ดร.สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทิพยประกันภัย ส่งทีม TIP Smart Assist ลงพื้นที่ช่วยเหลือ ประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมทันที จากสถานการณ์ที่มีฝนตกหนักตลอดทั้งคืนทำให้เกิดน้ำท่วมขังฉับพลัน สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ใน พื้นที่ จ.สมุทรปราการ โดยเฉพาะในพื้นที่ตั้งนิคมอุตสาหกรรมบางปู ในเขตส่งออก น้ำท่วมขังสูงกว่า 1 เมตร พร้อมจัดรถยกรีบช่วยเหลือเคลื่อนย้ายรถออกจากพื้นที่น้ำท่วม ฟรี ให้กับลูกค้าและประชาชน โดยแจ้งขอความช่วยเหลือมาที่สายด่วน 1736 กด1 หรือติดต่อสำนักงานสาขาสมุทรปราการ โทร 02-1756270-4 ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังได้ส่งทีมสินไหม ลงสำรวจความเสียหายของลูกค้าเพื่อจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับลูกค้าในเบื้องต้นทันที เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับลูกค้า และหลังจากน้ำลดแล้วจะเร่งลงสำรวจความเสียหายอีกครั้ง
Author: staff
“มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานกรรมการ มูลนิธิมาดามแป้ง รับมอบรถสำหรับใช้รับ-ส่งผู้ป่วยภายในศูนย์ Community Isolation วัดกำแพง (บางแวก) เขตภาษีเจริญ เพื่อช่วยแบ่งเบาหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์และสถานพยาบาลในช่วงวิกฤตผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รับสนับสนุนจากกลุ่มไทยรุ่ง โดยมี คุณแก้วใจ เผอิญโชค แมคโดนัลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วย คุณอติคุณ เผอิญโชค แมคโดนัลด์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไทยวี.พี. คอร์ปอเรชั่น จำกัด คุณพงศ์ศักดิ์ พัฒนไพรสณฑ์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ดร. ปราณี เผอิญโชค ประธานกรรมการบริหาร คุณสมพงษ์ เผอิญโชค กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน) และคุณณัฐพงษ์ มีโภคกิจ ผู้อำนวยการเขตภาษีเจริญ ร่วมรับมอบด้วย เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 26 สิงหาคม 2564 ณ โรงงานบริษัท ไทยรุ่ง ยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน) อาคารบริหารชั้น 1 ซอยเพชรเกษม 81
ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีฝนตกหนักในหลายจังหวัดทางภาคตะวันออกของประเทศไทยและเกิดน้ำท่วมฉับพลัน จนสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน บ้านเรือน และรถยนต์ ของประชาชนเป็นจำนวนมากในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ชลบุรี และระยอง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2564 ในเบื้องต้น ได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ บูรณาการร่วมกับสายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค สำนักงาน คปภ. ภาค 6 (ชลบุรี) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดชลบุรี สำนักงาน คปภ. จังหวัดสมุทรปราการ และสำนักงาน คปภ. จังหวัดระยอง เร่งให้ความช่วยเหลือด้านประกันภัยและสำรวจความเสียหายอย่างเร่งด่วนผ่าน Platform การรายงานข้อมูลกรณีอุบัติภัยกลุ่มหรือรายใหญ่ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และลงพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับผู้ได้รับความเสียหาย รวมทั้งติดตามและตรวจสอบข้อมูลด้วยว่าบ้านเรือน รถยนต์ และทรัพย์สินอื่น ๆ ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุน้ำท่วมในครั้งนี้ มีการทำประกันภัยรองรับไว้ หรือไม่ ทั้งนี้ ได้รับรายงานจากสำนักงาน คปภ. จังหวัดในพื้นที่ที่ได้ตรวจสอบข้อมูลความเสียหายและข้อมูลการทำประกันภัย ณ วันที่ 30 สิงหาคม 2564 พบว่า มีรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วม เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และมีประกันภัยคุ้มครอง รวมประเมินมูลค่าความเสียหายเบื้องต้น 6,642,800 บาท กับ 12 บริษัท ดังนี้ 1) บมจ. วิริยะประกันภัย 3,038,000 บาท 2) บมจ. กรุงเทพประกันภัย 243,300 บาท 3) บมจ. ทิพยประกันภัย 158,500 บาท 4) บมจ. ธนชาตประกันภัย อยู่ระหว่างประเมินความเสียหาย 5) บมจ. โตเกียวมารีนประกันภัย 1,770,000 บาท 6) บมจ. เทเวศประกันภัย 18,000 บาท 7) บมจ. แอกซ่าประกันภัย 1,110,000 บาท 8) บมจ. ไอโออิ กรุงเทพ ประกันภัย 115,000 บาท 9) บมจ. เมืองไทยประกันภัย 40,000 บาท 10) บมจ. แอลเอ็มจี ประกันภัย 90,000 บาท 11) บมจ. กรุงไทยพานิชประกันภัย 30,000 บาท และ 12) บมจ. ไทยศรีประกันภัย 30,000 บาท สำหรับรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ และมีประกันภัยคุ้มครอง รวมประเมินมูลค่าความเสียหายเบื้องต้น 2,970,100 บาท กับ 5 บริษัท ดังนี้ 1) บมจ. ทิพยประกันภัย 244,400 บาท 2) บมจ. ไอโออิ กรุงเทพ ประกันภัย 154,000 บาท 3) บมจ. อาคเนย์ประกันภัย 2,497,000 บาท 4) บมจ. กรุงเทพประกันภัย 74,700 บาท และ 5) บมจ. แอลเอ็มจี ประกันภัย อยู่ระหว่างประเมินความเสียหาย ในส่วนของรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดระยอง และมีประกันภัยคุ้มครอง รวมประเมินมูลค่าความเสียหายเบื้องต้น 2,425,000 บาท กับ 5 บริษัท ดังนี้ 1) บมจ. วิริยะประกันภัย 2,150,000 บาท 2) บมจ. ธนชาตประกันภัย 180,000 บาท 3) บมจ.ทิพยประกันภัย 40,000 บาท 4) บมจ. เทเวศประกันภัย 50,000 บาท และ 5) บมจ. นำสินประกันภัย 5,000 บาท ทั้งนี้ ในส่วนของความเสียหายที่เกี่ยวกับบ้านเรือน ที่อยู่อาศัย พืชผลทางการเกษตร และทรัพย์สินอื่น ๆ ประชาชนอยู่ระหว่างตรวจสอบความเสียหายและข้อมูลการทำประกันภัย โดยมอบหมายให้สำนักงาน คปภ. ภาค 6 (ชลบุรี) ตั้งศูนย์เฉพาะกิจด้านประกันภัยในพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในการเคลมประกันน้ำท่วม มีผู้อำนวยการภาคอาวุโส สำนักงาน คปภ. ภาค 6 (ชลบุรี) เป็นหัวหน้าศูนย์เฉพาะกิจฯ หมายเลขโทรศัพท์ 093-129-9462 สำหรับในส่วนเสียหายของรถยนต์ที่มีประกันภัยคุ้มครองและแจ้งเคลมความเสียหายกับบริษัทประกันภัยแล้ว จะติดตามเพื่อให้การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เอาประกันภัยเป็นไปโดยเร็วและเป็นธรรม “การตั้งศูนย์เฉพาะกิจฯ ในครั้งนี้ หวังว่าพี่น้องประชาชนจะได้รับความสะดวก รวดเร็ว ในการเคลมประกันน้ำท่วมมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ภัยธรรมชาติและภัยพิบัติรูปแบบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ได้สร้างความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก จึงขอให้พี่น้องประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญและทำประกันภัยให้มากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อเป็นเครื่องมือในการรองรับความเสี่ยงภัยต่าง ๆ ให้กับตนเอง ครอบครัว รวมทั้งทรัพย์สินต่าง ๆ ด้วย หากมีข้อสงสัยด้านประกันภัยสอบถามได้ที่สายด่วน คปภ. 1186 หรือ Add Line Official@oicconnect” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย
ริยะประกันภัยสางปัญหายอดเคลมประกันภัยโควิดล้นทะลัก สั่งศูนย์ปฎิบัติการสินไหมทดแทนที่ตั้งอยู่ทุกทิศทั่วไทย เพิ่มขีดความสามารถในการจ่ายสินไหมทดแทนประกันภัยโควิดให้มากขึ้นกว่าเดิม ด้วยการขยายกำลังเจ้าหน้าที่และจัดพื้นที่เฉพาะขึ้นมารองรับเป็นการเฉพาะ เพื่อให้ผู้เอาประกันภัยได้รับความสะดวก รวดเร็ว เข้าใจ และจ่ายจบภายใน 15 วัน เผยกลุ่มผู้เอาประกันที่ยื่นสินไหมผ่านระบบออนไลน์ไปแล้ว สามารถติดตามเรื่องเดิมที่ศูนย์สินไหมฯใกล้บ้านได้เช่นกัน นายสยม โรหิตเสถียร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ที่ทวีความรุนแรงอยู่ในขณะนี้และมีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 2 หมื่นคนต่อวัน จึงย่อมส่งผลให้ปริมาณเรื่องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนของผู้เอาประกันภัยที่ซื้อความคุ้มครองประกันภัยสุขภาพและประกันภัยโควิด “เจอ จ่าย จบ” พุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะวิริยะประกันภัย ซึ่งเป็นบริษัทที่ผู้บริโภคได้ให้ความไว้วางใจซื้อความคุ้มครองไว้เป็นจำนวนมาก มีปริมาณเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเฉลี่ยวันล่ะกว่า 1,000 คน และบริษัทได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนไปแล้วกว่า 2,000 ล้านบาท วิ อีกทั้งบริษัทต้องขอยอมรับว่าในระยะแรกของการให้บริการสินไหมทดแทนประกันภัยโควิด โดยเฉพาะจากกรมธรรม์ประกันภัยประเภท “เจอ จ่าย จบ” ด้วยระบบและขั้นตอนงานที่วางไว้ในขณะนั้น บริษัทฯ มั่นใจว่ามีความสมบูรณ์แบบ สะดวกรวดเร็วแน่นอน แต่เมื่อต้องเจอกับปริมาณการเรียกร้องค่าสินไหมที่คาดไม่ถึงว่าจะมีจำนวนมาก จนส่งผลต่อระบบการบริการที่วางไว้ อาทิ ระบบออนไลน์ล่ม การเกิดภาวะคอขวดของการเบิกสินไหมทดแทน เพราะผู้เอาประกันภัยมีความเชื่อว่า มายื่นเอกสารโดยตรงที่สำนักงานใหญ่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนที่รวดเร็วกว่า ด้วยปัจจัยเหล่านี้ย่อมทำให้ ผู้เอาประกันภัยบางรายอาจไม่ได้รับความสะดวกและเกิดปัญหาความล่าช้า ซึ่งบริษัทฯ ต้องขออภัยมาในโอกาสนี้ที่ไม่สามารถบริการให้เกิดความพึงพอใจสูงสุดได้ นายสยมเปิดเผยต่อไปอีกว่า ปัญหาการให้บริการสินไหมที่เป็นไปทั้งธุรกิจนี้ ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานคปภ.และสมาคมประกันวินาศภัยต่างได้ร่วมกันหารือเพื่อหาแนวทางแก้ไขอยู่ตลอดเวลา ดังเช่นการออก 3 มาตรการเร่งด่วนเฉพาะกิจเพื่อให้ผู้เอาประกันภัยได้รับความคุ้มครองอย่างสะดวกรวดเร็ว เช่นเดียวกับวิริยะประกันภัยได้มีการปรับปรุงกระบวนการให้บริการ ให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เป็นจริงอยู่ตลอดเวลา ล่าสุดเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการบริการให้เท่าทันกับปริมาณความต้องการที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก จึงได้เพิ่มขีดความสามารถของศูนย์ปฎิบัติการสินไหมทดแทนที่ตั้งอยู่ทั่วประเทศ ทั้งได้ขยายอัตราเจ้าหน้าที่และจัดพื้นที่เฉพาะเพื่อรองรับการบริการสินไหมทดแทนประกันภัยโควิดเป็นการเฉพาะ และนำโมเดลการจ่ายสินไหมทดแทนของประกันภัยรถยนต์มาใช้ กล่าวคือไม่จำเป็นต้องคำนึงว่าซื้อประกันจากช่องทางไหน อยู่ภูมิลำเนาใด ผู้เอาประกันภัย ณ เวลานั้นสะดวกจะเบิกที่ศูนย์ปฎิบัติสินไหมทดแทนที่ตั้งอยู่พื้นที่ไหนที่ใกล้สุดหรือสะดวกสุด ก็สามารถไปยื่นเรื่องหลักฐานเบิกค่าสินไหมทดแทนและสามารถรับค่าสินไหมทดแทนได้ที่นั้นทันทีหรือจะให้โอนเงินเข้าบัญชีโดยอัตโนมัติ หรือกล่าวได้ง่ายๆว่าผู้เอาประกันภัยสามารถกำหนดได้เองว่าจะไปยื่นหลักฐานเพื่อเบิกค่าสินไหมที่ศูนย์ฯ ไหน และจะประสงค์รับค่าสินไหมที่ศูนย์ฯ ใดได้ตามใจชอบ “บริษัทเชื่อว่าการเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการครั้งนี้ ทำให้ผู้เอาประกันภัยได้รับค่าสินไหมทดแทนที่รวดขึ้นกว่าเดิมและไม่เกิน 15 วันตามกติกาที่กำหนดกันไว้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ดีการเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการครั้งนี้มิได้จำเพาะเจาะจงผู้เอาประกันภัยที่ประสงค์ขอเบิกค่าสินไหมทดแทนรายใหม่เท่านั้น แต่หมายรวมไปถึงผู้ที่ได้ยื่นเรื่องไว้แล้ว โดยเฉพาะผู้เอาประกันภัยที่ยื่นผ่านระบบออนไลน์ และอยู่ในระหว่างรอคอยมีความประสงค์จะตรวจสอบความคืบหน้า ก็สามารถติดต่อศูนย์สินไหมทดแทนที่ อยู่ใกล้บ้านท่านได้เช่นกัน นอกจากนี้ ยังได้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อติดตามประเมินผลแบบเรียลไทม์ เพื่อที่จะสามารถแก้ไขข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นอีก ได้อย่างทันท่วงที” นายสยมกล่าวในที่สุด
นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้ามุ่งสร้างประสบการณ์ที่ดีในด้านการบริการอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำจุดยืน “MTL Trusted Lifetime Partner” ในการเดินเคียงข้างในทุกช่วงของชีวิต โดยยึดหลักลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ผ่านการใช้นวัตกรรมการให้บริการ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบครัน มุ่งมั่นตอบโจทย์ความต้องการในทุกไลฟ์สไตล์ และมุ่งแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าได้อย่างตรงจุดและดำเนินตามนโยบายปกป้องความเป็นส่วนตัวของลูกค้า พร้อมกันกับการดำเนินงานให้ถูกต้องตามหลักของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือ PDPA (Personal Data Protection Act) เพื่อให้ลูกค้ามีความมั่นใจในการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทฯ ยกระดับด้านความปลอดภัยของภาคธุรกิจประกันชีวิต ด้วยเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนด้วยเสียง (Voice Biometrics) โดยนวัตกรรมการยืนยันตัวตนด้วยเสียง (Voice Biometrics) นี้ได้นำเอาเทคโนโลยีการยืนยันตัวบุคคลด้วยเสียงพูด เพื่อเข้าสู่ระบบของข้อมูลกรมธรรม์ โดยมีระบบปฏิบัติการที่สามารถตรวจสอบและแยกองค์ประกอบเสียงของลูกค้าที่แตกต่างกันได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเมื่อลูกค้าโทรเข้ามาใช้บริการ Call Center 1766 ระบบจะจดจำเสียงของลูกค้าให้สามารถใช้บริการได้รวดเร็ว และสะดวกมากยิ่งขึ้น เพราะสามารถลดขั้นตอนการยืนยัน (Verify) ตัวบุคคลก่อนที่เจ้าหน้าที่จะให้บริการลูกค้า ทำให้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น จากการใช้เสียงเป็นเหมือนรหัสปลดล็อกการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว ทั้งนี้ ลูกค้าที่สนใจสมัครเพื่อใช้บริการยืนยันตัวตนด้วยเสียง (Voice Biometrics) สามารถลงทะเบียนใช้บริการยืนยันตัวตนด้วยเสียงได้ง่ายๆ ที่ Video Call ผ่าน MTL Click Application (ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.30-17.00 น.) หรือที่โทร. 1766 (ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง) และศูนย์บริการลูกค้าเมืองไทยประกันชีวิตทั่วประเทศ (ในวันและเวลาทำการ) พิเศษมากยิ่งขึ้น หากลูกค้าสามารถลงทะเบียนยืนยันตัวตนด้วยเสียงได้สำเร็จ ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลใหญ่ รวมมูลค่ากว่า 800,000 บาท ในแคมเปญ Big Thanks for YOUR VOICES อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกที่นี่ https://www.muangthai.co.th/th/about-mtl/news-and-update/bigthanks-for-your-voices “เรายังคงเดินหน้าพัฒนาหรือค้นหาผลิตภัณฑ์และบริการให้สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการให้ได้อย่างตรงจุด รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีและเครื่องมือใหม่ ๆ เพื่อมาช่วยเสริมการให้บริการลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และปรับเปลี่ยนให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งการเปิดตัวเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนด้วยเสียง (Voice Biometrics)…
นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมืองไทยประกันชีวิตยังคงมุ่งมั่นในการเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าให้ความไว้วางใจ ภายใต้นโยบาย “MTL Trusted Lifetime Partner” และด้วยสถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่มีการแพร่ระบาดมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ พร้อมดูแลลูกค้าคนสำคัญ เพื่อให้สามารถผ่านสถานการณ์ครั้งนี้ไปด้วยกัน โดยบริษัทฯ ขอมอบความอุ่นใจสำหรับลูกค้าเมืองไทยประกันชีวิต ด้วยความคุ้มครองการรักษาผ่านเครือข่ายโรงพยาบาลคู่สัญญา 337 แห่ง รวมถึงหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ (Hospitel) ที่เครือข่ายโรงพยาบาลคู่สัญญาเปิดให้บริการ และโรงพยาบาลสนาม (Field Hospital) ตามเกณฑ์การส่งตัวจากโรงพยาบาลต้นทางและได้รับการอนุมัติให้จัดตั้งขึ้นตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยให้คุ้มครองกรณีการเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน (IPD) สำหรับผู้ป่วย COVID-19 ตามผลประโยชน์ความคุ้มครอง ทั้งประกันสุขภาพรายบุคคลและรายกลุ่ม ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล และค่าชดเชยรายวันการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล สำหรับผู้ป่วยโรคทั่วไป บริษัทฯ ยังได้จัดเตรียมทีมงาน “MTL Health Buddy” ซึ่งเป็นบริการผู้ช่วยด้านสุขภาพครบวงจร สิทธิพิเศษที่มอบให้เฉพาะลูกค้าเมืองไทยประกันชีวิต ที่พร้อมให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพ ค้นหาศูนย์แพทย์เฉพาะทาง ค้นหาแพทย์ที่เหมาะกับโรค ทำการ นัดหมาย ปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และสิทธิพิเศษแบบเหนือระดับอีกมากมาย เพียงโทรเข้ามาที่ 02-290-2424 จากนั้นแจ้งข้อมูลและความต้องการใช้บริการหรือข้อมูลด้านสุขภาพที่ต้องการแก่ MTL Health Buddy ได้ทันที โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบรายชื่อโรงพยาบาลคู่สัญญาที่มี Hospitel ให้บริการ ได้ที่ www.muangthai.co.th หากต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ โทร. 1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง หรือติดต่อเครือข่ายโรงพยาบาลคู่สัญญาได้โดยตรง หมายเหตุ: – การพิจารณาเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล และ Hospitel เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดและได้รับการประเมินอาการโดยสถานพยาบาลต้นทางแต่ละแห่ง – เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่ระบุในกรมธรรม์
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) เสนอโซลูชันช่วยคนไทยจัดการหนี้ได้อย่างเหมาะสม ภายใต้แนวคิด “รอบรู้เรื่องกู้ยืม” โดยใช้สินทรัพย์ที่มีให้เกิดประโยชน์ ทั้งบ้าน รถ ใบแจ้งหนี้ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น นำไปเสริมสภาพคล่อง ลดภาระดอกเบี้ย และปลดหนี้ได้เร็วขึ้น ด้วยการรวบหนี้ที่มีอยู่เป็นก้อนเดียว ลดภาระการผ่อนชำระ ผ่านผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านแลกเงินทีทีบี สินเชื่อรถแลกเงิน ทีทีบีไดรฟ์ (ttb DRIVE) และสินเชื่อบุคคลทีทีบี แคชทูแคร์ (ttb cash2care) ช่วยให้ชีวิตสามารถเดินต่อไปได้ภายใต้สถานการณ์วิกฤต จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากผลกระทบของโควิด-19 สะท้อนให้เห็นความเปราะบางทางด้านการเงินของคนไทยได้อย่างชัดเจน เมื่อรายได้ลดลง แต่ยังมีภาระผ่อนหนี้สินจากหลาย ๆ แห่ง ทำให้ขาดสภาพคล่องในการใช้จ่ายเพื่อดำรงชีวิต ทีเอ็มบีธนชาต ตระหนักถึงปัญหาภาระหนี้ของคนไทย จึงได้พัฒนาโชลูชันการจัดการหนี้สินที่ตอบโจทย์ ภายใต้พื้นฐานการเงินด้าน “รอบรู้เรื่องกู้ยืม” ที่ช่วยจัดการหนี้อย่างเหมาะสม โดยใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่นำมาเป็นหลักประกันในการรวบหนี้ (Debt Consolidation) ช่วยลดภาระผ่อนต่อเดือนและเสริมสภาพคล่องให้แก่ลูกค้า นายอนุวัติร์ เหลืองทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าบุคคล ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) กล่าวว่า ทีเอ็มบีธนชาต เข้าใจความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต โดยมองลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 คนส่วนใหญ่อาจมีปัญหาขาดสภาพคล่องที่จะนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน หรือหมุนเวียนธุรกิจ และต้องการสินเชื่อจากธนาคารเป็นอีกแหล่งเงินทุนเพื่อเสริมสภาพคล่อง ดังนั้น ทีทีบี จึงต้องการสนับสนุนให้ลูกค้ามีความรอบรู้ทางด้านการเงิน โดยเฉพาะการจัดการเรื่องกู้ยืม เพื่อให้เข้าใจและเลือกใช้สินเชื่อได้อย่างเหมาะสม โดยหากมีภาระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงจากหลาย ๆ แห่ง ธนาคารแนะนำให้ลูกค้าเลือกใช้โซลูชันการรวบหนี้ (ttb debt consolidation) มารวมเป็นก้อนเดียวไว้กับทีทีบี ซึ่งมีผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบที่จะเข้ามารองรับความต้องการของแต่ละคน คิดดอกเบี้ยถูกลง ลดภาระผ่อนชำระต่อเดือนให้น้อยลง จึงมีเงินเหลือสำหรับใช้จ่ายในเรื่องจำเป็น และจัดการสภาพคล่องได้ดีขึ้น โดยเชื่อมั่นว่าจะช่วยส่งเสริมให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นได้ในอนาคต นายป้อมเพชร รสานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านสินเชื่อรถยนต์ ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) กล่าวว่า ในฐานะผู้นำในตลาดสินเชื่อรถยนต์ ttb DRIVE มีลูกค้าให้ความไว้วางใจเป็นจำนวนมาก เมื่อ สถานการณ์ปัจจุบันทำให้ลูกค้าจำเป็นต้องใช้เงินก้อนเพื่อมาเสริมสภาพคล่อง เราก็ได้พัฒนาโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ตรงจุด เพื่อช่วยแก้ปัญหา ช่วยเคลียร์ ช่วยรวบหนี้ให้ในเมื่อลูกค้ามีรถยนต์อยู่ ซึ่งรถถือเป็นสินทรัพย์ที่มีหลักประกัน ทำให้ดอกเบี้ยไม่สูง ค่างวดลดลง และได้วงเงินที่สูงขึ้น…
บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต รายงานผลการดำเนินธุรกิจครึ่งปีแรก เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง เบี้ยประกันภัยรับปีแรกเติบโต 5% สอดรับความสำเร็จแคมเปญกระตุ้นยอดขายช่องทางตัวแทน และผลตอบรับทีดีจาก ผลิตภัณฑ์ใหม่ “ปลดล็อคสบายกระเป๋า” เร่งเครื่องเดินหน้าดันธุรกิจโตแกร่งทุกช่องทาง มร.โทมัส วิลสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดเผยว่า “ครึ่งปีแรก 2564 ถือเป็นครึ่งปีที่ท้าทายสำหรับทุกธุรกิจรวมถึงธุรกิจประกันชีวิต เนื่องมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่ทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง หากแต่ อลิอันซ์ อยุธยา ยังสามารถสร้างผลงานได้เป็นที่น่าพอใจ สามารถสร้างเบี้ยประกันรับปีแรกเติบโตถึง 5% อยู่ที่ 2,974 ล้านบาท โดยมาจากช่องทางขายผ่านธนาคาร 1,014 ล้านบาท เติบโต 56% สะท้อนถึงผลิตภัณฑ์การลงทุนและการออมที่ให้ผลตอบแทนที่ดีเหนือตลาด ช่องทางตัวแทน 1,091 ล้านบาท เติบโต 4% ซึ่งเป็นผลมาจากช่องทางตัวแทนที่เข้มแข็ง ประกอบกับความสำเร็จจากการออกผลิตภัณฑ์คุ้มครองสุขภาพใหม่ “ปลดล็อคสบายกระเป๋า” ที่เป็นแบบประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองสุขภาพแก่ลูกค้าในราคาที่คุ้มค่า ทั้งยังมีกิจกรรมและเครื่องมือดิจิทัลเพื่อสนับสนุนให้ตัวแทนขายสินค้าได้ง่ายขึ้น ปัจจุบัน สุขภาพ ปลดล็อค สบายกระเป๋า มียอดขายแล้วกว่า 3,000 กรมธรรม์ ตั้งแต่เปิดตัวกลางเดือนมีนาคม ส่วนช่องทางขายตรง เติบโตลดลง 23% อยู่ที่ 735.7 ล้านบาท เป็นผลมากจากสถานการณ์โควิดที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของลูกค้าในช่วงที่เศรษฐกิจซบเซา ถึงแม้สถานการณ์โควิดจะยังคงอยู่และส่งผลกระทบต่อธุรกิจ แต่สำหรับอลิอันซ์ อยุธยา ด้วยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และการปรับตัวเข้าสู่ดิจิทัลก่อนใคร ทำให้ธุรกิจของเรายังคงเติบโตไปได้ในทุกช่องทาง ปัจจุบันช่องทางตัวแทนมีการส่งใบคำขอผ่านเครื่องมือดิจิทัล ที่เรียกว่า Allianz Discover (AZD) ถึง 99% และจากกลุ่มนี้ มีอยู่ถึง 45% ที่เป็นการขายแบบไม่ต้องพบลูกค้า (Non Face-to-Face) ซึ่งเป็นการส่งเสริมการทำงานภายใต้สถานการณ์โควิดและรักษา social distancing ได้เป็นอย่างดี และล่าสุดได้มีการจัดงาน AL Seminar ACTIV 21 งานสัมมนาผู้บริหารตัวแทน รูปแบบออนไลน์ครั้งแรก ที่เน้นการสร้างกำลังใจ การทำงานเป็นทีมเพื่อเป้าหมายการเติบโต นอกจากนั้น ยังมีโปรแกรมกระตุ้นการสร้างผลงานมากมาก อาทิ โครงการ Friend Of Agency ชวนเพื่อนแนะนำเพื่อน มีผู้เข้าร่วมกว่าพันคนภายในหนึ่งเดือน โครงการ Allianz Elite Agency คือ เป็นการนำโมเดลที่ประสบความสำเร็จไปใช้พัฒนาตัวแทนกลุ่มอื่นๆเพื่อเร่งการสร้างผลงาน ซึ่งตัวแทนที่อยู่ในโปรแกรมนี้ พบว่าจะสร้างผลิตผลได้มากกว่าเดิมถึง 6 เท่า ขณะเดียวกัน กลุ่มอลิอันซ์ ผู้ถือหุ้นหลักของ บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต รายงานผลกำไรจากการดำเนินการของอลิอันซ์ในเอเชียเพิ่มขึ้น 37% เป็น 343 ล้านยูโร หรือประมาณ 1.35 หมื่นล้านบาท โดยรายได้ทั้งหมดในเอเชียเพิ่มขึ้น 14% เป็น 4.1 พันล้านยูโร หรือประมาณ 1.61 แสนล้านบาท และมีผลกำไรจากการดำเนินงานด้านประกันชีวิตและสุขภาพเพิ่มขึ้น 46% เป็น 279 ล้านยูโร หรือประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท มร. โซลมาส อัลทิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาค อลิอันซ์ เอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “ท่ามกลางภาวะของตลาดที่ท้าทายและผลกระทบของโควิด-19 ซึ่งยังคงส่งผลต่อทุกด้านของชีวิต อลิอันซ์ เอเชีย แปซิฟิค ยังคงมีรายได้และผลกำไรจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในครึ่งแรกของปี 2564” กลยุทธ์ของเราประสบความสำเร็จด้วยดีจากการทำงานหนักและความทุ่มเทของพนักงาน เราจะยังคงให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดี ความปลอดภัย และสุขภาพจิตของพนักงานเป็นอันดับต้นๆ การปรับตัวสู่ดิจิทัลตั้งแต่ก่อนการระบาดของโควิด-19 ช่วยให้เรายังคงสามารถให้บริการและช่วยเหลือลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจในภูมิภาคนี้ รวมถึงหลายตลาดในเอเชียที่ดำเนินธุรกิจอยู่ แม้ว่าความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับโรคระบาดจะยังคงส่งผลกระทบต่อตลาด แต่เรามั่นใจว่าเราจะสามารถสร้างกลยุทธ์ทางธุรกิจผ่านทางโมเดลที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และสิ่งนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับเราในการรักษาความเป็นที่หนึ่งในบริษัทประกันที่ใหญ่ที่สุดและมีความมั่นคงมากที่สุดในโลก เราจะพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อช่วยลดภาระด้านการเงินของลูกค้า…
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต มอบเงินสนับสนุน จำนวน 250,000 บาท จากแคมเปญพิเศษ “Know You Can be Confident” เพื่อสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าในพระราชูปถัมภ์ฯ ในการช่วยเหลือวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 โดยมี พ.อ.หญิง รุ้งขจี อุทัยมงคล หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าในพระราชูปถัมภ์ฯ รับมอบเงินสนับสนุนดังกล่าว เมื่อเร็วๆ นี้ กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ขอส่งกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ ลูกค้า และประชาชนทุกท่าน ก้าวผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน โดยบริษัทฯ พร้อมจะอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป ทั้งนี้ท่านสามารถติดตามกิจกรรมที่น่าสนใจของบริษัทฯ ได้ที่ www.krungthai-axa.co.th หรือ โทร 1159 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
“เมืองไทยประกันภัย” ร่วมกับ “มูลนิธิมาดามแป้ง” #ส่งต่อน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์แก่ โรงพยาบาลราชวิถี เพื่อใช้สำหรับดูแลผู้ป่วยภายใต้โครงการ Home Isolation มูลค่ารวม 100,000 บาท ซึ่งประกอบไปด้วย เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว และปรอทวัดไข้แบบดิจิตอล โดยมี นพ.กนกพจน์ จันทร์ภิวัฒน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านบริการทางการแพทย์ และนายแพทย์ชำนาญการพิเศษด้านเวชกรรม พร้อมด้วยตัวแทนบุคลากรผู้ดูแลโครงการฯ เข้าร่วมรับมอบ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2564 ณ ตึกสิรินธร ชั้น 10 โรงพยาบาลราชวิถี นอกจากนี้ ทุกท่านสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้ ด้วยการบริจาคและสมทบทุนได้ที่บัญชี ธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี 092-2-61340-0 ชื่อบัญชี มูลนิธิมาดามแป้ง เพื่อโครงการสร้างสังคมแห่งการให้ #ส่งต่อน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน #เมืองไทยประกันภัย #มูลนิธิมาดามแป้ง