Author: staff

TISCO ESU ชี้ตลาดหุ้นโลกเริ่มส่งสัญญาณชะลอ หลังฟื้นตัวแรงแต่พื้นฐานกลับอ่อนแอลง จับตาสงครามการค้ายืดเยื้อ – ประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังมีความเสี่ยง แนะนักลงทุนทยอยขายทำกำไรรับมือความผันผวนครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยที่อ่อนไหวต่อวัฏจักรเศรษฐกิจ ด้านราคาน้ำมันโอกาสฟื้นตัวยังมีจำกัด นายธนธัช ศรีสวัสดิ์ นักกลยุทธ์ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (Mr. Thanathat Srisawast, Strategist, TISCO Economic Strategy Unit : TISCO ESU) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นโลกเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว หลังจากปรับตัวฟื้นขึ้นอย่างแข็งแกร่งสู่ระดับก่อนวัน Liberation Day ท่ามกลางบรรยากาศเชิงบวกจากความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และสหราชอาณาจักร แต่แรงขับเคลื่อนดังกล่าวเป็นปัจจัยสนับสนุนชั่วคราวเท่านั้น ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงเชิงโครงสร้างยังคงอยู่และมีแนวโน้มจะกดดันตลาดในระยะถัดไป หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ควรให้ความสำคัญคือ ระดับการประเมินมูลค่าหุ้น (Valuation) ที่เริ่มตึงตัว โดยดัชนี S&P 500 มี Forward P/E เพิ่มขึ้นแตะระดับเกือบ 22 เท่าแล้ว หรือเทียบเท่ากับช่วงที่ GDP สหรัฐฯ เติบโตได้ในระดับร้อนแรง (Overheat) ในปี 2566-2567 สวนทางกับภาพระยะข้างหน้าที่เศรษฐกิจโลกยังคงเปราะบางและมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่อง แม้จะมีข่าวดีเรื่องการเจรจาการค้าบ้าง แต่ยังมีข้อจำกัดในประเด็นสำคัญ อาทิ สหรัฐฯ ยังคงยืนยัน อัตราขั้นต่ำ (Floor Tariff Rate) ของภาษีศุลกากรที่ระดับ 10% แม้กับประเทศพันธมิตรใกล้ชิดอย่างสหราชอาณาจักร และเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ขาดดุลการค้ากับสหรัฐฯ ส่วนจีนแม้จะได้รับการผ่อนปรนภาษีนำเข้าชั่วคราวจาก 145% เป็น 30% จนกว่าจะเจรจาทางออกสุดท้ายกันได้ แต่ก็ยังถือเป็นอัตราที่สูงมาก ขณะเดียวกันประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยังส่งสัญญาณเตรียมปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากสหภาพยุโรปเป็น 50% หากการเจรจาไม่มีความคืบหน้า สถานการณ์เหล่านี้สะท้อนแนวโน้มสงครามการค้ายังคงยืดเยื้อ และโลกอาจกำลังเข้าสู่ “ยุคลัทธิพาณิชย์นิยมสมัยใหม่ (Modern Mercantilism)” ที่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศมหาอำนาจเป็นหลัก มากกว่าการค้าเสรี ส่งผลกระทบเชิงลบต่อห่วงโซ่อุปทานโลก ทำให้ต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้นแต่คุณภาพลดลง อีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันตลาด คือ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 4.5% ตามที่เคยประเมินไว้ คาดว่าจะสร้างแรงกดดันเพิ่มเติมต่อ Valuation ของสินทรัพย์เสี่ยงในระยะข้างหน้า ภายใต้บริบทดังกล่าว TISCO ESU แนะนำให้ทยอยลดน้ำหนักในหุ้นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อวัฏจักรเศรษฐกิจ อาทิ…

