Author: staff

เทคโนโลยีกำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในร้านค้าปลีกทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าและดึงดูดผู้บริโภคมากขึ้น ผู้ประกอบการอาจนำเทคโนโลยีมาใช้ในร้านค้าปลีกและสร้างความมั่นใจว่าเทคโนโลยีสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และช่วยกระตุ้นยอดขาย SCB EIC ได้จัดทำแบบสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ใช้ในร้านค้าปลีก อาทิ Self-checkout, Chatbot / Chat & Shop และ AR/VR พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่รู้จักและเคยใช้เทคโนโลยีเหล่านี้มาก่อน สำหรับผู้ที่ไม่เคยรู้จักเทคโนโลยีในร้านค้าปลีกมากกว่าครึ่งมีความสนใจที่จะทดลองใช้ โดยเลือกทดลองเทคโนโลยีที่ซับซ้อนน้อยกว่า ผู้บริโภคที่รู้จักกับเทคโนโลยีร้านค้าปลีกส่วนมากเคยใช้เทคโนโลยีในการซื้อสินค้าแต่อีกราว 18% ไม่เคยใช้งานมาก่อน ซึ่งเทคโนโลยีที่ผู้บริโภคกลุ่มนี้อยากทดลองใช้งานมากที่สุด ได้แก่ Self-checkout, AR/VR และ Pick-up picture และหากต้องการให้คนกลุ่มนี้ใช้งาน จำเป็นต้องสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยและความสะดวกในการใช้งาน มีคำแนะนำชัดเจน และมีความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น แม้ผู้บริโภคจะเคยใช้เทคโนโลยีในการซื้อสินค้าแล้ว แต่ยังคงกังวลเรื่องความยุ่งยากในการใช้งานและความปลอดภัยของข้อมูล โดยเฉพาะผู้สูงวัยที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมากที่สุด ขณะที่ผู้บริโภคกลุ่มอายุน้อยกังวลเรื่องความยุ่งยากในการใช้งาน ปัญหาทางเทคนิคและความไม่เสถียรของระบบก็เป็นอุปสรรคสำคัญ เทคโนโลยีในร้านค้าปลีกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Self-checkout, Chatbotและ Interactive screen ซึ่งมีความซับซ้อนในการใช้งานน้อยกว่าเทคโนโลยีอื่น ๆ แสดงให้เห็นว่า นอกจากการอำนวยความสะดวกในการซื้อสินค้าแล้ว เทคโนโลยีต้องใช้งานง่าย จึงจะได้รับความนิยมในการใช้งาน ผู้บริโภคเคยใช้เทคโนโลยี Self-checkout มากที่สุด และส่วนใหญ่ต้องการให้มีในร้าน Grocery โดยเฉพาะ Supermarket ในขณะที่กลุ่ม Non-grocery ต้องการให้มีในห้างสรรพสินค้า อย่างไรก็ดี ปัญหาหลักที่พบคือการใช้คูปองส่วนลดต่าง ๆ ส่วนChatbot เป็นเทคโนโลยีที่มีผู้บริโภคเคยใช้รองลงมา แต่พบปัญหาจากความสามารถของ Chatbot ที่ค่อนข้างจำกัด โดยผู้บริโภคต้องการให้พัฒนาความสามารถมากขึ้นเพื่อแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ราวครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างเคยใช้เทคโนโลยี AR/VR แต่ให้ความเห็นว่าเป็นเทคโนโลยีที่ยุ่งยากและซับซ้อนในการใช้งาน การนำเทคโนโลยีมาใช้ในร้านค้าปลีกควรพิจารณาความซับซ้อนและการใช้งานง่ายเพื่อให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย หากกลุ่มลูกค้าเป็น Gen X และผู้สูงวัยที่ไม่คุ้นชินกับเทคโนโลยี ควรเลือกเทคโนโลยีที่ไม่ซับซ้อนและใช้งานง่าย เช่น Self-checkout ที่มีคำแนะนำชัดเจนและมีพนักงานพร้อมให้ความช่วยเหลือ แต่หากกลุ่มลูกค้าเป็นคนรุ่นใหม่และวัยทำงาน ควรนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น AR/VR และ Interactive screen มาใช้ พร้อมสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยและความสะดวกในการใช้งาน ในทางกลับกันหากกลุ่มลูกค้าเป็นคนรุ่นใหม่และวัยทำงาน ผู้ประกอบการสามารถนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีความซับซ้อน เช่น AR/VR มาใช้ได้ อีกทั้ง ร้านค้าควรพัฒนาความสามารถของเทคโนโลยีให้รองรับการใช้งานที่หลากหลาย เช่น Self-checkout…

