นายพงศ์พันธ์ ประภาศิริลักษณ์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนบริษัทฯ เข้าร่วมพิธี “วันโลกรำลึกถึงผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน” (World Day of Remembrance for Road Traffic Victims) ซึ่งมูลนิธิเมาไม่ขับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุภาครัฐ ได้ร่วมจัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหยื่อผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ รวมถึงครอบครัวของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุทางถนน และเพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้น ด้วยการร่วมยืนไว้อาลัย และการวางดอกกุหลาบต่อหน้ารูปเหยื่อผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ณ อาคารสำนักงานองค์การสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย ถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ให้การสนับสนุนกิจกรรมวันโลกรำลึกถึงผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน (World Day of Remembrance for Road Traffic Victims) มาอย่างต่อเนื่องทุกปี ด้วยตระหนักถึงปัญหาอุบัติเหตุทางถนน ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาวะของประชาชนทั้งร่างกายและจิตใจ ตั้งแต่ระดับบาดเจ็บเล็กน้อย พิการ ไปจนถึงเสียชีวิต โดยในประเทศไทย มีจำนวนผู้เสียชีวิตบนท้องถนนสูงสุดเป็นอันดับที่ 9 ของโลก และอันดับที่ 1 ของทวีปเอเชีย ทั้งยังเกิดความเสียหายทางด้านทรัพย์สินอีกกว่า 5 แสนล้านบาทต่อปี วิริยะประกันภัย จึงร่วมสนับสนุนกิจกรรมดังกล่าว เพื่อสานต่อเจตนารมย์ขององค์การสหประชาชาติ (UN) และมูลนิธิเมาไม่ขับ ในการสร้างพื้นฐานความตระหนักรู้ให้กับประชาชนในสังคม เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนที่ยั่งยืนต่อไป ขอขอบพระคุณที่กรุณาเผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ แผนกประชาสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร โทร. 0-21297416 (คุณนุ้ย) , 0-21297436 (คุณวาวา)
Author: staff
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง เปิดเสนอขายกองทุนเปิดอีสท์สปริง พันธบัตรรัฐมุ่งรักษาเงินต้น 6M30 (ES-GOVCP6M30) อายุประมาณ 6 เดือน เงินทุนโครงการ 6,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มุ่งรักษาเงินต้นที่ผู้ลงทุนจะมีโอกาสได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวน และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนเพิ่มจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าหน่วยลงทุน ณ วันครบอายุโครงการ โดยเสนอขายครั้งแรกครั้งเดียวตั้งแต่วันนี้-12 ธันวาคม 2567 นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท โดยกองทุน ES-GOVCP6M30 มีนโยบายที่จะนำเงินลงทุนไปลงทุนในตั๋วเงินคลัง และ/หรือพันธบัตรรัฐบาล และ/หรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ในอัตราส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน สำหรับเงินลงทุนส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝากธนาคาร และ/หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้ และกองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนเพียงครั้งเดียวและถือครองทรัพย์สินที่ลงทุนจนครบอายุโครงการ (Buy and Hold) โดยคาดหวังจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.08% ต่อปี ณ วันครบอายุโครงการ ซึ่งเมื่อหักค่าใช้จ่ายประมาณ 0.18% ต่อปี ณ วันครบอายุโครงการ แล้ว ผู้ลงทุนจะได้รับประมาณการผลตอบแทนอยู่ที่1.90% ต่อปีของเงินลงทุนเริ่มแรก (แหล่งที่มาของข้อมูล อัตราผลตอบแทนที่เสนอขายโดยผู้ออกตราสาร ณ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2567) ทั้งนี้ เมื่อครบกำหนดอายุกองทุน บลจ.อีสท์สปริง จะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบอัตโนมัติ และทำการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของกองทุนทั้งจำนวนของผู้ถือหน่วยทุกราย ไปยังกองทุนเปิดอีสท์สปริง ธนรัฐ (ES-TM) หรือกองทุนรวมตลาดเงินอื่นที่บลจ.อีสท์สปริง เปิดให้บริการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน ในวันทำการก่อนวันสิ้นสุดอายุโครงการ อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ผู้ลงทุนจะไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ในช่วงระยะเวลา 6 เดือนดังนั้น หากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก กองทุนอาจไม่ได้รับเงินต้นและผลตอบแทนตามที่คาดหวังไว้ หากผู้ออกตราสารที่กองทุนลงทุนไม่สามารถชำระเงินต้นและดอกเบี้ยคืนได้ บริษัทจัดการขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินที่ลงทุนหรือสัดส่วนการลงทุนได้ เฉพาะเมื่อมีความจำเป็นและสมควรเพื่อประโยชน์ของผู้ลงทุนเป็นสำคัญ โดยการเปลี่ยนแปลงนั้นต้องไม่ทำให้ความเสี่ยงของทรัพย์สินที่ลงทุนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ และผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน และกองทุนมีความเสี่ยงที่สำคัญ เช่น ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย ความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่องของตราสาร และความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์…
ธนชาตประกันภัย ร่วมสนับสนุนกิจกรรมวิ่งเพื่อพ่อ “LOVE DAD NIGHT FUN RUN” จัดโดย เดอะมอลล์ กรุ๊ป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ 5 ธันวาคม และวันพ่อแห่งชาติ ประจำปี 2567 พร้อมมอบความอุ่นใจด้วยประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล คุ้มครองสูงสุด 100,000 บาท นาน 30 วัน ให้กับนักวิ่งกว่า 1,000 คน อีกทั้งยังได้นำผู้บริหารและพนักงาน ร่วมกิจกรรมวิ่งสร้างสุขภาพที่ดี และออกบูทแจกไอศกรีม เสริมสร้างพลังงาน เพิ่มความสุขความสดชื่นให้กับผู้ที่รักการออกกำลังกาย ณ อุทยานเบญจสิริ กรุงเทพมหานคร นางวิชินี โอรพันธ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในฐานะภาคีเครือข่ายภาคเอกชนที่เข้าร่วมในการจัดกิจกรรมวิ่งเพื่อพ่อ “LOVE DAD NIGHT FUN RUN” ภายในอุทยานเบญจสิริ ถนนสุขุมวิท กรุงเทพมหานคร เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาสุดมิได้ แด่พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 5 ธันวาคม และวันพ่อแห่งชาติ โดยธนชาตประกันภัยได้ส่งมอบความอุ่นใจให้กับนักวิ่งที่เข้าร่วมกิจกรรม ด้วยการมอบประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล คุ้มครองสูงสุด 100,000 บาท นาน 30 วัน และออกบูทมอบไอศกรีม เสริมสร้างพลังงาน เพิ่มความสุขความสดชื่นในกิจกรรมดังกล่าว นอกจากนี้ ผู้บริหารและพนักงานของธนชาตประกันภัย ยังได้เข้าร่วมสร้างสุขภาพที่ดี โดยวิ่งไปพร้อมกับประชาชนชนมากกว่า 1,000 คน ในกิจกรรมวิ่งเพื่อพ่อ ที่จัดในรูปแบบ NIGHT FUN RUN ท่ามกลางบรรยากาศและสีสันยามค่ำคืน ภายในอุทยานเบญจสิริ หนึ่งในแลนด์มาร์คการท่องเที่ยวที่สำคัญของกรุงเทพฯ ที่สร้างความคึกคักและกระตุ้นบรรยากาศการท่องเที่ยวในเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ในโครงการ “คัลเลอร์ฟูล แบงค็อก” ของกรุงเทพมหานครอีกด้วย” ติดตามความเคลื่อนไหวจากธนชาตประกันภัย เพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊กธนชาตประกันภัย : Thanachartinsurance – TNI และ Line Official Account “ธนชาตประกันภัย”…/
เดอะวิสดอมกสิกรไทย จัดงานสัมมนาใหญ่ด้านการเงิน “Wealth Forum Thailand 2025” ในหัวข้อ “The New Frontiers of Investment Opportunity” ผ่านมุมมองของผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ การเงินและการลงทุน นำโดย K Wealth ร่วมด้วยพันธมิตรระดับโลก J.P. Morgan Asset Management และ Lombard Odier ระบุเศรษฐกิจโลก ปี 2025 เตรียมรับแรงกระแทกจากนโยบายยุคทรัมป์ 2.0 โดยเฉพาะมาตรการกำแพงภาษีที่พุ่งเป้าที่จีน มหาอำนาจเศรษฐกิจโลก สัญญาณสงครามการค้าขยายแนวรบ แนะกระจายความเสี่ยง ขยายพอร์ตลงทุนให้น้ำหนักหุ้นโลก โดยเฉพาะหุ้นสหรัฐฯ และหุ้นญี่ปุ่น ที่มีสัญญาณที่ดี พร้อมเสริมแกร่งด้วยกองทุนตราสารหนี้ ดร. พิพัฒน์พงศ์ โปษยานนท์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า “ หลังจากพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม 2025 คาดว่าจะเห็นนโยบายเร่งด่วนใน 100 วันแรก ของโดนัล ทรัมป์ เช่น นโยบายการลดเงินสนับสนุนทางทหารกับชาติพันธมิตร นโยบายกีดกันผู้อพยพเข้าเมือง นโยบายด้านพลังงาน รวมถึงการลดภาษี ซึ่งโดยรวมแล้วจะสร้างแรงกดดันเงินเฟ้อให้กับเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากต้นทุนการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น ค่าจ้างแรงงานที่สูงขึ้น รวมถึงการขาดดุลการคลังที่สูงขึ้น ซึ่งแนวโน้มเงินเฟ้อที่สูงขึ้น จะทำให้ภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะดีขึ้นตามนโยบายของทรัมป์ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ “สงครามการค้าจะสร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจในฝั่งเอเชียรวมถึงไทยอย่างมากจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ การตอบโต้ทางการค้าไปมา การปรับเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทานโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบทางลบจากโอกาสทางการค้าที่หายไป นอกจากนี้ การปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนอีก 60% จะส่งผลกระทบทางอ้อมให้ประเทศต่างๆ ต้องเผชิญการไหลบ่าเข้ามาของสินค้านำเข้าจากจีนที่ได้เปรียบด้านราคา ซึ่งจะส่งผลกระทบอีกต่อหนึ่งต่อภาคการผลิตในแต่ละประเทศ” สำหรับเศรษฐกิจไทย นอกจากจะเผชิญความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกแล้ว สงครามการค้าจะเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า จากการที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับไทยเป็นอันดับที่ 12 ของคู่ค่าทั้งหมดของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อสินค้าส่งออกไทยที่จะเจอภาษีสินค้านำเข้าไปยังสหรัฐฯ ที่สูงขึ้น หรือไทยอาจจะต้องเปิดตลาดนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มากขึ้น ซึ่งโดยรวมแล้วเป็นปัจจัยลบต่อทิศทางดุลการค้าของไทยในระยะข้างหน้าให้เกินดุลได้ลดลง นโยบายยุค “ทรัมป์ 2.0” กระทบเศรษฐกิจ การค้าโลก และเงินเฟ้อ มุมมองจาก Ms. Jin Yuejue Managing Director, Asia Head…