Read More

จะดีแค่ไหนหากมีกลยุทธ์การลงทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอได้ในระยะยาว ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนอย่างต่อเนื่อง KBank Private Banking เชื่อในหลักการลงทุนแบบ Risk-Based Asset Allocation ที่ให้ความสำคัญกับการจัดการความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน อีกทั้งยังกำหนดความเสียหายให้อยู่ในกรอบที่กำหนด และสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างสม่ำเสมอในทุกสภาพเศรษฐกิจ ผ่านการลงทุนในกองทุน K-ALL Roads Series ซึ่งเป็นนวัตกรรมการลงทุนที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนในสภาวะตลาดที่คาดเดายาก KBank Private Banking ร่วมกับ Lombard Odier เผยมุมมองต่อเศรษฐกิจโลก โดยมองว่าอาจเกิดได้ใน 2 กรณี ได้แก่ 1.เศรษฐกิจได้รับผลกระทบแบบจำกัด มีโอกาสเกิดขึ้น 70% (Base Case) โดยมองว่าในที่สุดสหรัฐฯ จะประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 30% และจากประเทศอื่น ๆ อีก 10% ทำให้ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในวงจำกัด เศรษฐกิจอาจเกิดการชะลอตัวแต่ไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย โดยคาดว่า GDP สหรัฐฯ ปีนี้จะเติบโต 1.2% และ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาอยู่ที่ 3.75% ภายในปีนี้ 2.เศรษฐกิจถดถอยรุนแรง / เกิดภาวะที่เศรษฐกิจซบเซาและมีเงินเฟ้อสูงพร้อมกัน หรือที่เรียกว่า Stagflation มีโอกาสเกิดขึ้น 30% (Risk Case) คือการที่สหรัฐฯ เดินหน้าเก็บภาษีเต็มรูปแบบตามที่ประกาศไว้เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ไม่มีการผ่อนปรน ส่งผลให้ GDP สหรัฐฯ โตได้เพียง 0.5% ขณะที่เงินเฟ้อยังคงสูง Fed อาจต้องลดดอกเบี้ยลงต่อเนื่อง เหลือเพียง 2.0% ในปีนี้ เพื่อพยุงเศรษฐกิจในภาวะ Stagflation จากความไม่แน่นอนนี้ Lombard Odier ผู้จัดการกองทุนหลักของกองทุน K-ALL Roads series ได้กำหนดเป้าหมายหลักในการบริหารกองทุนไว้ 3 ข้อ คือ สร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอ ปกป้องความเสียหายของเงินลงทุน และต้องมีสภาพคล่อง โดยมีวิธีการบริหารพอร์ต ดังนี้ 1. -ลงทุนเฉพาะในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่อง 2. -กระจายความเสี่ยง 3.…

Read More

ไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ภาคภูมิใจกับรางวัล TAB Global Achievement in Risk Management Awards 2025 จากที่ประชุมสุดยอด Asian Banker Summit 2025 ตอกย้ำความเป็นเลิศด้านการบริหารความเสี่ยงขององค์กรในกลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารในประเทศไทย นายโชติพัฒน์ พีชานนท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กลุ่มธุรกิจประกันและการเงินในเครือทีซีซี เปิดเผยว่า ไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ มีความภาคภูมิใจที่ได้รับรางวัล TAB Global Achievement in Risk Management Awards 2025 ซึ่งนับเป็นรางวัลแห่งความสำเร็จด้านการบริหารความเสี่ยงขององค์กรในประเทศไทยสำหรับสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร จาก International Council of Advisors ภายใต้การประชุมสุดยอด Asian Banker Summit 2025 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 26 ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยมีผู้บริหารองค์กรจากอุตสาหกรรมการเงิน เทคโนโลยี และการธนาคารชั้นนำจากทั่วโลกเข้าร่วม ไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ได้รับการยอมรับในฐานะองค์กรที่มีกรอบการกำกับดูแลความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง ครอบคลุม และมีโครงสร้างการบริหารความเสี่ยงที่ทันสมัย มีศักยภาพในการจัดการความเสี่ยงทั้งในรูปแบบดั้งเดิมและแบบใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมยกระดับขีดความสามารถในการดำเนินงาน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน รางวัลดังกล่าว สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ ไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ในการยกระดับมาตรฐานการบริหารความเสี่ยงให้เทียบเท่าสากล ในสภาพแวดล้อมการแข่งขันที่ท้าทายและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยบริษัทฯ มีการบริหารความเสี่ยงแบบองค์รวม มีการประเมินความเสี่ยงและความมั่นคงทางการเงิน ครอบคลุมประเด็นความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนที่มีต่อการดำเนินธุรกิจให้อยู่ในระดับความเสี่ยงที่บริษัทฯ ยอมรับได้ ทั้งนี้ TAB Global Achievement in Risk Management Awards เป็นรางวัลด้านการจัดการความเสี่ยงที่มีความเข้มงวด โปร่งใส และได้รับการยอมรับมากที่สุดในอุตสาหกรรมบริการทางการเงินระดับโลก โดยมุ่งเน้นการประเมินใน 7 ด้านหลัก ได้แก่ ความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ ความเสี่ยงขององค์กร ความเสี่ยงด้านสินเชื่อ…

Read More

เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมกับ กลุ่มบริษัทพราว มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา และจังหวัดนครราชสีมา จัดกิจกรรม “เอไอเอ วัน บิลเลียน เดย์ สองศูนย์สองห้า” (AIA ONE BILLION DAY 2025) เตรียมเนรมิตสนามวิ่งเทรลระดับชาติในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา เพื่อส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม พร้อมกิจกรรมที่ให้ทุกเจนได้ออกมาสนุกร่วมกันตลอดทั้งวัน เพื่อมุ่งสร้างสังคมแห่งการมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังตั้งเป้าช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยวเชิงกีฬาและวัฒนธรรม ตอกย้ำพันธกิจ AIA One Billion ที่ต้องการสนับสนุนผู้คนกว่าพันล้านคนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญาของเอไอเอ ‘Healthier, Longer, Better Lives’ กิจกรรม AIA ONE BILLION DAY 2025 ถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างภาคเอกชนและภาคการศึกษา เพื่อปลุกพลังสุขภาพใน 3 มิติ ได้แก่ สุขภาพกาย สุขภาพใจ และสุขภาพทางการเงิน ควบคู่กับการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “ดินแดน 3 มรดกโลก” (Triple Heritage City) จังหวัดแรกในประเทศไทย และหนึ่งใน 4 แห่งของโลก ที่มีพื้นที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกถึง 3 แห่ง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มรดกโลกทางธรรมชาติ (2005) พื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช (1976) และ โคราชจีโอพาร์ค อุทยานธรณีโลกแห่งใหม่ (2023) สำหรับเส้นทางวิ่งเทรลในครั้งนี้ นักวิ่งเทรลจะได้วิ่งบนเส้นทางธรรมชาติจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ถึงโบนันซ่า เขาใหญ่ ผ่านเส้นทางที่ถือเป็นมรดกโลก ซึ่งไม่เพียงสะท้อนความงดงามของภูมิประเทศ แต่ยังตอกย้ำความภาคภูมิใจในคุณค่าเชิงมรดกของพื้นที่ ตลอดจนฉายภาพประวัติศาสตร์อันน่าจดจำ และการเป็นต่อยอดศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างแท้จริง คุณนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “AIA ONE BILLION DAY 2025 ถือเป็นหนึ่งในพันธกิจสำคัญของเอไอเอ ที่มุ่งมั่นในการส่งเสริมให้ผู้คนกว่าพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น โดยในปีนี้เรายังคงสานต่อกิจกรรม AIA One Billion Trail การแข่งขันวิ่งเทรล ประเภททีม…