Read More

​นายอนุกูล เย็นใจ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านรับประกันภัยและสินไหมทดแทน บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) พร้อมผู้บริหารให้การต้อนรับ นายนิรัตน์ ทรัพย์ทวีธรรม ผู้อำนวยการ ฝ่ายอาวุโส ฝ่ายสถาบันวิทยาการประกันภัยระดับสูงและผู้อำนวยการหลักสูตร วปส. รุ่นที่ 12  นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ตัวแทนผู้บริหาร วปส. รุ่นที่ 12 พร้อมคณะผู้บริหารผู้ทรงคุณวุฒิอบรมหลักสูตรวิทยาการประกันภัยระดับสูง (วปส.) รุ่นที่ 12 ภายในงานยังได้มีการบรรยายถึงการดำเนินงานของบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้ นางวิชชุดา ไตรธรรม ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง โครงการทิพยประกันภัยสืบสานนวัตกรรมศาสตร์พระราชา ที่บริษัทฯ จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 จนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังได้รับเกียรติจาก ดร.ดนัย จันทร์เจ้าฉายประธานมูลนิธิธรรมดี  กล่าวถึงโครงการศาสตร์พระราชาและหลักแนวคิดตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างมั่นคงและยั่งยืน ​ ​ในโอกาสนี้ คณะผู้ทรงคุณวุฒิยังได้เข้าเยี่ยมชมระบบงานต่าง ๆ อาทิ ห้อง Inspiration Chamber (TIP IC) ซึ่งเป็นพื้นที่ทำงานแบบ Co-Working Space ที่ออกแบบและติดตั้งอุปกรณ์ล้ำสมัยด้วยนวัตกรรมการใช้งานแบบ 360 องศา และ CSC Room ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการสำหรับสินไหมรถยนต์เพื่อมอนิเตอร์การปฏิบัติงานของพนักงานสำรวจภัย และสามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นห้อง War Room ควบคุมระบบสินไหมในกรณีเกิดภัยพิบัติได้ทันที ​ภายในงานยังมีบูธจากบริษัท ดี พี เซอร์เวย์ แอนด์ลอว์ จำกัด ผู้นำในการให้บริการสำรวจภัยครบวงจร และบูธจาก บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน) ประกันภัยออนไลน์ 100% แห่งแรก ซึ่งทั้ง 2 บริษัทนี้ อยู่ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท…

Read More

ดร.พงษ์ภาณุ ดำรงศิริ ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมประกันวินาศภัยไทย นำทีมเจ้าหน้าที่สมาคมฯ ร่วมออกบูธจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ภายในงาน “เที่ยวไทยอุ่นใจ ประกันภัยคุ้มครอง” ตามโครงการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ประกันภัยเชิงรุกสู่ระดับภูมิภาคอย่างยั่งยืน ปี 2567 เพื่อส่งเสริมให้ระบบประกันภัยได้เข้ามามีส่วนช่วยในการบริหารความเสี่ยงภัยของผู้ประกอบการท่องเที่ยว และบรรเทาความเสียหายของผู้ประสบภัยหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ณ ห้องประชุมเกษมจาติกวณิช เขื่อนภูมิพล อำเภอสามเงา จังหวัดตาก เมื่อเร็ว ๆ นี้

Read More

ธนชาตประกันภัย และ ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ผสานพลังบุญร่วมฉลองการจัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษา จ.อุบลราชธานี ประจำปี 2567 มอบโปรโมชันพิเศษให้กับลูกค้า เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยจากธนชาตประกันภัย ค่าเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 8,000 บาทขึ้นไป รับฟรี! บัตรของขวัญโลตัส มูลค่า 300 บาท พิเศษยิ่งขึ้น! เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยอุบัติเหตุ PA Care in Car และประกันภัยบ้าน ที่มีค่าเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 8,000 บาทขึ้นไป จะได้รับบัตรของขวัญโลตัส มูลค่า 500 บาท จำนวนจำกัด! แล้วพบกันที่ทีทีบีทุกสาขาใน จ.อุบลราชธานี ตั้งแต่วันที่ 15 – 22 กรกฎาคม 2567   เทศกาลงานประเพณีแห่เทียนพรรษา จังหวัดอุบลราชธานี ถือเป็นเทศกาลงานบุญยิ่งใหญ่ของชาวอีสานที่ได้รับแรงศรัทธาจากคนไทยทั่วประเทศและมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งธนชาตประกันภัย และ ทีทีบี ได้ให้ความสำคัญกับการสืบสานงานประเพณีแห่เทียนพรรษาของ จ.อุบลราชธานี และร่วมให้การสนับสนุนการจัดงานต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 นอกจากการร่วมกิจกรรมสร้างพลังบุญในงานประเพณีฯแล้ว ในปีนี้ยังได้จัดโปรโมชันพิเศษมอบให้กับลูกค้าในช่วงเวลาของการจัดงาน เพื่อให้สายบุญได้เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยของธนชาตประกันภัย ที่มีความคุ้มครองให้ครบทุกความต้องการของลูกค้า โดยเมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยจากธนชาตประกันภัย ที่มีค่าเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 8,000 บาทขึ้นไป จะได้รับบัตรของขวัญโลตัส มูลค่า 300 บาท (จำนวนจำกัด) และพิเศษยิ่งขึ้น! เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยอุบัติเหตุ PA Care in Car และประกันภัยบ้าน ที่มีค่าเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 8,000 บาทขึ้นไป รับบัตรของขวัญโลตัส มูลค่า 500 บาท (จำนวนจำกัด) เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 – 22 กรกฎาคม 2567 ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดและซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยของธนชาตประกันภัย ได้ที่ ทีทีบี สาขาใน จ.อุบลราชธานี ได้แก่ สาขาอุบลราชธานี, สาขาอุบลราชธานี (ถนนชยางกูร), สาขาวารินชำราบ, สาขาถนนพรหมราช-อุบลราชธานี และสาขาเซ็นทรัลพลาซา อุบลราชธานี  และติดตามความเคลื่อนไหวของกิจกรรมดี ๆ จาก ธนชาตประกันภัยได้ทางเฟซบุ๊กธนชาตประกันภัย : Thanachartinsurance – TNI และ Line Official Account “ธนชาตประกันภัย”…/ #ธนชาตประกันภัย #ดูแลไวตรงใจคุณ #ThanachartInsurance #งานประเพณีแห่เทียนพรรษา2567 #แห่เทียนอุบล #อุบลราชธานี #UbonCandleFestival2024

Read More

  ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี มอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือบัตรเครดิต ttb บัตรเครดิต ttb Global House และบัตรกดเงินสด ttb  เมื่อซื้อ Samsung Galaxy Z Fold6 | Z Flip6 ทุกรุ่นที่ร่วมรายการ สำหรับรายการแบ่งชำระ 0% pay plan นานสูงสุด 36 เดือน กับร้านค้าที่ร่วมรายการทั้งช่องทางสาขา และช่องทางออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ รับเครดิตเงินคืนรวมสูงสุด 25% รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 10% ที่ samsung.com / รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 7% ที่ TG / รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 5% ที่ True Shop  (DTAC in True Shop), True Store Online และ dtac online store / รับเครดิตเงินคืน 4% และพิเศษระหว่างวันที่ 10 ก.ค. 2567 – 31 ก.ค. 2567 รับเครดิตเงินคืน 500 บาท ที่ BaNANA, KingKong Phone, true by Com7 และ www.bnn.in.th / รับเครดิตเงินคืน 4% ที่ AIS Shop / รับเครดิตเงินคืน 3% ที่ Jaymart, advice, J.I.B และ IT CITY | CSC พร้อมรับคูปองส่วนลด…

Read More

บมจ. กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ในฐานะผู้นำบริษัทประกันที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม หรือ ‘Green Insurer’ นำโดย คุณ ลาทีฟา ซาอีด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและการสื่อสารองค์กร แอกซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล มาร์เก็ต (แถวหลัง คนที่ 6 จากซ้าย) พร้อมด้วยคุณบุปผาวดี โอวรารินท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและภาพลักษณ์องค์กรและการสื่อสารองค์กร (แถวหลัง คนที่ 5 จากซ้าย) สานต่อนโยบายด้าน Climate Change & Biodiversity หรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความหลากหลายด้านชีวภาพ จัดโครงการ “Save Our River” โดยสนับสนุนเรือไฟฟ้า (EV boat) และติดตั้งถังขยะรีไซเคิล เพื่อช่วยการจัดการขยะจากต้นทางก่อนไหลลงสู่แม่น้ำ และทะเล  ซึ่งบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายในการช่วยลดขยะในแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 43 ตันต่อปีจากการจัดการขยะบนเรือ นอกจากนั้น เรือไฟฟ้าดังกล่าวใช้พลังงานสะอาดในการขับเครื่องยนต์ ซึ่งจะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้มากถึง 1,200 ตัน ต่อปี พร้อมกันนี้ พนักงานจิตอาสาของบริษัทฯ ได้รวมพลัง Hearts in Action ช่วยเก็บขยะในแม่น้ำเจ้าพระยา และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อช่วยสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม และป้องกันมลพิษทางน้ำก่อนไหลลงสู่ทะเล และกลายเป็นขยะทะเลที่เป็นปัญหาใหญ่ด้านสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันซึ่งกิจกรรมดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อม สู่ความยั่งยืนของสังคมไทย พร้อมทั้งสอดคล้องกับเป้าหมายสูงสุดของบริษัทฯ ที่จะอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป สำหรับท่านใดที่สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมติดตามกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ ของบริษัทฯ ได้ที่ https://www.facebook.com/Hearts.in.action.volunteersหรือ สอบถามได้ที่ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 1159 ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

Read More

บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต โดยคุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ (CEO) และคุณสมชัย อาภรณ์ศิริพงษ์ รองกรรมการผู้จัดการ นำคณะผู้บริหารฝ่ายขายช่องทางที่ปรึกษาประกันชีวิต  เข้าร่วมงานสัมมนาครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี “THAIFA Convention 2024 : The Secret of Success”  จัดโดยสมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน(THAIFA) เพื่อพัฒนาความรู้และประสิทธิภาพในการทำงานขายของที่ปรึกษาประกันชีวิตทั่วประเทศ โดยมีวิทยากรชั้นนำมาร่วมแชร์ประสบการณ์และแบ่งปันแนวคิดในการทำงานสู่ความสำเร็จ อาทิ การทำงานด้วยความรักและความมุ่งมั่น การวางแผนการเงินและการประกันชีวิตเพื่อปกป้องครอบครัว รวมถึงการใช้แนวทาง และเทคนิคใหม่ ๆ ในการทำงานและการดูแลลูกค้าอย่างมืออาชีพ โดยงานจัดขึ้นที่ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี OCEAN LIFE ไทยสมุทร ไม่หยุดใช้พลังความรักพัฒนาที่ปรึกษาประกันชีวิตกว่า 14,000 คนทั่วประเทศ ให้มีความเป็นมืออาชีพที่เข้าใจความต้องการและความจำเป็นในการทำประกันชีวิตเพื่อปิดความเสี่ยงในโลกยุคใหม่ พร้อมและยินดีให้บริการมอบคำแนะนำที่ดีที่สุดกับลูกค้าทุกคน สนใจร่วมติดตามข่าวสาร และกิจกรรมดี ๆ ได้ที่  OCEAN CLUB APP / LINE / Facebook / Instagram / Youtube : oceanlife  เว็บไซต์ www.ocean.co.th หรือติดต่อศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์  1503