Nippon Life Insurance หรือ Nissay บริษัทประกันชีวิตรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการเจรจาซื้อหุ้นของ Resolution Life Group Holdings บริษัทประกันชีวิตของสหรัฐฯ สำนักข่าวรอยเตอร์ประเมินว่ามูลค่าน่าจะตกประมาณ 8.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หากเป็นไปตามที่ประเมินไว้ การเข้าซื้อกิจการครั้งจะเป็นครั้งใหญ่ที่สุดสำหรับบริษัทประกันภัยของญี่ปุ่น Nikkei รายงานว่า Nippon Life จะซื้อหุ้นที่ยังไม่ได้เป็นเจ้าของใน Resolution Life จาก Blackstone และจากผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ เพื่อให้บริษัทนี้กลายเป็นบริษัทย่อยที่ Nippon Life ถือหุ้นทั้งหมดในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 และจะชำระค่าซื้อกิจการด้วยเงินสดในมือ ข้อตกลงดังกล่าวเป็นตัวอย่างล่าสุดของบริษัทประกันภัยรายใหญ่ของญี่ปุ่นที่ขยายตลาดไปยังต่างประเทศเพื่อค้นหาการซื้อกิจการในตลาดที่เติบโตเร็วกว่า เนื่องจากมีโอกาสจำกัดในการขยายธุรกิจในประเทศ ซึ่งจำนวนประชากรเกิดใหม่ลดลงและขณะที่จำนวนประชากรสูงอายุมากขึ้น Resolution Life ซึ่งตั้งอยู่ในเบอร์มิวดายืนยันว่ากำลังเจรจาเกี่ยวกับการซื้อกิจการ แต่เสริมว่าสิ่งเหล่านี้ยังไม่ได้ข้อสรุป และไม่มีความแน่นอนว่าธุรกรรมจะดำเนินการได้ โฆษกของ Nippon Life กล่าวว่าบริษัทกำลังเจรจากับ Resolution Life แต่เสริมว่าไม่สามารถเปิดเผยว่าการสนทนาเกี่ยวกับอะไร ทางด้าน Blackstone ก็ยังปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นในรายงานของ Nikkei Resolution Life เป็น closed-book insurer ที่ซื้อกรมธรรม์ประกันภัยที่มีอยู่จากบริษัทประกันในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ Nippon Life ได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 23% มาตั้งแต่ปี 2562 โดยใช้เงินไปแล้วทั้งสิ้น 1.68 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การซื้อกิจการดังกล่าวถือเป็นการลงทุนในต่างประเทศครั้งใหญ่ครั้งที่สองของ Nippon Life ในปีนี้ หลังจากที่บริษัทได้ซื้อหุ้น 20% ในบริษัทประกันภัย Corebridge Financial ของสหรัฐฯ มูลค่า 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนพฤษภาคม
บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) โดย นายมิ่งขวัญ ประเสริฐศิวพร ผู้ช่วยผู้จัดการงานส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการเงิน และ นายปรเมษ บุญเศรษฐ ผู้เชี่ยวชาญการฝึกอบรมงานส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการเงิน นำทีมงานจัดกิจกรรม “นำความรู้สู่ชุมชน เพื่อชีวิตหมุนต่อได้” เพื่อส่งเสริมความรู้ทางการเงินให้กับชาวชุมชนบ่อฝรั่งริมน้ำ จำนวนกว่า 40 คน ภายใต้โครงการ “เรื่องเงินเรื่องสนุก ความสุขยั่งยืน” โดยใช้หลักสูตร “ปลดหนี้ ชีวิตเป็นสุข” นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจาก นายมานะ เพ็งคาสุคันโธ ประธานชุมชนบ่อฝรั่งริมน้ำ เชิญชวนชาวชุมชนในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว เพื่อส่งเสริมความรู้ด้านการเงินให้กับคนในชุมชนของตนเอง พร้อมทั้งให้การต้อนรับทีมงานอย่างเป็นกันเอง ณ ชุมชนบ้านบ่อฝรั่งริมน้ำ เขตจตุจักร กทม. เมื่อเร็วๆ นี้ โครงการ “เรื่องเงินเรื่องสนุก ความสุขยั่งยืน” จัดโดย สมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ (VTLA) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความรู้ทางการเงินขั้นพื้นฐานให้กับชาวบ้านชาวชุมชนทั่วประเทศ โดยใช้หลักสูตร “ปลดหนี้ ชีวิตเป็นสุข” และ “ออมเงินง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้” ผ่านความร่วมมือของสมาชิกสมาคมฯ ซึ่งปัจจุบันสมาคมมีสมาชิกผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวนรวม 16 ราย มีสาขารวมกันทั่วประเทศกว่า 18,000 สาขา และมีฐานลูกค้ารวมกันกว่า 6 ล้านราย นอกจากนี้ทางสมาคมฯ ขอเรียนเชิญผู้ประกอบการสินเชื่อทะเบียนรถรายอื่น ๆ สมัครเป็นสมาชิกของสมาคมฯ ได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 065-919-0644 หรือเยี่ยมชมรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมาคมฯ ได้ที่ www.vtla.or.th
Generali บริษัทประกันภัยระดับโลกได้บรรลุข้อตกลงในการขายหุ้น 100% ใน Generali Life Assurance Philippines ให้กับ The Insular Life Assurance Company ซึ่ง Generali ได้ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ธุรกรรมดังกล่าวสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของ Generali ที่จะขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน ปรับปรุงโปรไฟล์รายได้ และปรับปรุงฐานการดำเนินงานทางภูมิศาสตร์ให้เหมาะสม โดยเน้นที่ตลาดประกันภัยที่ Generali เป็นผู้นำอยู่ คาดว่าการจำหน่ายดังกล่าวจะส่งผลกระทบอย่างไม่มีนัยสำคัญต่อสถานะ Solvency II ของ Generali และจะเกิดการสูญเสียเงินทุนประมาณ 20 ล้านยูโร (21.1 ล้านดอลลาร์) หลังหักภาษี โดยไม่มีผลกระทบต่อผลประกอบการสุทธิ คาดว่าธุรกรรมดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในครึ่งปีแรกของปี 2568 ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการได้รับอนุญาตที่จำเป็นจากหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่
ศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า โดย ทีทีบี มุ่งมั่นจุดประกายเยาวชนผ่านการสร้างสรรค์เชิงศิลปะ สานต่อโครงการ Help Kids Make REAL Change คัดเลือกผลงานศิลปะของเด็กไฟ-ฟ้า จากกิจกรรมเวิร์กชอป “ของขวัญจากเด็กธรรมดา” นำไปพัฒนาสร้างสรรค์เป็นของขวัญปีใหม่ เพื่อส่งมอบความสุขให้กับทุกคน โดยมีทีม Lemonc บริษัท สวีท ซัมเมอร์ จำกัด ผู้จำหน่ายเครื่องเขียนและของขวัญด้วยการออกแบบคาแรกเตอร์ลงบนผลิตภัณฑ์ มาร่วมให้ความรู้และแนวทางการออกแบบ วาดภาพประกอบเพื่อนำไปผลิตชิ้นงาน พร้อมสร้างแรงบันดาลให้เด็กไฟ-ฟ้า ออกแบบลวดลายเพื่อนำไปในการประยุกต์ใช้และต่อยอดพัฒนาสู่การสร้างอาชีพในอนาคต นางสาวอลิศรา ชวาลเวชกุล หรือ คุณแอม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สวีท ซัมเมอร์ จำกัด เจ้าของแบรนด์ Lemonc บอกว่า ดีใจมากที่ได้มาถ่ายทอดประสบการณ์ เติมเต็มความรู้และเทคนิคการออกแบบวาดภาพให้กับเด็ก ๆ ไฟ-ฟ้า ซึ่งผลงานของทุกคนสามารถพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ได้จริง เพียงแค่ปรับอีกเล็กน้อย เพราะบางคนวาดภาพเก่งแต่อาจยังขาดประสบการณ์ หรือแรงบันดาลใจ หาสไตล์ของตัวเองไม่เจอ สำหรับการคัดเลือกจะให้คะแนนผลงานที่ตีความได้ตรงโจทย์ “ของขวัญจากเด็กธรรมดา” มากที่สุด รวมถึงความสวยงามและมีความคิดสร้างสรรค์ สุดท้ายเป็นเรื่องของการนำไปประยุกต์ต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ได้ “ประทับใจน้อง ๆ ไฟ-ฟ้ามาก เพราะทุกคนตั้งใจเรียนรู้ ทุ่มเททำผลงานให้ดีที่สุด สิ่งที่อยากให้น้อง ๆ เรียนรู้เพิ่มเติมคือ เทคนิคใหม่ ๆ เช่น การลงสี เพราะบางคนจะถนัดแค่สีไม้และสีเมจิก ไม่เคยลองใช้สีประเภทอื่น รวมถึงการให้โอกาสน้อง ๆ สร้างผลงานที่แตกต่าง และมีความหลากหลายมากขึ้น ขอชื่นชมศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้าที่ทำให้เด็ก ๆ ได้มีโอกาสเรียนรู้ในสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ ค้นหาตัวเองได้เร็ว และสามารถที่จะจุดประกายเด็ก ๆ ที่มีความฝัน ให้ได้ต่อยอดในสิ่งที่ตัวเองรัก” เสียงสะท้อนจากเด็กไฟ-ฟ้า “น้อง ใหม่” ปัญญาภรณ์ คุณากร หนึ่งในเจ้าของผลงานที่ได้รับคัดเลือก บอกว่า “ชอบวาดรูปเป็นงานอดิเรก และอยากพัฒนาฝีมือตัวเองให้มากขึ้น ซึ่งหลังจากเข้ามาเรียนที่ศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้าทำให้มีพื้นฐานด้านศิลปะแข็งแรงมากขึ้น ฝีมือการวาดรูปพัฒนาดีขึ้น และดีใจมากที่ผลงานได้รับคัดเลือกนำไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ เพื่อหารายได้ให้กับมูลนิธิทีทีบี โดยขอขอบคุณพี่ ๆ ทีม Lemonc ที่มาสอนเทคนิคต่าง ๆ เติมเต็มทักษะและความสร้างสรรค์ รวมถึงการวางแผนต่อยอดงานศิลปะสู่ผลิตภัณฑ์ คิดว่าความชัดเจนของลายเส้นและสีสันทำให้ผลงานได้รับคัดเลือก ซึ่งลายเส้นที่ออกแบบบ่งบอกถึงความรักที่อยากส่งต่อผ่านผลงาน เพื่อส่งความสุขให้คนทั้งโลก หวังว่าทุกคนจะชื่นชอบและสนับสนุนของขวัญของเด็ก ๆ ไฟ-ฟ้า และนำความสุขเล็ก ๆ นี้ไปส่งต่อให้กับคนอื่น ๆ” ด้าน “น้องดีโด้”…
กรุงเทพฯ (6 ธันวาคม 2567) – กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ตอกย้ำจุดยืนในการสนับสนุนธุรกิจไทยเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนอย่างแข็งแกร่ง ประกาศให้การสนับสนุนสินเชื่อวงเงิน 3,600 ล้านบาท แก่เครือโรงพยาบาลบางปะกอก-ปิยะเวท (Bangpakok-Piyavate Hospital Group) สำหรับโครงการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลปิยะเวท 2 พรานนก ภายใต้แนวคิดที่เน้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการได้รับมาตรฐานรับรองอาคารสีเขียวระดับสากล LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) ในระดับ Gold จากสภาอาคารเขียวสหรัฐอเมริกา (U.S. Green Building Council : USGBC) พร้อมเดินหน้าให้บริการทางการแพทย์อย่างเต็มประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ด้วยเป้าหมายในการเป็นธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเพื่อความยั่งยืน กรุงศรีมุ่งมั่นให้การสนับสนุนด้านการเงินเพื่อความยั่งยืนผ่านความร่วมมือกับ MUFG เพื่อส่งเสริมการปรับตัวของภาคธุรกิจสู่ความยั่งยืนมาโดยตลอด สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ กรุงศรีมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สนับสนุนสินเชื่อเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้กับเครือโรงพยาบาลบางปะกอก-ปิยะเวท ซึ่งเป็นกลุ่มโรงพยาบาลชั้นนำของประเทศที่ดำเนินกิจการมากว่า 40 ปี ในการสร้างอาคารโรงพยาบาลแห่งใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นับเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญอันจะช่วยให้ทั้งสององค์กรได้บรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทั้งยังเป็นพลังสำคัญที่ช่วยผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกแก่ภาคบริการทางการแพทย์และสุขภาพ อันจะเป็นการช่วยเสริมสร้างความยั่งยืนด้านสุขภาพของคนไทย และช่วยขับเคลื่อนประเทศสู่การพัฒนาและเติบโตที่ยั่งยืนต่อไป” นายแพทย์พณะ จันทรกมล CEO ของเครือโรงพยาบาลบางปะกอก-ปิยะเวท กล่าวว่า “โครงการโรงพยาบาล ปิยะเวท 2 พรานนก เป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่แห่งการให้บริการทางการแพทย์ในประเทศไทย ที่ผสมผสานความเป็นผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีขั้นสูงในรูปแบบสมาร์ทฮอสพิทัล และการบริการที่อบอุ่นเพื่อส่งมอบการรักษาพยาบาลขั้นสูงให้แก่ประชาชนชาวไทย โดยโรงพยาบาลปิยะเวท 2 พรานนก ได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการทางการแพทย์ในประเทศ ความมุ่งมั่นของเราที่จะพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นผ่านการเดินหน้าสู่การรับรองมาตรฐานระดับโลก JCI Accreditation นอกจากนี้ โรงพยาบาล ปิยะเวท 2 พรานนก ยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืนโดยการตั้งเป้าหมายเพื่อขอรับ LEED Certification ในระดับ Gold และดำเนินการตามหลักการ ESG เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานโลกที่กำลังพัฒนา โครงการที่มีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่นี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากขาดความเชื่อมั่นและการสนับสนุนจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา การสนับสนุนในครั้งนี้ช่วยให้เราสร้างไม่ใช่เพียงโรงพยาบาล แต่เป็นสัญลักษณ์ของนวัตกรรมทางการแพทย์ ความยั่งยืน…
ธนาคารกรุงเทพ ประกาศความสำเร็จโครงการ “80 แสนซีซี 80 ปี ธนาคารกรุงเทพ” พร้อมขอบคุณ “ผู้ให้” ที่ยิ่งใหญ่ ตลอดจนหน่วยงานพันธมิตรทั่วประเทศ รวมพลังกันส่งมอบโลหิตผ่านโครงการนี้ รวม14,031,600 ซีซี แก่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ใช้ช่วยเหลือผู้ป่วยได้ 105,237 ราย ปลื้มใจชวนผู้บริจาครายใหม่ได้มากถึง 76% ส่วนรายเดิมยังบริจาคสม่ำเสมอ ยืนยันเดินหน้าเปิดจุดรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ต่อเนื่อง หวังสร้างความตระหนักรู้การสำรองปริมาณโลหิตอย่างยั่งยืน ตอกย้ำความเป็น “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” เคียงข้างสังคมไทยสู่ปีที่ 81 นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามที่ธนาคารได้จัดโครงการ “80 แสนซีซี 80 ปี ธนาคารกรุงเทพ” เพื่อส่งต่อความช่วยเหลือแก่ผู้คนในสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเฉลิมฉลองในโอกาสดำเนินธุรกิจครบ 80 ปีของธนาคารกรุงเทพในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 นี้ด้วย โดยโครงการดังกล่าว ธนาคารได้ร่วมกับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เพื่อเชิญชวนคนไทยร่วมเป็น “ผู้ให้” ด้วยการบริจาคโลหิต ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 12 แห่งทั่วประเทศ หน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่และโรงพยาบาลแต่ละจังหวัดที่เป็นโรงพยาบาลสาขาบริการโลหิต ตลอดจนจุดรับบริจาคเคลื่อนที่ของธนาคารกรุงเทพ ณ อาคารสำนักงานใหญ่ สีลม และอาคารพระราม 3 ที่จัดต่อเนื่องตลอดทั้งปี และจุดบริจาคเคลื่อนที่อื่นๆ ที่ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากหน่วยงานและกลุ่มองค์กรพันธมิตรชั้นนำต่างๆ ทั่วประเทศ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการให้อันยิ่งใหญ่นี้ถึง 765 แห่ง ส่งผลให้เมื่อสิ้นสุดโครงการลงในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา จึงมียอดรับบริจาคโลหิตรวมถึง 14,031,600 ซีซี จากจำนวนผู้บริจาคทั้งสิ้น 35,079 ราย ซึ่งโลหิตจำนวนนี้จะสามารถช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ได้ถึง105,237 ราย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการขอบคุณ “ผู้ให้” ทั้งผู้บริหารและพนักงานของธนาคารกรุงเทพ ที่ได้หลั่งไหลเข้าร่วมบริจาคโลหิต ภายใต้โครงการ “80 แสนซีซี 80 ปี ธนาคารกรุงเทพ”…