Read More

เมื่อปัญหาสิ่งแวดล้อมกลายเป็นประเด็นระดับโลกที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและความมั่นคงของมนุษย์อย่างรอบด้าน แนวทางในการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างสมดุลและยั่งยืนจึงเป็นแนวทางที่จำเป็นและเร่งด่วน แนวคิดดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่ในประเทศไทย หากแต่เป็นหลักการที่ปรากฏชัดในศาสตร์พระราชา ซึ่งเน้นการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยไม่ทำลายรากเหง้าทางธรรมชาติและวัฒนธรรมของท้องถิ่น โครงการ “ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา” ครั้งที่ 52 จัดขึ้น ณ จังหวัดนครราชสีมา โดยได้รับเกียรติจากนางรณิดา เหลืองฐิติสกุล รองผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธี และมี นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวต้อนรับคณะผู้เข้าร่วมโครงการ ซึ่งการจัดโครงการครั้งนี้ ต้องการที่จะส่งเสริมจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการน้อมนำแนวพระราชดำริมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะแนวทางการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ตามหลักนวัตกรรมศาสตร์พระราชา อันเป็นแนวคิดที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระราชทานไว้เป็นแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน ทางโครงการได้พาคณะเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มรดกโลกทางธรรมชาติ และแหล่งโอโซน 1 ใน 7 ของโลก โดยได้ไปเยี่ยมชมศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย เพื่อศึกษาแนวทางการนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนมาประยุกต์ใช้ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ผู้เข้าร่วมได้ลงมือปฏิบัติในการผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากมูลช้าง ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและลดการเกิดของเสีย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้อาหารช้างและศึกษาพฤติกรรมของช้างไทยที่อยู่ในความดูแลของศูนย์ รวมทั้งการเรียนรู้เกี่ยวกับบทบาทของสุนัข K9 ในการอนุรักษ์สัตว์ป่า จากนั้น คณะเดินทางเข้าสู่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาแผงม้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาแผงม้า เพื่อศึกษาระบบนิเวศ และเรียนรู้การติดตามพฤติกรรมของสัตว์ป่าโดยไม่รบกวนวิถีชีวิตของพวกเขา กิจกรรมส่องกระทิงที่จัดขึ้นในครั้งนี้ นอกจากจะมุ่งเน้นการสังเกตธรรมชาติอย่างใกล้ชิดแล้ว ยังช่วยสร้างความเข้าใจถึงความสำคัญของพื้นที่อนุรักษ์ และการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์กับสัตว์ป่าอย่างยั่งยืนอีกด้วย นางวิชชุดา ไตรธรรม ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ศาสตร์พระราชาไม่เพียงเป็นแนวคิดเพื่อการพัฒนาประเทศในมิติเศรษฐกิจหรือเกษตรกรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างสมดุลระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ การจัดกิจกรรมในพื้นที่อนุรักษ์อย่างเขาใหญ่ทำให้เราได้เห็นถึงความสำคัญของการเรียนรู้จากธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สัตว์ป่า และวิถีชีวิตของชุมชนโดยรอบ เราหวังว่าผู้เข้าร่วมทุกท่านจะสามารถน้อมนำแนวคิดเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงเป็นแรงบันดาลใจในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนในระดับชุมชนและสังคมโดยรวม” การดำเนินโครงการในครั้งนี้ยังได้รับการสนับสนุนทางวิชาการจากโรงเรียนปัญญาประทีป สถานศึกษาต้นแบบด้านการบูรณาการการเรียนรู้เชิงวิถีพุทธ โดยได้มาแบ่งปันความรู้ผ่านการบรรยายในหัวข้อ “โรงเรียนต้นแบบ วิถีธรรม วิถีพุทธ” ที่เน้นการสร้างสมดุลระหว่างสติปัญญาและจิตใจ โดย นายวิเชษฐ์ โพธิวิสุทธิ์วาที ผู้อำนวยการโรงเรียนและผู้บรรยาย ได้อธิบายถึงกระบวนการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับธรรมชาติและวิถีชีวิตที่เรียบง่าย อันสะท้อนหลักการของการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างไม่เบียดเบียนและเคารพซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ ทางโครงการยังจัดให้มีการสัมมนาและเวิร์กช็อปเกี่ยวกับศาสตร์พระราชาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญ โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมแบ่งปันความรู้ อาทิ รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม ดร.ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานมูลนิธิธรรมดี และอาจารย์อดุลย์ ดาราธรรม ที่ปรึกษาและอดีตนายกสมาคมนักเรียนเก่า AFS…

Read More

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมืองไทยประกันชีวิต โดย “เมืองไทยสไมล์คลับ” เดินหน้าส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้สมาชิกเมืองไทย สไมล์คลับพร้อม มอบประสบการณ์ ช้อป กิน ฟิน ลุ้น แก่สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ เพียงใช้คะแนนสะสมเริ่มต้นที่ 1 Smile Point แลกรับสิทธิพิเศษจากกิจกรรมไฮไลท์ที่คัดสรรมาแบบครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์เพื่อให้ตอบโจทย์สมาชิกฯ ที่แม้ว่าจะมีคะแนนสะสม Smile Point น้อย แต่สามารถเลือกรับความสุขจากร้านค้าพันธมิตรชั้นนำพร้อมลุ้นรับรางวัลใหญ่ที่มีมูลค่ารวมกว่า 220,000 บาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ชื่นใจกับชาไทยแก้วโปรด Tuesday Smiley ชาตรามือ สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ ใช้คะแนนสะสม 2 Smile Points แลกรับส่วนลด 20 บาท สำหรับซื้อเครื่องดื่ม ทุกเมนูที่ร้านชาตรามือ สาขาที่ร่วมรายการกว่า 170 สาขา กดรับสิทธิ์เฉพาะวันอังคารและเก็บโค้ด ไว้ใช้ได้ถึง 30 มิถุนายน 2568 จำกัด 2 สิทธิ์ /1 ท่าน / สัปดาห์ รวม 3,000 สิทธิ์ ตลอดโครงการ (สามารถใช้ได้ 1 รหัสส่วนลดต่อ 1 ใบเสร็จเท่านั้น) รับสิทธิ์ทางแอปพลิเคชัน MTL Click แสดง QR Code (รหัสรับสิทธิ์) ณ ร้านค้า ระยะเวลาการแลกสิทธิ์ : 1 เมษายน 2568 – 30 มิถุนายน 2568 อุ่นใจกับร้านยากรุงเทพทุกสาขา สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับใช้คะแนนสะสม 1 Smile Point รับ E-Coupon 30 บาท เมื่อซื้อสินค้าครบ 300…

Read More

ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ให้การต้อนรับ เต็งกู ดาโต๊ะ ศรี ซาฟรูล อับดุล อาซิส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน การค้า และอุตสาหกรรม มาเลเซีย (ที่ 2 จากขวา) ในโอกาสที่ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ได้เป็นเจ้าภาพร่วมกับ MATRADE Bangkok หรือ สำนักงานการค้าภายใต้สถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย จัดการประชุม ‘Roundtable Meeting with Captains of Industry in Thailand’ โดยมีผู้นำภาคอุตสาหกรรมไทยเข้าร่วมงานเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองด้านการลงทุน สร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำธุรกิจ ค้นหาโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ ส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ รวมถึงเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ในโอกาสนี้ มีผู้บริหารจากกลุ่มซีไอเอ็มบีและซีไอเอ็มบี ไทย เข้าร่วมงาน ได้แก่ โนแวน อามิรูดิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มซีไอเอ็มบี (ที่ 2 จากซ้าย) วุธว์ ธนิตติราภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (ซ้าย) และ พอล วอง ชี คิน ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (ขวา) การจัดงานในครั้งนี้ สะท้อนบทบาทของซีไอเอ็มบี ในฐานะตัวกลางสำคัญที่เชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจทั่วอาเซียน พร้อมเดินหน้าสนับสนุนความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนไทย–มาเลเซีย เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในภูมิภาค นอกจากนี้ MATRADE Bangkok (สำนักงานการค้าภายใต้สถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย) ยังมีบทบาทสำคัญในฐานะเจ้าภาพร่วมในการประชุมโต๊ะกลมในครั้งนี้ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศมาเลเซียและประเทศไทย ความริเริ่มนี้สอดคล้องกับเป้าหมายภายใต้คณะกรรมการการค้าร่วม (JTC) ระหว่างสองประเทศที่จัดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 ซึ่งมีเป้าหมายในการยกระดับมูลค่าการค้าทวิภาคีให้แตะระดับ 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2570 โดยการมีส่วนร่วมของ MATRADE Bangkok มีบทบาทสำคัญในการรวบรวมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลักในอุตสาหกรรมจากทั้งสองประเทศ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและสร้างโอกาสใหม่ในการเป็นหุ้นส่วนข้ามพรมแดน งานจัดขึ้นโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพ…

Read More

บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จัดงานฉลอง Bangkok Life Agency Annual Awards ประจำปี 2024 ภายใต้แนวคิด “Sustainability of Success” เพื่อเชิดชูเกียรติและแสดงความยินดีกับความสำเร็จของผู้รับรางวัล “เพชรน้ำเอก” รวมถึงผู้รับรางวัลคุณวุฒิสำคัญ และผู้พิชิตรางวัลอันทรงเกียรติ โดยมี ดร.ศิริ การเจริญดี ประธานกรรมการ เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คณะกรรมการ ผู้บริหารระดับสูง และนายจักรพงศ์ แสงแก้ว ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายงานตัวแทนและที่ปรึกษาทางการเงิน ร่วมแสดงความยินดี ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อเร็วๆนี้ กรุงเทพประกันชีวิต ใส่ใจและให้ความสำคัญกับตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงินทุกท่าน จึงได้จัดงาน Bangkok Life Agency Annual Awards เป็นประจำทุกปี เพื่อเชิดชูเกียรตินักขายที่ได้สร้างผลงานอันเป็นเลิศ ด้วยความเป็นมืออาชีพและความใส่ใจในตัวลูกค้า จนได้รับความไว้วางใจและสามารถบรรลุเป้าหมายด้วยรางวัลแห่งความสำเร็จ สร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงินทุกคน โดยในงานคณะผู้บริหารระดับสูงได้ร่วมกันมอบรางวัลเชิดชูเกียรติแก่ตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงินที่ประสบความสำเร็จในปีนี้จำนวนทั้งสิ้น 674 ท่าน รวมรางวัลทั้งสิ้น 997 รางวัล แบ่งเป็น 9 ประเภท ได้แก่ รางวัลเกียรติยศ เพชรน้ำเอก ประจำปี 2567 รางวัลถ้วยเกียรติยศท่านประธานกรรมการ รางวัลคุณวุฒิไตรมาส รางวัลเกียรติชนเรือนล้าน รางวัล TNQA/IQA, รางวัล MDRT Annual Meeting 2025, Maimi Beach, Florida, USA รางวัล Bangkok Life Agency Annual Trip 2024, Switzerland รางวัล Bangkok Life GAMA Challenge และ รางวัลคุณวุฒิสโมสรผู้นำ…

Read More

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTAM) ประสบความสำเร็จในระดับสากลอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเข้ารับ 3 รางวัลจากงาน Fund Selector Asia Awards 2025 จัดโดย Fund Selector Asia ซื่งเป็นสื่อชั้นนำที่ให้บริการข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับภาพรวมกองทุน บทวิจัย และบทวิเคราะห์แนวโน้มตลาดการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย โดยมีนางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนเข้ารับรางวัลในงานเมื่อเร็วๆ นี้ สำหรับ 3 รางวัล ประกอบด้วย 1. รางวัล Fund Selector Asia, Thailand – Excellence in Service (ปีที่ 4 ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2022 – 2025 2. รางวัล Fund Selector Asia, Thailand – Equity House of the Year (เป็นปีที่ 3 ได้แก่ ปี 2025, 2024 และ 2022 3. รางวัล Fund Selector Asia, Thailand – Domestic Asset Manager of the Year (เป็นปีที่ 3 ได้แก่ ปี 2025, 2023 และ 2022) ทั้ง 3 รางวัลดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพภายใต้การบริหารที่มุ่งมั่นและกลยุทธ์ที่ชัดเจน ด้วยแนวคิดการบริหารที่ผสานระหว่างความคิดสร้างสรรค์และความแม่นยำทางธุรกิจ รวมถึงความโดดเด่นในการบริหารจัดการกองทุนตราสารทุน และมาตรฐานการให้บริการที่โดดเด่นของ KTAM เพื่อให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์และบทวิเคราะห์ต่างๆ…

Read More

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยตัวเลขการส่งออกไทยเดือนเมษายน 2568 ขยายตัวดีต่อเนื่องที่ 10.2%YoY แม้ชะลอลงจากไตรมาส 1/2568 ที่ขยายตัวสูงถึง 15.2%YoY โดยมีปัจจัยดังต่อไปนี้ (รูปที่ 1) การส่งออกไทยยังคงได้รับแรงหนุนจากการเร่งส่งออกสินค้า ท่ามกลางนโยบายการค้าสหรัฐฯ ที่ยังมีความไม่แน่นอน โดยการส่งออกไทยไปตลาดสำคัญขยายตัวเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะการเร่งส่งออกไปสหรัฐฯ โดยตั้งแต่ต้นปี 2568 สัดส่วนการส่งออกไทยไปสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 19.5% จาก 18.3% ในปีก่อนหน้า การส่งออกไทยถูกขับเคลื่อนด้วยการส่งออกสินค้าไม่กี่รายการ ประกอบด้วย 1) คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบรวม Hard disk drive 2) ICs และ 3) ทองคำไม่ขึ้นรูป ซึ่งหากหัก 3 รายการดังกล่าว การส่งออกไทยในเดือนเม.ย. ขยายตัวได้ไม่ถึง 1% โดยการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มีปัจจัยหนุนเพิ่มเติมตามรอบวัฎจักรซึ่งคาดว่าได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และมีแนวโน้มชะลอตัวในระยะข้างหน้า ขณะที่การส่งออกสินค้าเกษตรหดตัวที่ -19.6%YoY โดยมีปัจจัยฉุดรั้งจากการส่งออกผลไม้ที่หดตัวเป็นสำคัญ โดยเฉพาะทุเรียนสดที่มักหนุนการส่งออกในเดือนเม.ย. แต่ในปีนี้การส่งออกทุเรียนสดในเดือนเม.ย. 2568 กลับหดตัวที่ -43.5%YoY ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยด้านราคาที่ถูกกดดันจากผลผลิตที่เพิ่มขึ้นมากไม่สอดรับกับความต้องการบริโภค และมาตรการความปลอดภัยในการนำเข้าทุเรียนของจีนที่มีความเข้มงวด o การส่งออกไทยในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน คาดว่าจะขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงแม้ยังอยู่ในช่วงที่สหรัฐฯ ระงับการปรับขึ้นภาษีนำเข้า 90 วัน ส่งผลให้การส่งออกไทยในไตรมาส 2/2568 คาดว่าจะขยายตัวไม่ถึง 10% ชะลอลงจากไตรมาสแรก สหรัฐฯ ระงับการขึ้นภาษีนำเข้าออกไป 90 วันอาจช่วยหนุนการส่งออกไทยได้เพียงระดับหนึ่ง เนื่องจากมีการเร่งส่งออกสินค้าไปค่อนข้างมากแล้วในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่สินค้าไทยเริ่มถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีพื้นฐาน (Baseline Tariff) ที่ 10% ตั้งแต่เดือนเม.ย. ที่ผ่านมาและการเจรจาระหว่างไทยและสหรัฐฯ ยังมีความไม่แน่นอน ส่งผลให้ปริมาณเรือที่ออกจากท่าเรือไทยเริ่มลดลงหลังแตะระดับสูงสุดในเดือนพ.ค. (รูปที่ 2) อย่างไรก็ดี ข้อตกลงการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ในช่วงต้นเดือนพ.ค. 2568 อาจช่วยหนุนให้การส่งออกสินค้าขั้นกลางของไทยไปจีนเร่งขึ้นมาอีกระลอกก่อนข้อตกลงลดภาษีระหว่างกัน 90 วันจะสิ้นสุดลง ผู้ส่งออกทางเรืออาจมีเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนในการจัดส่งสินค้าให้ทันก่อนวันที่ 9 ก.ค. 2568 ที่อัตราภาษีตอบโต้ (reciprocal tariff) จะมีผลบังคับใช้…

Read More