู้ลงทุนจะไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ในช่วงระยะเวลา 6 เดือนดังนั้น หากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก กองทุนอาจไม่ได้รับเงินต้นและผลตอบแทนตามที่คาดหวังไว้ หากผู้ออกตราสารที่กองทุนลงทุนไม่สามารถชำระเงินต้นและดอกเบี้ยคืนได้ บริษัทจัดการขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินที่ลงทุนหรือสัดส่วนการลงทุนได้ เฉพาะเมื่อมีความจำเป็นและสมควรเพื่อประโยชน์ของผู้ลงทุนเป็นสำคัญ โดยการเปลี่ยนแปลงนั้นต้องไม่ทำให้ความเสี่ยงของทรัพย์สินที่ลงทุนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ และผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน และกองทุนมีความเสี่ยงที่สำคัญ เช่น ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย ความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่องของตราสาร…
กีฬาวอลเลย์บอลระดับเยาวชนไทยอย่างต่อเนื่อง เดินหน้าสานต่อโครงการ “ทิพย วอลเลย์บอล คลินิก ครั้งที่ 3” โดยจับมือร่วมกับสโมสรวอลเลย์บอลสุพรีม ทิพย ชลบุรี-อี.เทค มุ่งเน้นการส่งเสริมทักษะกีฬาวอลเลย์บอลให้กับเยาวชนทั่วประเทศ ภายใต้การเรียนรู้ที่ถูกต้องจากนักกีฬาระดับอาชีพ หลังจากความสำเร็จของโครงการทิพย วอลเลย์บอล คลินิก ครั้งที่ 1 ที่จัดขึ้นในจังหวัดนครราชสีมา และครั้งที่ 2 จัดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากเยาวชนทั่วประเทศ ในปีนี้ ทิพยประกันภัยได้ขยายโอกาสไปยังเยาวชนในจังหวัดสมุทรปราการ ด้วยการจัดโครงการ “ทิพย วอลเลย์บอล คลินิก ครั้งที่ 3” ณ ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา เทศบาลตำบลบางปู เพื่อให้เยาวชนในพื้นที่ได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะจากนักกีฬาวอลเลย์บอลมืออาชีพอย่างใกล้ชิด นางสาวปนัดดา ชุติโกมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานกิจการองค์กรฯ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “โครงการทิพย วอลเลย์บอล คลินิก ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของทิพยประกันภัยในการเติมเต็มและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เยาวชนไทยผู้มีใจรักในกีฬาวอลเลย์บอล ด้วยการมอบโอกาสให้แก่เด็ก ๆ ที่มีความฝันและพรสวรรค์ แต่ยังขาดโอกาส ได้พัฒนาทักษะและความรู้ พร้อมก้าวสู่เส้นทางนักกีฬามืออาชีพ ทิพยประกันภัยจึงร่วมมือกับสโมสรวอลเลย์บอลสุพรีม ทิพย ชลบุรี-อี.เทค จัดโครงการทิพย วอลเลย์บอล คลินิก ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 เพื่อถ่ายทอดทักษะพื้นฐานในการเล่นวอลเลย์บอลอย่างถูกต้อง พร้อมปลูกฝังคุณค่าน้ำใจนักกีฬาและความร่วมมือในทีมอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งโครงการนี้เป็นอีกหนึ่งความตั้งใจในการขับเคลื่อนองค์กรตามแนวทาง ESG ในมิติด้านสังคม (Social) รวมถึงมอบโอกาสให้กับเด็กๆ ได้พัฒนาทักษะฝีมืออย่างยั่งยืน” ในโอกาสนี้ บริษัทฯ ยังได้นำนักกีฬาวอลเลย์บอลชั้นนำของประเทศไทย อาทิ วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ ปลื้มจิตร์ ถินขาว และมลิกา กันทอง มาเป็นผู้ร่วมฝึกสอน ถ่ายทอดประสบการณ์และทักษะกีฬาที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นพื้นฐานการเตรียมตัวสู่การเป็นนักกีฬามืออาชีพ การอบรมด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา การดูแลด้านโภชนาการ และการยืดกล้ามเนื้อเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ นอกจากนี้ยังมีการสอดแทรกความรู้เรื่องกติกาการแข่งขันที่ถูกต้องอีกด้วย นอกจากการฝึกสอนแล้ว ทิพยประกันภัยยังได้มอบอุปกรณ์กีฬา เช่น ลูกวอลเลย์บอลจำนวนกว่า 100 ลูก และอุปกรณ์ป้องกันการบาดเจ็บให้กับ 10 โรงเรียนในจังหวัดสมุทรปราการ ได้แก่ โรงเรียนณัฏฐเวศม์ โรงเรียนชุมชนวัดราษฎร์บำรุง (ตาเจี่ย) โรงเรียนบางพลีใหญ่ใน…
เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ เป็นตัวแทนรับรางวัล “บริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมดีเด่น ประจำปี 2567” หรือ “2024 AMCHAM Corporate Social Impact Award2024” ระดับ Platinum จากความสำเร็จของโครงการ “เอไอเอ แชร์ริ่ง อะ ไลฟ์” (AIA Sharing A Life) ครั้งที่ 11 หรือวันทำดีร่วมกันของชาวเอไอเอ ซึ่งรางวัลดังกล่าวจัดขึ้นโดยสภาหอการค้าอเมริกันแห่งประเทศไทย (The American Chamber of Commerce in Thailand: AMCHAM) ในงานได้รับเกียรติจาก นายโรเบิร์ต โกเดค เอกอัครราชทูตประจำสถานทูตอเมริกาในประเทศไทย และนาย Simon Denye, AMCHAM Board Governor เป็นประธานมอบรางวัลในพิธี ณ โรงแรม อวานี พลัส ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ สำหรับโครงการ “เอไอเอ แชร์ริ่ง อะ ไลฟ์” ครั้งที่ 11 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “For Better Health” ด้วยการมอบบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ให้แก่ประชาชนและผู้ด้อยโอกาสโดยไม่มีค่าใช้จ่ายจำนวนทั้งสิ้น 10,000 เข็ม ใน 11 แห่งทั่วประเทศ โดยได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรชั้นนำ ได้แก่ โรงพยาบาลในเครือBDMS และซาโนฟี่ บริษัทชั้นนำด้านสุขภาพระดับโลก และแรงสนับสนุนจากเพื่อนพนักงาน พลังตัวแทน รวมถึงประชาชนในชุมชนต่าง ๆ ในการขับเคลื่อนกิจกรรมในครั้งนี้จนประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม สำหรับรางวัล “บริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมดีเด่น” หรือ AMCHAM Corporate Social Impact Award 2024 นี้ นับเป็นรางวัลอันทรงคุณค่า ซึ่งเอไอเอ ประเทศไทย ได้รับติดต่อกันต่อเนื่องมาเป็นเวลา 13 ปี จากการเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจโดยยึดหลัก ESG โดยมุ่งรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม…
วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม 2567 นี้ ปราสาทสัจธรรม พัทยา ร่วมกับ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดชลบุรี กำหนดจัดงาน “พิธี 5 ศาสนา ถวายพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” โดย บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) พร้อมนำกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจ และวิริยะจิตอาสา ร่วมทำบุญสร้างมหากุศลอันยิ่งใหญ่ และการตั้งโรงทานเพื่อให้บริการอาหารแก่ประชาชนที่เข้าร่วมงาน ณ ปราสาทสัจธรรม เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ทั้งนี้ ปราสาทสัจธรรม ได้เปิดให้พุทธศาสนิกชนได้ร่วมทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง พระสงฆ์และสามเณร จำนวน 500 รูป รอบองค์ปราสาทสัจธรรม พัทยา พร้อมทั้งเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมพิธีมหามงคล 5 ศาสนา (พุทธ, คริสต์, อิสลาม, พราหมณ์-ฮินดู และซิกข์) เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงทุ่มเทพระวรกาย บำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการและทรงให้การอุปถัมภ์สนับสนุนทุกศาสนาอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ทำให้พสกนิกรทุกเชื้อชาติทุกศาสนาสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุขใต้ร่มพระบารมี นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมจากหลากหลายหน่วยงาน ได้แก่ นิทรรศการโครงการในพระราชดำริ นิทรรศการ ๕ ศาสนา การติดใบโพธิ์ทอง การบริจาคโลหิต และการตั้งโรงทานบริการอาหาร-เครื่องดื่มแก่ประชาชนที่เข้าร่วมงาน รวมถึงการตั้งจุดรับบริจาค เพื่อจัดหารายได้สมทบทุนการจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ ให้กับโรงพยาบาลบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยผู้ใดมีความประสงค์ร่วมสร้างกุศลดังกล่าว สามารถบริจาคได้ที่บริเวณจุดตั้งรับบริจาคภายในงาน หรือหากไม่สะดวกเข้าร่วมงาน สามารถบริจาคได้ผ่านช่องทางธนาคารออมสิน เลขที่บัญชี 020-4-27541-873 “โครงการทำบุญ 5 ศาสนา” เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ป่วยให้ได้รับการรักษาด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย รวดเร็ว และปลอดภัย ตลอดจนสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ได้ปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ อันเป็นการส่งเสริมระบบสาธารณสุขของชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป สำหรับ ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานมหากุศล “พิธี 5 ศาสนา” สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ในวันที่ 9 ธันวาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 05.30 เป็นต้นไป ณ ปราสาทสัจธรรม เมืองพัทยา…
นายวิน พรหมแพทย์, CFA, ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย เป็นหนึ่งในสมาชิกบริษัทจัดการลงทุน 16 แห่ง ที่เข้าร่วมงาน “แถลงความพร้อมของอุตสาหกรรมและเปิดตัวกองทุน ThaiESG ปี 2567” จัดโดยสมาคมบริษัทจัดการลงทุน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงความพร้อมเสนอขายกองทุน ThaiESG ในช่วงเทศกาลลดหย่อนภาษีส่งท้ายปี และพร้อมให้การสนับสนุนธุรกิจที่มุ่งสร้างความยั่งยืนให้กับประเทศไทย ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มกองทุน ThaiESG ด้วยมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) รวมกว่า 2,694.34 ล้านบาท (ข้อมูล ณ ต.ค. 67) โดยกองทุน K-TNZ-ThaiESG เป็นกองทุนแรกของไทยที่มีเป้าหมายสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก การันตีได้จากขนาดกองทุนที่ใหญ่ที่สุด และเป็นกองทุน ThaiESG ที่สร้างผลตอบแทนได้สูงที่สุด ในขณะที่กองทุน K-ESGSI-ThaiESG ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุนเช่นกัน ด้วยขนาดกองทุนใหญ่เป็นอันดับ 2 ในกลุ่มกองทุน ThaiESG ตราสารหนี้ นอกจากนี้ บลจ.กสิกรไทย เตรียมเปิดเสนอขายกองทุนผสม ThaiESG เร็วๆ นี้ ที่เน้นลงทุนทั้งในหุ้นและตราสารหนี้ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง และสร้างโอกาสรับผลตอบแทนได้ในทุกสภาวะตลาดจากการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท
ที ไลฟ์ ประกันชีวิต ชิงตลาดประกันชีวิตช่วง TAX Season 2024 โค้งสุดท้ายปลายปี ส่ง “แบบประกันออมทรัพย์ Smart Saving 10/5” แบบประกันที่ให้ผลตอบแทนสูงถึง 2.82% เมื่อเทียบเท่าดอกเบี้ยเงินฝาก รวมผลประโยชน์ตลอดสัญญาสูงถึง 570% รับเงินคืนสูงสุดปีละ 100% ลดภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท ตลอด 5 ปี เบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียง 30,000 บาท ต่อปี และเมื่อชำระเบี้ยด้วยเงินสดตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไป รับบัตรกำนัล Central 1.5% ตั้งแต่วันนี้ – 31ธันวาคม 2567 นายวุฒิเลิศ สุวรรณศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ มีนโยบายในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างสม่ำเสมอเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงปลายปีซึ่งเป็นช่วง TAX Season ที่ผู้บริโภคกำลังมองหาทางเลือกในการลดหย่อนภาษี รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ต้องมีความยืดหยุ่นทางการเงิน “แบบประกันออมทรัพย์ Smart Saving 10/5” จึงถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์ทั้งด้านการออมเงิน การประกันชีวิต และสิทธิประโยชน์ทางภาษี เต็มรูปแบบ โดย “แบบประกัน Smart Saving 10/5” เป็นแบบประกันที่ชำระเบี้ยประกันสั้นเพียง 5 ปี รับความคุ้มครองชีวิตยาว 10 ปี โดดเด่นด้วยผลตอบแทน 2.82% ต่อปี เมื่อเทียบเท่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารพาณิชย์ จำนวนเงินเอาประกันภัย 30,000 บาทขึ้นไป ผู้เอาประกันภัยจะได้รับเงินคืนแน่นอนสูงถึงปีละ 20%* ในทุกสิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1 ถึง 6 และปีละ 100%* ในทุกสิ้นปีกรมธรรม์ที่ 7 ถึง 9 และรับเงินครบกำหนดสัญญาก้อนใหญ่อีก 150%* ในสิ้นปีกรมธรรม์ที่ 10 ให้ผลประโยชน์แบบการันตีรวมตลอดสัญญาสูงถึง…
กรุงเทพมหานคร, 20 พฤศจิกายน 2567 – ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ภูมิใจคว้าสองรางวัลอันทรงเกียรติด้านการธนาคารระดับนานาชาติด้วยจากการเป็นผู้นำด้านการเงินที่ยั่งยืน ตอกย้ำถึงบทบาทสำคัญที่เพิ่มขึ้นของธนาคารในภาคการเงินสีเขียวของประเทศไทยธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ได้รับรางวัล Best Wholesale/Transaction Bank for Sustainable Finance – Thailand จากเวที The Digital Banker – Global Sustainable Finance Awards 2024 และรางวัล Thailand International Green Finance Initiative of the Year Awards จากเวที Asian Banking & Finance (ABF) Wholesale Banking Awards 2024 ทั้งสองรางวัลนี้สะท้อนถึงความเป็นผู้นำและวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ของธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ในการพัฒนากรอบแนวคิดการให้สินเชื่อเพื่อความยั่งยืนที่ครอบคลุม เพื่อสนับสนุนธุรกิจไทยในการเปลี่ยนผ่านสู่แนวทางการดำเนินงานที่ยั่งยืน กรอบแนวคิดการให้สินเชื่อเพื่อความยั่งยืนของยูโอบีกำหนดเกณฑ์ชัดเจนสำหรับโครงการที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม ครอบคลุมทั้งสินเชื่อสีเขียว สินเชื่อที่เชื่อมกับการดำเนินการด้านความยั่งยืน สินเชื่อธุรกิจนำเข้าส่งออก และโซลูชันทางการเงินอื่นๆ ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานระดับสากลและผ่านการประเมินจากหน่วยงานอิสระ นางวีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล กรรมการผู้จัดการ Deputy CEO และ Wholesale Banking ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับรางวัลทั้งสองนี้ และขอขอบคุณที่เล็งเห็นถึงความมุ่งมั่นของเรา ในการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน รางวัลนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความตั้งใจของเราในการสนับสนุนธุรกิจในการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน โดยเราได้พัฒนากรอบแนวคิดการให้สินเชื่อเพื่อความยั่งยืน นวัตกรรมโซลูชัน และผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ออกแบบมาเฉพาะ เพื่อช่วยให้ธุรกิจลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาว เราเชื่อว่าการสนับสนุนลูกค้าธุรกิจในการมุ่งสู่ความยั่งยืนนั้นจะช่วยส่งผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง และเราหวังที่จะรักษาโมเมนตัมนี้ต่อไปและทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืน มั่นคง และรุ่งเรืองยิ่งขึ้นให้กับประเทศไทย” รางวัล Best Wholesale/Transaction Bank for Sustainable Finance – Thailand จากงาน The Digital Banker -…
นางประภาศิริ โฆษิตธนากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านทรัพยากรบุคคล ทีเอ็มบีธนชาต (ขวา) มอบเงินบริจาคจำนวน 2,000,000 บาท ให้แก่สภากาชาดไทย โดยมีนางจันทร์ประภา วิชิตชลชัย (ซ้าย) รองผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย เป็นผู้รับมอบ เพื่อสมทบทุนเข้าโครงการ “เงินทุนฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ สภากาชาดไทย” เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ เมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติทั้งภัยธรรมชาติ ภัยตามฤดูกาล อุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย และภัยที่เป็นอันตรายกับสุขภาพที่คาดการณ์ไม่ได้ ณ สำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย ทั้งนี้ ธนาคารมีความมุ่งมั่นในการสนับสนุนการบรรเทาทุกข์และช่วยเหลือผู้ประสบภัยทั่วประเทศ ให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นคง
กรุงเทพประกันชีวิต โดย นางสาวจารุวรรณ ลิ้มคุณธรรมโม ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน (ที่ 3 จากขวา) เป็นผู้แทนในการเข้าร่วมพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2567 โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ณ วัดป่าโมกวรวิหาร จังหวัดอ่างทอง โดยมีนายชูฉัตร ประมูลผล (กลาง) เลขาธิการคปภ. เป็นประธานในพิธี ซึ่งกรุงเทพประกันชีวิตได้ร่วมกิจกรรมเป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้ได้ร่วมสมทบองค์ผ้าพระกฐิน จำนวน 100,000 บาท เพื่อร่วมสืบสานพระพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบไป