เมืองไทยประกันชีวิต เข้าใจทุกความ “ห่วง” ชูแบบประกันภัยเพื่อวางแผนมรดก “เมืองไทย พรีเมียร์ เลกาซี่ 99/1 (แบบเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์คงที่)” และ “เมืองไทย เฟล็กซี่ โพรเทคชั่น 99/20” ตอบโจทย์การสร้างความมั่นคงเพื่อคนที่คุณรัก พร้อมเปิดตัวบริการ “MTL Legacy Consultant” มอบสิทธิพิเศษจาก ติลลิกีแอนด์กิบบินส์ (Tilleke & Gibbins) และ “ชีวามิตร” ช่วยตอบโจทย์การวางแผนการส่งต่อมรดก การออกแบบพินัยกรรมชีวิต การวางแผนการเงินที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมืองไทยประกันชีวิต ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านประกันชีวิตและสุขภาพ ที่คอยเคียงข้างดูแลในทุกช่วงของชีวิต (Trusted Lifetime Partner) พร้อมเข้าใจทุกความ “ห่วง” เพราะชีวิตไม่แน่นอน การเตรียมพร้อมเพื่อคนที่รักจึงสำคัญ ล่าสุดเมืองไทยประกันชีวิต เดินหน้าตอบโจทย์การสร้างความมั่นคงเพื่อคนที่คุณรัก เปิดตัว 2 แบบประกันภัย แบบประกันภัย เมืองไทย พรีเมียร์ เลกาซี่ 99/1 (แบบเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์คงที่) และแบบประกันภัย เมืองไทย เฟล็กซี่ โพรเทคชั่น 99/20 ช่วยเตรียมพร้อมวางแผนมรดกเพื่อส่งต่อความมั่นคงด้วยประกันชีวิต เลือกได้ตามความต้องการ ให้คุณเบาใจในวันที่ไม่อยู่ โดยแบบประกันภัย เมืองไทย พรีเมียร์ เลกาซี่ 99/1 (แบบเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์คงที่) ตอบโจทย์การสร้าง “หลักประกันก้อนใหญ่” ได้ด้วย “เงินก้อนเล็ก” หมดห่วงเรื่องการส่งต่อมรดกจากรุ่นสู่รุ่น และมั่นใจได้ว่าคนที่คุณรักจะไม่สะดุดกับปัญหาสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ ในยามที่คุณไม่อยู่ โดดเด่นด้วยเบี้ยประกันภัยที่ถูกกว่าและได้ความคุ้มครองชีวิตเท่าเดิม พร้อมรับหลักประกันก้อนโตจากความคุ้มครองชีวิต 100%* ชำระเบี้ยเพียงครั้งเดียว แต่ให้ความดูแลไปตลอดชีวิต สมัครได้ตั้งแต่อายุ 30 วัน – 80 ปี จำนวนเอาประกันภัยขั้นต่ำ 10 ล้านบาท ผลประโยชน์ที่ได้รับไม่ต้องเสียภาษี แบบประกันภัย เมืองไทย เฟล็กซี่ โพรเทคชั่น 99/20 โดดเด่นด้วยความคุ้มครองที่ครอบคลุมทั้งชีวิตและสุขภาพ…
Author: staff
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ในฐานะผู้นำด้านบริษัทประกันที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม หรือ Green Insurer ร่วมกับ มูลนิธิ ลากูน่า ภูเก็ต และศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน สานต่อนโยบายด้าน Climate Change & Biodiversity หรือ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความหลากหลายด้านชีวภาพ ในกิจกรรม “Save Our Sea ปีที่ 3” ณ อังสนา ลากูน่า จ.ภูเก็ต คุณณัฐพิสิษฐ์ ครุฑครองชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กรุงไทย – แอกซ่า ประกันชีวิต กล่าวว่า “กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต เป็นองค์กรที่มุ่งมั่น และให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในด้าน Climate Change & Biodiversity ผ่านการช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศน์ และสิ่งแวดล้อมทะเลของประเทศไทย รวมถึงเป็นแรงขับเคลื่อน ส่งเสริม และกระตุ้นการปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ และรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล นอกจากนี้ กลุ่มแอกซ่ายังยกประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้เป็น 1 ใน 5 กลยุทธ์หลักขององค์กร ในขณะที่ กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต มุ่งเน้นเรื่องดังกล่าวเป็นนโยบาย และเป็นกลยุทธ์หลักของการดำเนินงานด้านการช่วยเหลือสังคม และสิ่งแวดล้อม โดยดำเนินงานผ่านโครงการต่างๆ ซึ่งบริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในทุกๆ โครงการของเรา จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้แก่องค์กรต่างๆ และประชาชนให้เห็นความสำคัญกับการอนุรักษ์ และรักษาธรรมชาติ ผ่านการลงมือทำร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ให้สมกับคำว่า เคียงข้าง คุ้มครอง พร้อมใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อคงไว้ให้แก่ลูกหลานของเราในอนาคต” คุณบุปผาวดี โอวรารินท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาด กล่าวเสริม “โครงการ Save Our Sea ปีที่ 3 ถือเป็นโครงการระยะยาวซึ่งเป็นการร่วมมือกันของ กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ในฐานะ Green Insurer มูลนิธิ ลากูน่า ภูเก็ต และศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน…
เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ประกาศความสำเร็จด้านงานบริหารบุคลากร คว้า 12 รางวัลใหญ่จากเวที Employee Experience Awards 2025 จัดโดย Human Resources Online ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นเวทีระดับนานาชาติที่มอบรางวัลให้แก่องค์กรที่มีความโดดเด่นด้านการบริหารบุคลากร และการสร้างประสบการณ์การทำงานที่มีคุณภาพ ตอกย้ำการเป็นองค์กรที่มีความโดดเด่นที่สุดในการสร้างความผูกพันของพนักงาน ครอบคลุมทั้งด้านสุขภาวะ การมีส่วนร่วม และวัฒนธรรมองค์กรที่ยั่งยืน นางสาวสายฝน คงจิตต์งาม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและสนับสนุนองค์กร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ กล่าวว่า “เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ เป็นองค์กรประกันระดับสากลที่มุ่งมั่นให้ความสำคัญกับการส่งเสริมศักยภาพของบุคลากรในทุกมิติ ภายใต้แนวคิด People Empowerment ซึ่งเป็นหนึ่งในสามเสาหลักการบริหารบุคลากรของเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ที่ยึดปฏิบัติ รวมถึงการสนับสนุนความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม (DEI) อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้คุณค่ากับความแตกต่างของแต่ละบุคคล รวมถึงการปรับนโยบายด้านสวัสดิการให้สอดรับกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ด้วยการมอบสิทธิประโยชน์ที่เหมาะสมกับพนักงานทุกเพศทุกวัย เช่น สิทธิลาเพิ่มในเดือนเกิด, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, สิทธิลาเพื่อเข้าพิธีสมรส, สิทธิลากิจเพื่อดูแลคู่ชีวิตในกรณีเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล, และสิทธิในการซื้อประกันสุขภาพกลุ่มให้แก่คู่ชีวิต นอกจากนี้ เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ยังได้ส่งเสริมการพัฒนาทักษะและความรู้ (Upskill & Reskill) ของพนักงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และในปีที่ผ่านมาได้นำแนวคิด Hybrid Work Model มาปรับใช้ให้สอดคล้องกับรูปแบบการทำงานในยุคปัจจุบัน ตลอดจนปรับปรุงพื้นที่การทำงานที่สำนักงาน เพื่อสร้างบรรยากาศการทำงานที่เอื้อต่อความสุขและประสิทธิภาพของพนักงาน ส่งผลให้ เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ เป็นองค์กรที่คนรุ่นใหม่ต้องการมาร่วมงานด้วยเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย โดยมีรางวัลด้านการบริหารบุคลากรเป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพในการบริหารจัดการบุคลากรและสภาพแวดล้อมในการทำงานได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับปีนี้ เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ได้รับ 12 รางวัลใหญ่ จากเวที Employee Experience Awards 2025 แบ่งออกเป็น 4 หมวดหมู่หลัก ได้แก่ รางวัลระดับสูงสุด Overall Engagement Award รางวัลอันทรงเกียรติที่มอบให้แก่องค์กรที่สามารถสร้างความผูกพันกับพนักงานได้อย่างรอบด้านและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในปีนี้ สะท้อนถึงความสามารถในการหล่อหลอมวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้าง มีส่วนร่วม และขับเคลื่อนไปด้วยกันอย่างมีพลัง รางวัลระดับ GOLD ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่เป็นเลิศในสถานที่ทำงาน…
กสิกรไทยร่วมมือกับไทยแอร์เอเชีย ทำสัญญาบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจกเป็นครั้งแรกของธุรกิจสายการบินในประเทศไทย โดยอ้างอิงโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (Low Emission Support Scheme : LESS) ที่ได้รับใบประกาศเกียรติคุณจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นกลไกที่จะช่วยให้เกิดการมุ่งสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ โดยธนาคารจะมอบอัตราแลกเปลี่ยนพิเศษให้กับบริษัทหลังจากได้รับใบประกาศเกียรติคุณของโครงการ LESS ตามช่วงเวลาที่กำหนด ซึ่งความร่วมมือนี้ตอกย้ำบทบาทของเครือข่ายธุรกิจเพื่อการจัดการสภาพภูมิอากาศประเทศไทย (Thailand Climate Business Network: ThaiCBN) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างธนาคารกสิกรไทย และบริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด ร่วมกับองค์กรชั้นนำระดับประเทศและนานาชาติอีก 23 แห่ง เพื่อเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ไปด้วยกัน นายไพรัชล์ พรพัฒนนางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด กล่าวว่า บริษัทมุ่งมั่นในการใช้มาตรฐานความยั่งยืนธุรกิจ หรือ ESG สร้างการเติบโตควบคู่การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะนโยบายลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สู่การเป็นองค์กร Net Zero จึงตั้งเป้าหมายในนโยบายการจัดการสิ่งแวดล้อม ให้มีความเข้มข้นต่อเนื่องขึ้นในทุกปีเพื่อไปสู่เป้าหมายดังกล่าว โดยบริษัทดำเนินการโครงการต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งใบประกาศเกียรติคุณจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เป็นสิ่งช่วยยืนยันว่ากิจกรรมที่แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมผ่านการดำเนินกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจกของบริษัทเป็นที่ยอมรับ จึงเป็นที่มาในการเชื่อมโยงประกาศเกียรติคุณของโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจกเข้ากับการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนกับธนาคารกสิกรไทย ซึ่งทำให้ไทยแอร์เอเชียเป็นสายการบินแรกในประเทศไทยที่ใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และยังสามารถดำเนินการตามเป้าหมายในนโยบายการจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อพัฒนานวัตกรรมตลาดเงินรวมถึงยังตอกย้ำบทบาทของเครือข่ายธุรกิจเพื่อการจัดการสภาพภูมิอากาศประเทศไทยที่มีเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในอนาคตอีกด้วย นายทิพากร สายพัฒนา รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยมีความยินดีในการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงใบประกาศเกียรติคุณของโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจกกับแอร์เอเชีย โดยธนาคารจะมอบอัตราแลกเปลี่ยนพิเศษให้กับบริษัทหลังจากได้รับใบประกาศเกียรติคุณของโครงการ LESS ตามช่วงเวลาที่กำหนด ซึ่งแอร์เอเชียเป็น 1 ในองค์กรที่ร่วมกับธนาคารกสิกรไทยในการจัดตั้งเครือข่ายธุรกิจเพื่อการจัดการสภาพภูมิอากาศประเทศไทย (ThaiCBN) โดยเชื่อมั่นว่าธุรกรรมนี้จะมีส่วนในการสร้างแรงจูงใจให้การดำเนินธุรกิจของไทยแอร์เอเชีย บรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ซึ่งเป็นธุรกรรมที่ตอบโจทย์การดำเนินงานของธนาคารบนหลักการเป็นธนาคารแห่งความยั่งยืน ที่พร้อมจะสนับสนุนลูกค้าด้วยการเป็นผู้บุกเบิกการเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่ดี นับเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตธรรมทางการเงินในฐานะผู้นำด้านธุรกิจตลาดเงินและตลาดทุนชั้นนำของประเทศ
เอไอเอ ประเทศไทย เดินหน้านโยบายด้านความยั่งยืน (ESG) สนับสนุนกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุกลุ่มแก่จิตอาสาจำนวน 1,500 คนใน “โครงการหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ครั้งที่ 10” เพื่อคลายความกังวล และมอบความอุ่นใจระหว่างปฏิบัติหน้าที่จิตอาสานอกพื้นที่ภูมิลำเนา ตลอดจนเดินทางกลับภูมิลำเนาอย่างปลอดภัย โดยมีนายสุวิรัช พงศ์เสาวภาคย์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการภายนอก เอไอเอ ประเทศไทย รับมอบประกาศนียบัตรในฐานะผู้สนับสนุนโครงการฯ จาก นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขในนามกระทรวงสาธารณสุขและแพทยสภา โดยความคุ้มครองที่กลุ่มจิตอาสาได้รับนั้นมีวงเงินคุ้มครองชีวิตสูงถึง 200,000 บาทต่อกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ พร้อมรับผลประโยชน์ค่าชดเชยรายได้ระหว่างการเข้ารักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน กรณีได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ทั้งนี้ภายในงานได้รับเกียรติจาก พล.อ.อ.นพ.อิทธพร คณะเจริญ (ที่ 2 จากขวา) เลขาธิการมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ พร้อมด้วย นพ.อิทธิพล จรัสโอฬาร (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช และนายบุญชัย โต๊ะสุวรรณวณิช (ซ้ายสุด) ผู้อำนวยการภาคระดับสูงหน่วย ภาคนำทอง 273 เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมงานด้วย โดยการสนับสนุนดังกล่าวถือเป็นการตอกย้ำพันธกิจ AIA One Billion ที่เอไอเอมุ่งมั่นอย่างยิ่งในการสนับสนุนให้ผู้คนกว่าพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’ ณ โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช จังหวัดสุพรรณบุรี
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองเศรษฐกิจไทยยังคงเติบโตที่ 1.4% แม้ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะถดถอยทางเทคนิคจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ทั้งภาคการส่งออก การแข่งขันในประเทศกับสินค้านำเข้า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง ยอดขายรถยนต์ที่หดตัว ยอดสินเชื่อที่ชะลอลง และความกังวลปัญหาหนี้เสีย อย่างไรก็ตาม หากอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ในหลายประเทศยังคงไว้ที่ระดับ 10% ตลอดทั้งปี คาดว่าการส่งออกของไทยจะขยายตัวได้ที่ 0.5% และเศรษฐกิจไทยจะมีแนวโน้มเติบโตได้ 1.8% นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ความไม่แน่นอนของนโยบายด้านภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีทรัมป์ส่งผลกระทบต่อภาคการค้า การลงทุนและเศรษฐกิจทั่วโลก โดยล่าสุด OECD ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2568 ลง 0.2 % มาอยู่ที่ 2.9% และปรับประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐฯ ลง 0.6% เหลือ 1.6% เมื่อเทียบกับการคาดการณ์เมื่อเดือนมีนาคม 2568 ซึ่งความไม่แน่นอนของนโยบายของสหรัฐฯ ทั้งด้านการค้า การเงิน การคลัง การศึกษา และการเมืองภายในประเทศ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อค่าเงิน เสถียรภาพและศักยภาพของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงกว่า 8% นับตั้งแต่ประธานาธิบดีทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ด้านธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังคงต้องดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวัง ท่ามกลางความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่อาจเร่งตัวขึ้นจากการปรับขึ้นภาษีศุลกากร และความเสี่ยงที่เศรษฐกิจอาจชะลอตัว ถึงแม้ว่าจะเผชิญแรงกดดันให้ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง นางสาวณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า มาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ หลังการชะลอสิ้นสุดลงในวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ยังมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองเศรษฐกิจไทยยังคงเติบโตที่ 1.4% และเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะถดถอยทางเทคนิค อย่างไรก็ตาม หากอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ในหลายประเทศยังคงไว้ที่ระดับ 10% ตลอดทั้งปี คาดว่าการส่งออกไทยจะขยายตัวได้ที่ 0.5% และเศรษฐกิจไทยจะมีแนวโน้มเติบโตได้ 1.8% นางสาวเกวลิน หวังพิชญสุข รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย…
พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ชวนคนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพและใช้ชีวิตอย่างสมดุล ตอบรับเมกะเทรนด์ ‘Longevity’ หรือ การมีชีวิตยืนยาวแบบคุณภาพ ผ่านแคมเปญ “STEP UP, START NOW: สุขภาพดีกว่าเดิม แค่เริ่มไปด้วยกัน”ล่าสุดเดินหน้าสนับสนุนงานวิ่งมาตรฐานโลก “พรูเด็นเชียลซีนิคฮาล์ฟมาราธอนจันทบุรี 2025” หนึ่งในสนามวิ่งที่สวยและได้รับความนิยมมากที่สุดในไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 นอกจากนั้น ปีนี้ยังมีความพิเศษกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปี พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ที่ยืนข้างคนไทยมาอย่างมั่นคงและยังคงเดินหน้าส่งเสริมให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อชีวิตที่แข็งแรงและมีคุณภาพในระยะยาว นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พรูเด็นเชียล ประเทศไทย กล่าวว่า “ในปีนี้ถือว่ามีความพิเศษอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นปีแห่งการฉลองครบรอบ 30 ปี การดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เรายังคงมุ่งมั่นดูแลและพร้อมสร้างหลักประกันที่มั่นคงและมั่งคั่งให้กับคนไทยในทุกช่วงวัย ทั้งด้านสุขภาพและการใช้ชีวิต ตามเจตนารมณ์ “ชีวิตมีกัน … ทุกวันดีกว่า” ผมเชื่อว่าการเริ่มต้นดูแลสุขภาพตั้งแต่วันนี้ ไม่เพียงช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงทางร่างกาย แต่ยังสอดคล้องกับแนวคิด Longevity ที่เน้นการใช้ชีวิตอย่างสมดุลทั้งกายและใจ ซึ่งเป็นรากฐานของความมั่งคั่งที่แท้จริง แนวคิดนี้สะท้อนอย่างชัดเจนผ่านแคมเปญ “STEP UP, START NOW: สุขภาพดีกว่าเดิม แค่เริ่มไปด้วยกัน” ซึ่ง พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ริเริ่มขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้วเพื่อกระตุ้นให้คนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพ โดยตอกย้ำว่า การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน เริ่มต้นได้จากก้าวเล็กๆ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การเลือกกินอาหารที่ดี หรือการดูแลสุขภาพจิตใจ” รายงานจาก World Economic Forum เมื่อเดือนมีนาคม 2025 ระบุว่า เทรนด์ Longevity : การมีชีวิตยืนยาวอย่างมีคุณภาพ กำลังเปลี่ยนโฉมประชากรโลกอย่างมีนัยสำคัญ ผู้คนทั่วโลกโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ต่างหันมาใส่ใจและให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตอย่างสมดุล การมีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรงและมีสุขภาวะที่ดีในระยะยาว การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเพราะโลกกำลังเข้าสู่ยุคสังคมผู้สูงวัย โดยคาดว่าในปี 2080จะมีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป มากกว่าจำนวนเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ทำให้ทุกประเทศต้องเร่งปรับโครงสร้างด้านเศรษฐกิจ สวัสดิการ และสุขภาวะเพื่อรองรับการใช้ชีวิตที่ยืนยาวมากขึ้น เทรนด์ Longevity ระดับโลกยังสอดคล้องกับในประเทศไทยเช่นกัน ข้อมูลการสำรวจล่าสุดพบว่ากว่า 20% ของคนไทยให้ความสำคัญกับการออกกำลังกาย โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่าง Gen…
ธ.ก.ส. จับมือ บช.สอท. เดินหน้าเสริมแกร่งความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับประชาชนทั่วประเทศ เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ “บริการแจ้งเตือนภัยมิจฉาชีพ” บน LINE Official BAAC Family โดยสามารถเช็ก – แจ้ง – เตือนภัยมิจฉาชีพได้สะดวกทุกที่ ทุกเวลา ผ่าน LINE Official BAAC Family โดยไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนการสร้างภูมิคุ้มกันด้วยการสนับสนุนความรู้ภัยไซเบอร์ให้กับประชาชนในวงกว้าง นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ภัยไซเบอร์ในปัจจุบันที่มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นและมีรูปแบบที่หลากหลาย อาทิ การหลอกให้โอนเงินล่วงหน้า การหลอกขายสินค้าออนไลน์ เว็บไซต์ปลอมแอบอ้างหน่วยงานรัฐ รวมถึง SMS และ LINE ปลอมแฝงลิงก์มัลแวร์ อันส่งผลกระทบให้ประชาชนได้รับความเสียหายทางทรัพย์สินและชื่อเสียง ธ.ก.ส. จึงร่วมมือกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เปิดตัว “บริการแจ้งเตือนภัยมิจฉาชีพ” ฟีเจอร์ใหม่บน LINE Official “BAAC Family” ซึ่งเป็นหนึ่งในช่องทางการสื่อสารดิจิทัลหลักของธนาคาร ปัจจุบันที่มีผู้ติดตามกว่า 14 ล้านราย เพื่ออำนวยความสะดวกและยกระดับความปลอดภัยให้ประชาชนได้เข้าถึงเครื่องมือในการเช็ก – แจ้ง – เตือนภัยมิจฉาชีพได้สะดวกทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ บัญชีม้าหรือบัญชีปลอม ต้องสงสัย เว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัยและอันตราย รวมไปถึงการแจ้งเบาะแสอาชญากรรมให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียลไทม์ แบบ “All in one place” ครบจบในแชตเดียว ซึ่งฟีเจอร์ดังกล่าวถือเป็นก้าวแรกของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐในการยกระดับบริการในแพลตฟอร์มดิจิทัลให้เป็นมากกว่าการสื่อสารข้อมูลข่าวสารผลิตภัณฑ์และบริการ โดยความร่วมมือกับ บช.สอท. ในครั้งนี้ จึงเป็นการพัฒนาบริการที่ ‘ปลอดภัย ใช้ง่าย และเข้าถึงได้จริง’ ที่มีการบูรณาการข้อมูลและเทคโนโลยี เพื่อรับมือกับปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ และยังเป็นต้นแบบของการผนึกกำลังระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เพื่อสร้าง ‘ภูมิคุ้มกันทางดิจิทัล’ ด้วยการวางรากฐานระบบ Early Warning ที่จะช่วยให้คนไทยมีความมั่นใจในการใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัยและรู้เท่าทันภัยไซเบอร์ ซึ่ง ธ.ก.ส. และ บช.สอท. พร้อมเดินหน้าสร้างภูมิคุ้มกันความรู้ด้านภัยไซเบอร์ในวงกว้าง ในการเดินหน้าพัฒนาและยกระดับช่องทางการสื่อสารดิจิทัลต่าง ๆ ของธนาคารไปสู่การเป็นแพลตฟอร์ม ‘Digital Life…
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) นำโดยนายสุวิทย์ อินทรเฉลิม เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Vice President ฝ่ายการประชาสัมพันธ์ แพทย์หญิงศรีเพชร กาญจนกีรณา และ นางระพีพร จันทร์คุ้ม เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Assistant Vice President บริการสุขภาพ นางสาวศรีสอางค์ เจริญวัย เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Assistant Vice President ผู้จัดการสาขาถนนท่าแฉลบ จันทบุรี พร้อมด้วยทีมแพทย์ เภสัชกร พยาบาล คณะผู้บริหารและพนักงานธนาคาร ร่วมลงพื้นที่เป็นอาสาสมัคร พร้อมมอบเงินสนับสนุนจำนวน 100,000 บาท รถเข็นวีลแชร์ จำนวน 15 คัน แว่นสายตายาว จำนวน 638 อัน และน้ำดื่มจำนวน 500 ขวด สนับสนุนการจัดกิจกรรมออกหน่วยแพทย์และทันตแพทย์เคลื่อนที่ ครั้งที่ 76 (ครั้งที่ 2 ของปี 2568) ของมูลนิธิหน่วยแพทย์และทันตแพทย์เคลื่อนที่ (มพท.) โดยมี ทันตแพทย์ริม เกษสาคร ประธานมูลนิธิหน่วยแพทย์และทันตแพทย์เคลื่อนที่ เป็นผู้รับมอบ ณ วัดคลองใหญ่ ตำบลคลองใหญ่ อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ซึ่งเป็นพื้นที่ติดชายแดน มีประชากรจำนวนมากอาศัยอยู่ และมีข้อจำกัดการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ โดยในครั้งนี้มีประชาชนในพื้นที่เข้ารับบริการทางการแพทย์ครอบคลุมการตรวจรักษาโรคทางอายุรกรรม โรคผิวหนัง โรคหู คอ จมูก โรคตา โรคเด็ก นวดกดจุด ฝังเข็ม รวมถึงบริการทางทันตกรรม โดยไม่เสียค่ารักษาหรือบริการใดๆ รวม 1,406 ราย โอกาสนี้นายดำรงค์ศักดิ์ ยอดทองดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมฯ ธนาคารกรุงเทพ ร่วมสนับสนุนกิจกรรมออกหน่วยแพทย์และทันตแพทย์เคลื่อนที่ ของมูลนิธิหน่วยแพทย์และทันตแพทย์เคลื่อนที่ (มทพ.) มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2554 สำหรับกิจกรรม ประจำปี 2568 นี้ ธนาคารได้ร่วมให้การสนับสนุนมูลนิธิหน่วยแพทย์และทันตแพทย์เคลื่อนที่ เป็นเงินรวมจำนวน 400,000…
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTAM) ตอกย้ำความสำเร็จในระดับสากลอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้รับ 2 รางวัลชนะเลิศระดับเอเชียจาก AsianInvestor Asset Management Awards 2025 ซึ่งเป็นสื่อชั้นนำที่มีชื่อเสียงในภูมิภาคเอเชีย ให้บริการข้อมูลข่าวสารด้านการเงิน การลงทุน ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของ Haymarket Media Limited ซึ่งเป็นกลุ่มสื่อเอกชนรายใหญ่ของสหราชอาณาจักร โดยทั้ง 2 รางวัล ประกอบด้วย รางวัล MARKET AWARDS | Thailand และรางวัล MARQUEE AWARDS | Asia Fund House of the Year – Domestic โดยทั้ง 2 รางวัลแสดงถึงผลงานที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่องโดยมีปัจจัยสำคัญจากการเติบโตทางธุรกิจ ความคิดสร้างสรรค์ที่มุ่งเน้นผู้ลงทุนเป็นสำคัญ โดยพยายามเฟ้นหาโอกาสการลงทุนจากผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุน และเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังแสดงถึงความสามารถในการขยายฐานลูกค้าผ่านการนำเสนอที่ตรงความต้องการ รวมถึงนวัตกรรมดิจิทัลผ่านการให้บริการบนแอปพลิเคชัน KTAM Smart Trade นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญแก่นักลงทุนโดยเน้นการให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนผ่านแพลตฟอร์มที่หลากหลายของบริษัทเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของนักลงทุนได้อย่างกว้างขวาง โดยจะทำการนำเสนอข้อมูลอย่างต่อเนื่องและทันท่วงที เพื่อประโยชน์ต่อการลงทุนของนักลงทุน ซึ่งสิ่งเหล่านี้นับเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทโดดเด่นในฐานะบริษัทจัดการที่แข็งแกร่งรายหนึ่งในเอเชีย ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต / ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุ