นายกรณ์ ชินสวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แรบบิท ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) บริษัทในเครือ บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นางธีระดา กำเนิดเหมาะ ผู้บริหารสายงานตัวแทน และ นายธัญญะ ซื่อวาจา ผู้บริหารสายงานบริหารและสนับสนุนองค์กร จัดงานสุดยิ่งใหญ่รับต้นปี 2568 Agency Kick Off Year Plan 2025 เพื่อยกระดับศักยภาพตัวแทนประกันชีวิต พร้อมวางเป้าเดินหน้าขยายเครือข่ายสาขาตัวแทนให้ครอบคลุมทั่วประเทศ นอกจากนี้ภายในงานยังได้มอบรางวัลคุณวุฒิ ให้แก่ตัวแทนที่มีผลงานยอดเยี่ยมกว่า 49 รางวัล เพื่อตอกย้ำความสำเร็จ และเป็นแรงบัลดาลใจแก่เหล่าตัวแทนที่กำลังพัฒนาตนเองเพื่อการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคตต่อไป ณ โรงแรม เดอะ ซายน์ พัทยา เมื่อเร็วๆนี้
Author: staff
พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีปลุกเสกวัตถุมงคล “เหรียญเทพเจ้ากวนอู” ภายใต้ “โครงการตรุษจีนเมาไม่ขับ” ของมูลนิธิเมาไม่ขับ ซึ่ง บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมสนับสนุน โดยมี นางสาวกานดา วัฒนายิ่งสมสุข ที่ปรึกษาฝ่ายสื่อสารองค์กร เป็นผู้แทนบริษัทฯ เข้าร่วมพิธี ทั้งนี้ เหรียญดังกล่าว ได้รับการปลุกเสก โดย พระคณาจารย์จีนธรรมวชิรานุวัตร (เย็นอี่) เจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส (เล่งเน่ยยี่) เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชน โดยมุ่งหวังให้เป็นเครื่องเตือนสติสำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ และเสริมสิริมงคล ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ประจำปี 2568 ณ วัดมังกรกมลาวาส (เล่งเน่ยยี่) แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ สำหรับ “โครงการตรุษจีนเมาไม่ขับ” มูลนิธิเมาไม่ขับ ร่วมกับ วิริยะประกันภัย มูลนิธิปอเต็กตึ้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุ ทั้งภาครัฐและเอกชน จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เนื่องด้วยเทศกาลตรุษจีน เป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่มักมีการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ในหลายพื้นที่ และเป็นช่วงเวลาเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเพิ่มสูงขึ้น จากพฤติกรรมการดื่มสุราขณะขับรถ บริษัทฯ จึงได้ให้การสนับสนุนโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้และปลุกจิตสำนึกให้กับประชาชน เกี่ยวกับพฤติกรรมการเมาไม่ขับ เพื่อลดความสูญเสียของชีวิตและทรัพย์สินที่อาจเกิดขึ้น ทั้งยังเป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมการเฉลิมฉลองให้เป็นไปอย่างปลอดภัยและไร้อุบัติเหตุ
ทิพยตะกาฟุล ได้รับความไว้วางใจจากสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย โดยท่านจุฬาราชมนตรี (นายอรุณ บุญชม) ให้ทิพยตะกาฟุลรับประกัน “ตราสัญลักษณ์ฮาลาล (Halal Logo)” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการขอใบรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ฮาลาลสำหรับการส่งออกไปยังประเทศซาอุดีอาระเบีย (SASO CoC) โดยมี ดร.อาลี คาน รองเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย รับมอบสัญญาตะกาฟุลจากนายกฤษฎา กิตติพรไพบูลย์ ผู้อำนวยการศูนย์ขยายงานการรับประกันภัยตะกาฟุล ณ สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ทิพยตะกาฟุลถือเป็นบริษัทเดียวในประเทศไทยที่สามารถให้บริการรับประกันภัยตามหลักศาสนาอิสลามได้อย่างถูกต้อง และได้รับการยอมรับจากบริษัทรับประกันภัยต่อ (Re Takaful) อย่างครบถ้วน
เคทีซี ร่วมกับพันธมิตรธุรกิจ SMEs ตอกย้ำจุดยืนในการทำธุรกิจสินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” สร้างโอกาสสนับสนุนคนไทยที่มีความฝันและสนใจจะเป็นเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ แต่ยังขาดแหล่งเงินทุน สามารถสมัครสินเชื่อรถแลกเงิน เพื่อเข้าถึงแหล่งเงินกู้ที่เชื่อถือได้ วงเงินใหญ่อนุมัติไวภายใน 1 ชั่วโมง รับเงินทันที ด้วยวงเงินใหญ่สูงสุด 1 ล้านบาท โดยไม่ต้องมีคนค้ำประกัน นางสาวเรือนแก้ว เกษมสวัสดิ์ศรี ผู้บริหารสูงสุด สายงานสินเชื่อรถยนต์ “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า “เรามองเห็นศักยภาพของธุรกิจแฟรนไชส์ในฐานะโมเดลที่ช่วยสร้างโอกาสให้กับคนที่อยากเริ่มต้นธุรกิจ แต่ยังขาดเงินทุนก้อนใหญ่ สินเชื่อรถแลกเงิน “เคทีซี พี่เบิ้ม” ยินดีจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้ผู้กำลังมองหาอาชีพเสริม หรืออยากมีธุรกิจเป็นของตนเองได้สานฝันตนเองให้เป็นจริง โดยผู้ที่ขอสินเชื่อยังสามารถนำรถยนต์ที่เป็นหลักประกันไปใช้ขับได้ตามปกติ ล่าสุดเราได้ร่วมกับ 2 แฟรนไชส์แบรนด์คนไทยที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจอย่าง “ไจแอ้นลูกชิ้นปลาระเบิด” และธุรกิจรับ-ส่งไปรษณีย์ “แตงไทย โพสต์” สนับสนุนให้ผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของธุรกิจ สามารถติดต่อขอสินเชื่อผ่านช่องทางของทั้งสองธุรกิจแฟรนไชส์ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ เราเชื่อว่าการร่วมมือครั้งนี้จะมีส่วนช่วยสานโอกาสเพิ่มรายได้ให้กับคนไทย และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนให้เข้มแข็งและเติบโตไปด้วยกัน” นายสารัช วัฒนกูล ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท อร่อยระเบิด จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ ไจแอ้นลูกชิ้นปลาระเบิด กล่าวว่า “ธุรกิจแฟรนไชส์ของเราเหมาะสำหรับคนที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจง่ายๆ ลงทุนน้อยและคืนทุนไว โดยมุ่งเน้นสร้างอาชีพให้คนมีรายได้หลักและรายได้เสริม การที่ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” เข้ามาสนับสนุนในเรื่องเงินทุน จะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับคนที่มีรถยนต์และปลอดภาระ แต่มีความต้องการเงินทุนหมุนเวียนในการทำธุรกิจ เรามั่นใจว่าการร่วมมือครั้งนี้จะช่วยเติมเต็มให้คนไทยประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจได้เร็วขึ้น มีรายได้และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งรูปแบบการลงทุนกับแฟรนไชส์ไจแอ้นฯ มีให้เลือกกว่า 14 แบบ เริ่มต้นตั้งแต่ชุดทดลองขายที่มีราคาหลักพัน จนถึงร้านขนาดใหญ่ที่จัดเต็มในทุกฟังก์ชั่นในการช่วยซัพพอร์ตการขาย ซึ่งมีราคาหลักแสนด้วยกัน” นายอัฒพล รอดขำ กรรมการผู้จัดการ แบรนด์แฟรนไชส์ไปรษณีย์ชุมชน แตงไทยโพสต์ กล่าวว่า “เราเลือกจับมือกับ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” เพราะเล็งเห็นว่าสินเชื่อรถแลกเงินของเคทีซี มีความสะดวกและเหมาะสำหรับคนที่อยากเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์ โดยเฉพาะในช่วงที่หลายคนมองหาโอกาสสร้างรายได้เสริมหรือรายได้หลัก แฟรนไชส์ไปรษณีย์ชุมชน แตงไทยโพสต์พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการใหม่ด้วยระบบที่แข็งแกร่งและอบรมเพื่อให้ประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ แฟรนไชส์ไปรษณีย์ชุมชน แตงไทยโพสต์ เป็นไปรษณีย์ชุมชนที่ดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ร้านบริการรับ-ส่งพัสดุให้กับหลายธุรกิจขนส่งในร้านเดียว ทั้งพัสดุที่จัดส่งภายในประเทศ 6 รายหลัก อาทิ ไปรษณีย์ไทย , FLASH Express , KEX…
ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า สมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้กำหนดวิสัยทัศน์ในการเป็นองค์กรที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้ธุรกิจประกันวินาศภัยเป็นเสาหลักของระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างยั่งยืน โดยการทำหน้าที่เป็นผู้บริหารความเสี่ยงมืออาชีพให้กับภาครัฐและเอกชน อย่างไรก็ตาม โลกในปัจจุบันกำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่มีภูมิทัศน์เปลี่ยนไปจากเดิม เนื่องมาจากเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด การเกิดภัยธรรมชาติที่บ่อยขึ้นและทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร รวมถึงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจที่เกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวได้ก่อให้เกิดความท้าท้ายกับธุรกิจประกันภัยทั่วโลกรวมถึงธุรกิจประกันวินาศภัยไทย ในการกำหนดกลยุทธ์และพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยการดำเนินธุรกิจประกันภัยในปัจจุบันจำเป็นต้องอาศัยความรู้รอบ ความรอบรู้ และการใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกให้สามารถบริหารความเสี่ยงและแสวงหาโอกาสจากภูมิทัศน์ความเสี่ยงที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะความเสี่ยงอุบัติใหม่ที่ยากต่อการคาดการณ์และบริหารจัดการ ด้วยเหตุนี้ สมาคมประกันวินาศภัยไทย โดยคณะกรรมการพัฒนาธุรกิจและวิชาการประกันภัย จึงได้จัดสัมมนาการประกันภัย ครั้งที่ 29 ขึ้น ภายใต้หัวข้อ “การบริหารจัดการความเสี่ยงอุบัติใหม่: ความท้าทายของธุรกิจประกันภัยในทศวรรษหน้า” นำเสนอความรู้ มุมมอง และแนวทางในการบริหารจัดการความเสี่ยงอุบัติใหม่ เพื่อให้ธุรกิจประกันวินาศภัยสามารถทำหน้าที่เป็นผู้บริหารความเสี่ยงมืออาชีพที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการความคุ้มครองด้านประกันภัยของทุกภาคส่วนได้อย่างเหมาะสม โดยเน้นแนวคิดเรื่องของความเสี่ยงด้านความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศซึ่งในรายงานความเสี่ยงระดับโลก The Global Risk Report 2025 ที่ World Economic Forum ได้จัดทำและเผยแพร่ล่าสุดระบุว่า เป็นความเสี่ยงที่ขึ้นแท่นอันดับ 1 ในอีก 10 ปีข้างหน้า รวมถึงความเสี่ยงเรื่องเทคโนโลยี AI ซึ่งถูกจัดอยู่ใน Top 5 ด้วยเช่นกัน และที่สำคัญคือเรื่องของการเตรียมความพร้อมด้านทุนมนุษย์ของธุรกิจประกันภัยให้เท่าทันต่อความเสี่ยงอุบัติใหม่ดังกล่าวด้วย สำหรับการสัมมนาในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ การจัดการและการสื่อสารในภาวะวิกฤต เทคโนโลยี AI และทุนมนุษย์ มานำเสนอความรู้ ข้อมูลเชิงลึก และแนวคิด ที่ธุรกิจประกันวินาศภัยสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง ประกอบด้วย รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต ที่ให้เกียรติมาบรรยายในหัวข้อ “2573 น้ำจะท่วมกรุงเทพจริงหรือ” คุณกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ให้เกียรติมาบรรยายในหัวข้อ “การจัดการและการสื่อสารในภาวะวิกฤต” คุณกฤติยาณี บูรณตรีเวทย์ ทนายความหุ้นส่วน (Partner) บริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด ที่ให้เกียรติมาบรรยายในหัวข้อ “โลก AI วันนี้และความท้าทายในวันหน้า” คุณชุติมา สีบำรุงสาสน์…
ทีเอ็มบีธนชาต ประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนวงเงิน 21,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 ปี โดยกำหนดซื้อหุ้นคืนรอบแรกด้วยวงเงิน 7,000 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นไปตามแผนการบริหารส่วนทุนเพื่อสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นผ่านการปรับโครงสร้างและขนาดงบดุลให้มีความเหมาะสม ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ ทีเอ็มบีธนชาต (ทีทีบี) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารได้มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารการเงิน ภายใต้วงเงินรวมจำนวนไม่เกิน 21,000 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2568 ไปจนถึงปี 2570 โดยธนาคารจะดำเนินการซื้อหุ้นคืนในครั้งแรกด้วยวงเงิน 7,000 ล้านบาท จำนวนหุ้นซื้อคืนไม่เกิน 3,500,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 3.6% ของหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด กำหนดระยะเวลาที่จะซื้อหุ้นคืนด้วยวิธีจับคู่อัตโนมัติผ่านระบบซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2568 นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า การซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในหลายโครงการที่อยู่ในแผนงานด้านการบริหารส่วนทุน (Capital Management) ของธนาคาร โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้นผ่านการปรับโครงสร้างและขนาดงบดุลให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาฐานะเงินกองทุนของธนาคารนับตั้งแต่รวมกิจการก็จะพบว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด เป็นผลจากการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบและการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2567 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุน 19.3% ซึ่งสูงอยู่ในระดับเดียวกับธนาคารคู่เทียบ (D-SIBs) และสูงเกินจากเกณฑ์ขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ที่ 12.0% อย่างมีนัยสำคัญ จึงเป็นโอกาสให้ธนาคารสามารถปรับลดส่วนเกินดังกล่าวให้มีความเหมาะสมมากขึ้นได้โดยที่ไม่กระทบต่อความมั่นคงและแผนธุรกิจของธนาคารในอนาคต อีกทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น จึงเป็นที่มาของโครงการซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้ ภายหลังการซื้อหุ้นคืน ผู้ถือหุ้นจะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) และอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ตามการลดลงของมูลค่าทางบัญชีในส่วนของผู้ถือหุ้นและการลดลงของจำนวนหุ้นที่หมุนเวียนในตลาดหลักทรัพย์ เทียบกับระดับ ROE ในปัจจุบัน ณ สิ้นปี 2567 ที่ 9.0% และ EPS ที่ 0.22 บาท ขณะที่ประเมินว่าอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (Capital Adequacy Ratio) จะยังคงสูงกว่า 19% ซึ่งยังคงอยู่ในระดับสูงและเพียงพอต่อการเติบโตสินเชื่อตามแผนธุรกิจ สำหรับวงเงินส่วนที่เหลืออีก 14,000 ล้านบาท ธนาคารจะกำหนดกรอบการซื้อคืนและระยะเวลาอีกครั้ง โดยจะพิจารณาให้เหมาะสมกับภาวะตลาดและมูลค่าหุ้น เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการซื้อหุ้นคืนในอีก 2 รอบที่เหลือจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้นเช่นกัน นายปิติ กล่าวสรุปว่า “นอกเหนือจากโครงการซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้ ธนาคารได้ดำเนินการตามแผนการบริหารส่วนทุนในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการปรับโครงสร้างส่วนทุนให้มีความเหมาะสมผ่านการไถ่ถอนตราสารหนี้นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Additional Tier1) และการลดขนาดการออกตราสารหนี้ที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ในปี 2567 การเพิ่มอัตราเงินปันผลขึ้นมาอยู่ที่ 60% เทียบกับระดับ 30%-35% ในช่วงก่อนรวมกิจการ รวมถึงการสร้างโอกาสในการเติบโตผ่านการเข้าซื้อหุ้นในกิจการที่ส่งเสริมกัน โดยปัจจุบันธนาคารได้เข้าทำ Non-Binding MOU และอยู่ในขั้นตอนการทำ Due Diligence เพื่อพิจารณาการเข้าซื้อหุ้นในบริษัทหลักทรัพย์ธนชาตและบริษัท ที ลิสซิ่ง การดำเนินการอย่างต่อเนื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของเราในการสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยเราจะยังคงมุ่งมั่นและเน้นย้ำการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบ เพื่อให้ทีทีบีเติบโตได้อย่างมั่นคงและส่งมอบประโยชน์กลับคืนสู่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายอย่างยั่งยืน”
บลจ.ทิสโก้เปิด กองทุนเปิด ทิสโก้ US Energy (TUSENGY) ลงทุนในหุ้นของบริษัทในหมวดอุตสาหกรรมพลังงาน ที่อยู่ในดัชนี S&P 500 เปิด IPO 27 ม.ค. – 4 ก.พ. 68 เหมาะเป็นกองทุนเพิ่มโอกาสสร้างกำไรตามวัฏจักรเศรษฐกิจ และใช้สำหรับบริหารความเสี่ยงของพอร์ต โดยการเติบโตของบริการ AI จะกระตุ้นความต้องการใช้พลังงาน ขณะที่ในระยะยาวความต้องการใช้พลังงานจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan Managing Director of TISCOASSET) เปิดเผยว่า แนวโน้มการเติบโตของบริการที่เกี่ยวข้องกับ AI เป็นตัวกระตุ้นทำให้ความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น ซึ่งบลจ.ทิสโก้มองว่า “หุ้นกลุ่มพลังงาน” เป็นสินทรัพย์ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในสถานการณ์ดังกล่าว นอกจากนี้ ในระยะยาวความต้องการพลังงานของโลกจะยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย Statista data คาดว่าน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติยังคงเป็นแหล่งพลังงานหลักของโลกไปถึงปี 2593 สอดคล้องกับ VisualCapitalist มองว่าความต้องการใช้น้ำมันดิบจะเติบโตได้ปีละ 17% ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2588 ด้าน RFF มองว่าความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึงปี 2593 ดังนั้น เพื่อช่วยลูกค้าบริหารความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนและเพิ่มผลิตภัณฑ์การลงทุนที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว บลจ.ทิสโก้จึงเปิดเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ US Energy (TUSENGY) ความเสี่ยงระดับ 7 (เสี่ยงสูง) ลงทุนใน The Energy Select Sector SPDR (กองทุนหลัก) ที่ลงทุนในหุ้นของบริษัทในหมวดอุตสาหกรรมพลังงาน ที่อยู่ในดัชนี S&P 500 เปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) วันที่ 27 มกราคมถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 “บลจ.ทิสโก้มองว่ากองทุน TUSENGY เหมาะที่จะเป็นกองทุนสำหรับสร้างโอกาสการลงทุนและบริหารความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน เพราะผลตอบแทนกองทุนมักจะเคลื่อนไหวไปตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นลงตามภาวะเศรษฐกิจของโลก นอกจากนี้ ในระยะยาวกองทุนมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีจากความต้องการพลังงานในระดับสูงจากการเข้ามามีอิทธิพลของธุรกิจ AI ซึ่งมีความต้องการใช้พลังงานอย่างมหาศาล” นายสาห์รัชกล่าว…
XSpring AM จับจังหวะลงทุนพักเงินช่วงดอกเบี้ยขาลง แนะนำกองทุนเปิด X-PLUS ตอบโจทย์ นักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ เน้นลงทุนตราสารหนี้คุณภาพระดับ Investment Grade ชูจุดเด่นสภาพคล่องสูง ความเสี่ยงต่ำ ซื้อขายสะดวกผ่าน XSpring Mobile Application นายยศกร ฟอลเล็ต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด หรือ XSpring AM เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมการลงทุนในปีที่ผ่านมาจะต้องเผชิญกับความท้าทายมากมายทั้งการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในหลาย ๆ ประเทศ ปัญหาเชิงภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายต่าง ๆ ของประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ และนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ที่ส่งผลให้การเคลื่อนย้ายของเม็ดเงินลงทุนทั่วโลกเข้ามายังตลาดตราสารหนี้มากขึ้น ทำให้ในช่วงปีที่ผ่านมา กองทุนเปิดเอ็กซ์สปริง ตราสารหนี้พลัส (X-PLUS) สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างน่าพึงพอใจ โดยผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน (ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 2567) อยู่ที่ 1.23% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของผลตอบแทนในกลุ่มกองทุนประเภทเดียวกัน (Short Term General Bond) ที่ระดับ 0.99% และประมาณการอัตราผลตอบแทนต่อปีอยู่ที่ 2.46% ผลประกอบการดังกล่าวตอกย้ำการบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนอย่างระมัดระวัง เน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพสูง เช่น พันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้คุณภาพดี โดยเราให้ความสำคัญในการคัดเลือกตราสารลงทุนจากการวิเคราะห์ทั้งด้านปัจจัยพื้นฐาน และอัตราผลตอบแทนของตราสาร รวมถึงแนวโน้มของอุตสาหกรรมนั้น ๆ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่เหมาะสมคุ้มค่ากับความเสี่ยงมากที่สุด อย่างไรก็ตามในปี 2568 XSpring AM ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดตราสารหนี้ และมองว่าตราสารหนี้ยังเป็นทางเลือกที่ช่วยกระจายความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจโลกยังไม่มีความแน่นอน ตัวเลขทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น อัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้น ระดับเงินเฟ้อที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ที่เริ่มชะลอตัวลง อาจทำให้เกิดสภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งนั่นมีความเป็นไปได้ที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะถูกปรับลงต่อ การลงทุนในตราสารหนี้จึงตอบโจทย์ในการลดความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น XSpring AM พร้อมตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไปด้วย กองทุนเปิดเอ็กซ์สปริง พลัส (X-PLUS) เน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีและมีความน่าเชื่อถือระดับ Investment Grade (คัดเฉพาะบริษัทที่มีสถานะการเงินแข็งแกร่งให้อัตราผลตอบแทนคุ้มค่ากับความเสี่ยง) โดดเด่นด้วยสภาพคล่องที่สูง และโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไป…
บริษัท ชูเกียรติ พร็อตเพอร์ตี้ จำกัด นำโดย นายดนู เทวรัตน์มณีกุล กรรมการผู้จัดการ นำทีมงานจัดกิจกรรม “ชูเกียรติอาสา” เพื่อส่งเสริมความรู้และเสริมสร้างทักษะทางการเงินให้กับชุมชนบ้านแหลมสอม จังหวัดตรัง จำนวน 34 ราย ภายใต้โครงการ “เรื่องเงินเรื่องสนุก ความสุขยั่งยืน” ในหัวข้อ “ความรู้เรื่องหนี้” ภายในกิจกรรมได้รับการสนับสนุนจาก นายวรัตน์ หูเขียว ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านแหลมสอม เชิญชวนชาวชุมชนในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว เพื่อส่งเสริมความรู้ด้านการเงินให้กับคนในชุมชน พร้อมทั้งให้การต้อนรับทีมงานอย่างเป็นกันเอง ณ โรงเรียนบ้านแหลมสอม ตำบลแหลมสอม อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง เมื่อเร็วๆ นี้ โครงการ “เรื่องเงินเรื่องสนุก ความสุขยั่งยืน” จัดโดย สมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ (VTLA) วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความรู้ทางการเงินขั้นพื้นฐานให้กับชาวบ้านชาวชุมชนทั่วประเทศ โดยใช้หลักสูตร “ปลดหนี้ ชีวิตเป็นสุข” และ “ออมเงินง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้” ผ่านความร่วมมือของสมาชิกสมาคมฯ ซึ่งปัจจุบันสมาคมมีสมาชิกผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวนรวม 16 ราย มีสาขารวมกันทั่วประเทศกว่า 18,000 สาขา และมีฐานลูกค้ารวมกันกว่า 6 ล้านราย นอกจากนี้ทางสมาคมฯ ขอเรียนเชิญผู้ประกอบการสินเชื่อทะเบียนรถรายอื่น ๆ สมัครเป็นสมาชิกของสมาคมฯ ได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 065-919-0644 หรือเยี่ยมชมรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมาคมฯ ได้ที่ www.vtla.or.th
กรุงเทพประกันชีวิต ออกแบบประกันใหม่ผ่านช่องทางตัวแทนประกันชีวิตพร้อมกัน 2 แบบ “เพรสทีจ เซฟวิ่ง 12/6” เน้นออมระยะสั้น 6 ปี คุ้มครอง 12 ปี พร้อมการันตีเงินคืนรายปีสูงถึง 6% ตลอดสัญญา พร้อมคุ้มครองอุบัติเหตุ 300% และ เพรสทีจ ไลฟ์ 99/20 ที่ขยายระยะส่งเบี้ย 20 ปี คุ้มครอง 99 ปี ทุนประกันเริ่มต้น 5 ล้าน เน้นส่งต่อมรดกความมั่งคั่งให้คนที่รัก นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรุงเทพประกันชีวิตได้ออกแบบประกันใหม่ผ่านช่องทางตัวแทนประกันชีวิตพร้อมกัน 2 แบบ ได้แก่ เพรสทีจ เซฟวิ่ง 12/6 และ เพรสทีจ ไลฟ์ 99/20 ซึ่งทั้งสองแบบเหมาะสำหรับผู้มีรายได้สูงและมีเป้าหมายในการวางแผนการเงินเพื่อความมั่นคงในอนาคต นายโชนกล่าวว่า “เพรสทีจ เซฟวิ่ง 12/6” มีจุดเด่นที่เป็นแบบประกันที่ชำระเบี้ยระยะสั้น 6 ปี แต่ให้ความคุ้มครอง 12 ปี มีการการันตีเงินคืนปีละ 6% ตั้งแต่สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1 -11 เมื่อครบกำหนดสัญญารับผลประโยชน์รวม 620% ของทุนประกันภัย โดยรับประกันตั้งแต่แรกเกิดถึงอายุ 85 ปี ด้วยทุนประกันภัยเริ่มต้น 300,000 บาท แถมฟรีสัญญาเพิ่มเติมมอบความคุ้มครองการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ 300% ของทุนประกันภัย สูงสุดไม่เกิน 6 ล้านบาท สมัครง่ายไม่ต้องตรวจและตอบคำถามสุขภาพ สำหรับแบบประกัน เพรสทีจ ไลฟ์ 99/20 เป็นแบบประกันที่เพิ่มเติมจากแบบประกันเพรสทีจ ไลฟ์ ซีรีย์ เดิมที่มีระยะเวลาชำระเบี้ยประกัน 5 ปี 10 ปี และ 15 ปี โดยในปีนี้ได้เพิ่มทางเลือกใหม่ด้วยการขยายเวลาชำระเบี้ยประกันถึง 20…