Read More

12 ก.ค. 67 กลุ่มทิสโก้ แจ้งผลประกอบการงวดครึ่งแรกของปี 2567 มีกำไรสุทธิ 3,482 ล้านบาท ลดลง 4.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากการตั้งค่าใช้จ่ายสำรองสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตและต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน ทิสโก้พร้อมเดินหน้าดูแลช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มอย่างใกล้ชิด ควบคู่กับการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับคนไทย ในฐานะ “Your Trusted Financial Advisor” สถาบันการเงินที่คุณเชื่อมั่นไว้วางใจได้ นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ (Mr. Sakchai Peechapat, Group Chief Executive, TISCO Financial Group Public Company Limited) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 แม้จะมีแรงหนุนในภาคบริการจากการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง ภาคการส่งออกที่เห็นสัญญาณฟื้นตัว และแรงส่งจากการใช้จ่ายภาครัฐที่เริ่มกลับมาเร่งตัวขึ้นหลังพ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 มีผลบังคับใช้ แต่ภาพโดยรวมยังคงเปราะบางและมีปัจจัยกดดันในหลายด้าน โดยเฉพาะภาคการผลิตและการลงทุนภาคเอกชนยังขยายตัวในระดับต่ำ จากปัญหาเชิงโครงสร้างและความสามารถในการแข่งขันที่ปรับลดลง ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชะลอตัวจากปัญหาหนี้ครัวเรือนและค่าครองชีพที่ทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง ยอดขายรถยนต์ใหม่ในประเทศหดตัวลงอย่างรุนแรงจากกำลังซื้อที่ถดถอย รวมถึงคุณภาพหนี้สินที่มีแนวโน้มด้อยลง ท่ามกลางความท้าทาย ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 กลุ่มทิสโก้มีกำไรสุทธิ 3,482 ล้านบาท ลดลง 4.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะงวดไตรมาส 2/2567 มีกำไรสุทธิ 1,749 ล้านบาท ลดลง 5.7% จากไตรมาส 2 ของปีก่อนหน้า สาเหตุหลักจากการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและแรงกดดันด้านคุณภาพสินทรัพย์ ขณะที่ต้นทุนทางการเงินปรับตัวสูงขึ้นตามภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น แต่ยังได้แรงหนุนจากการเติบโตของสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อจำนำทะเบียนผ่านการขยายสาขาสมหวัง เงินสั่งได้ ส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากกำไรจากเงินลงทุน ขณะที่ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจหลักชะลอตัวลงตามภาวะตลาดทุนที่ผันผวน และธุรกิจนายหน้าประกันภัยที่ซบเซา ในระยะข้างหน้า กลุ่มทิสโก้  ยังคงมุ่งดำเนินธุรกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ “Sustainable Focus” การขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างมีคุณภาพบนพื้นฐานการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม พร้อมเพิ่มความระมัดระวังรอบคอบในการดำเนินธุรกิจ ขณะเดียวกันจะเดินหน้าเติมเต็มโอกาสทางการเงินเพื่อสร้างความมั่งคั่งและมั่นคงให้แก่ลูกค้า ควบคู่กับการติดตามดูแลลูกค้าในกลุ่มเปราะบางอย่างใกล้ชิด “ในช่วงที่เหลือของปีนี้ กลุ่มทิสโก้ จะเน้นดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบและเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยวางกลยุทธ์ ESG in Action ให้สอดรับกับกระบวนการทำงานและการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะในมุมการยกระดับความเป็นอยู่และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแก่สังคม ซึ่งที่ผ่านมาเราดำเนินการอย่างเข้มข้นเพื่อให้คนไทย “ปลดหนี้และมีเงินออม” อาทิ การจัดกิจกรรม Smart HR Fin Coach ติวเข้มความรู้การเงินให้หน่วยงานทรัพยากรบุคคล (HR) ของบริษัทนายจ้าง ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพทิสโก้ เพื่อการส่งต่อแนวทางการวางแผนทางการเงินสู่วงกว้าง นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาเครื่องมือเสริมทักษะทางการเงินในหลายรูปแบบ โดยเน้นให้เข้าใจง่าย สนุก และใช้งานได้จริง เพื่อให้สามารถบริหารจัดการเงินทองได้อย่างเหมาะสม ทั้งด้านการลงทุน การออม และหนี้สิน เพิ่มเติมจากกิจกรรมที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมฉลาดเก็บ ฉลาดใช้ กิจกรรมรู้ไว้เข้าใจหนี้ ค่ายสมหวัง สร้างโอกาส รวมถึงการให้คำปรึกษาเรื่องการรวมหนี้เพื่อช่วยให้ลูกค้ามีภาระดอกเบี้ยที่ลดลง พร้อมให้ความช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบางในเชิงรุกผ่านการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เป็นต้น”  สรุปผลประกอบการสำหรับงวดไตรมาส 2 และครึ่งปีแรกของปี 2567 ผลการดำเนินงานของกลุ่มทิสโก้สำหรับไตรมาส 2 ปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 1,749 ล้านบาท ลดลง 5.7% จากไตรมาส 2 ปี 2566 สาเหตุหลักมาจากสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss – ECL) ที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่เพิ่มขึ้น ในส่วนของรายได้รวมจากการดำเนินงานเติบโต 5.5% ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการรับรู้กำไรจากเงินลงทุน และรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจวาณิชธนกิจจากการเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 0.9% ตามสินเชื่อที่เติบโตเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปีก่อนหน้า ในขณะที่ต้นทุนทางการเงินยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นในตลาด ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์และธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุนฟื้นตัวเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ธุรกิจหลักทรัพย์ยังคงซบเซา เป็นไปตามมูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่หดตัว ด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานปรับตัวลดลงจากค่าใช้จ่ายพนักงานและค่าใช้จ่ายทางการตลาด สำหรับผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกของปี 2567 กำไรสุทธิมีจำนวน 3,482 ล้านบาท ลดลง 4.5% จากครึ่งปีแรกของปี 2566 เนื่องมาจากผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss – ECL) ที่เพิ่มขึ้น ด้านรายได้รวมจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 3.8% จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ขยายตัว 3.1% ตามการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ ประกอบกับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับตัวดีขึ้น 5.5% จากกำไรจากเงินลงทุน และรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจวาณิชธนกิจ ในขณะที่ค่าธรรมเนียมธุรกิจธนาคารพาณิชย์อ่อนตัวลง จากธุรกิจนายหน้าประกันภัย ตามปริมาณการปล่อยสินเชื่อใหม่ที่ชะลอตัว อีกทั้ง ค่าธรรมเนียมธุรกิจหลักทรัพย์ปรับลดลงตามมูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ซบเซา ทั้งนี้ บริษัทมีอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (ROAE) สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2567 อยู่ที่ 16.6% เงินให้สินเชื่อรวมของกลุ่มทิสโก้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 มีจำนวน 233,448 ล้านบาท ลดลง 0.6% จากสิ้นปี 2566 สาเหตุหลักมาจากการชะลอตัวของสินเชื่อเช่าซื้อ สอดคล้องกับยอดขายรถยนต์ในประเทศที่หดตัวลง ในขณะที่สินเชื่อธุรกิจ สินเชื่อ SME และสินเชื่อจำนำทะเบียนยังคงขยายตัว แต่เติบโตในอัตราที่ช้าลง โดยในช่วงที่ผ่านมา บริษัทเพิ่มความระมัดระวังและรอบคอบในการปล่อยสินเชื่อใหม่ท่ามกลางสภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ณ สิ้นไตรมาสนี้ อยู่ที่ 2.4% ของสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อนหน้า เป็นผลมาจากการขยายสินเชื่อไปในกลุ่มที่มีอัตราผลตอบแทนสูง และผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า โดยบริษัทมุ่งเน้นการติดตามทวงถามหนี้อย่างใกล้ชิด รวมถึงดำเนินนโยบายการบริหารความเสี่ยงและตั้งสำรองอย่างรัดกุม และมีระดับค่าเผื่อสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Coverage Ratio) อยู่ที่ 162.7% ธนาคารทิสโก้ยังคงรักษาระดับฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง โดยมีประมาณการอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ที่ 20.6% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 11.0% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย และมีอัตราเงินกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 18.6% และ 2.0% ตามลำดับ

Read More

  อลิอันซ์ เอเชียแปซิฟิก เปิดตัวโครงการ #SHEsecures เสริมสร้างศักยภาพผู้หญิงในอุตสาหกรรมประกันภัย ตอกย้ำความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของอลิอันซ์​ เอเชียแปซิฟิกในเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ การไม่แบ่งแยก และความหลากหลาย   โครงการ #SHEsecures มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ทุกคนร่วมกันทำงานอย่างไม่มีการแบ่งแยก ซึ่งเป็นความท้าทายที่ผู้หญิงในแวดวงการจัดจำหน่ายประกันภัยที่มีการแข่งขันสูงและซับซ้อนต้องเผชิญ อลิอันซ์จะจัดให้มีการฝึกอบรมและการสนับสนุนด้านการศึกษาที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ โอกาสในการสร้างเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ปรับให้เหมาะสม เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และอื่น ๆ อีกมากมายซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามนี้ อีกทั้ง ยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในอุตสาหกรรมประกันภัย เพื่อช่วยให้ผู้หญิงมีความเป็นเลิศในบทบาทของตนเอง และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในธุรกิจ อลิอันซ์ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของผู้หญิงในอาชีพตัวแทนประกันภัย โดยท่ามกลางตลาดในเอเชียที่เติบโตอย่างรวดเร็ว หัวหน้าตัวแทนและตัวแทนของอลิอันซ์มากถึง 59% เป็นผู้หญิง ซึ่งมีส่วนในการสร้างเบี้ยประกันภัยรายปีถึง 65% ของเบี้ยประกันภัยรายปีทั้งหมด และมากถึง 70% ของผู้เข้ารอบคัดเลือก Million Dollar Roundtable (MDRT) ของอลิอันซ์เป็นผู้หญิงอีกด้วย ซึ่งตอกย้ำถึงความทุ่มเทที่สำคัญต่อความเป็นมืออาชีพ และมีบทบาทสำคัญในการปกป้องครอบครัวหลายล้านครอบครัว รวมถึงการมอบอิสรภาพทางการเงินแก่ผู้ถือกรมธรรม์และลูกค้า อนุชา ทวารัจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาคของอลิอันซ์ เอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า #SHEsecures เป็นโครงการที่ริเริ่มเป็นโครงการแรกในธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงิน เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะนำเสนอกิจกรรมลักษณะนี้ ซึ่งจะช่วยให้หัวหน้าตัวแทนและพนักงานผู้หญิงของเราประสบความสำเร็จทั้งในด้านอาชีพและส่วนตัว ด้วยการส่งเสริมสภาพแวดล้อมของการเรียนรู้และประสบการณ์ร่วมกัน #SHEsecures จะช่วยให้บุคคลเหล่านั้นบรรลุศักยภาพสูงสุดและสร้างสังคมที่มีความยืดหยุ่นและความหลากหลายมากขึ้น” โมหิด บาโฮเรีย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทน กลยุทธ์ การตลาดและดิจิทัลประจำภูมิภาคของอลิอันซ์เอเชียแปซิฟิก กล่าวเพิ่มเติมว่า การให้ความสำคัญกับการเพิ่มศักยภาพให้กับตัวแทนและหัวหน้าตัวแทนของเราด้วยกิจกรรม #SHEsecures แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาและดูแลผู้ที่มีความสามารถในองค์กร เรามุ่งมั่นที่จะลงและพัฒนาในตัวพวกเขา ผ่านเวิร์กชอปพิเศษ โปรแกรมการฝึกอบรมและการพัฒนาความเป็นผู้นำที่ทันสมัย การให้คำปรึกษาและการฝึกสอนอันทุ่มเทเพื่อให้ทีมของเรามีเครื่องมือและการสนับสนุนที่จำเป็นในการบรรลุความเป็นเลิศในอาชีพ เป้าหมายของเราคือการสร้างสถานที่ทำงานที่ทุกคนทำงานร่วมกันอย่างไม่แบ่งแยก ซึ่งเรารับฟังและเห็นคุณค่าของทุกเสียงของพนักงานอย่างเท่าเทียมกัน อลิอันซ์ เอเชียแปซิฟิกจะยังคงลงทุนเพื่อการพัฒนาตัวแทนขายของเราต่อไป โดยให้การสนับสนุนที่จำเป็นในการพัฒนาทักษะที่ปรึกษาทางการเงินที่ดีที่สุดและมอบบริการที่เป็นเลิศให้กับลูกค้าของเรา”

Read More