Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ย้ำ ! ประกันโรคร้ายแรงสำคัญต่อแผนการเงิน ช่วยลดความเสี่ยงค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพนอกโรงพยาบาล เช่น ค่าจ้างผู้ดูแล ค่ากายภาพ ค่าปรับปรุงที่พักอาศัย ค่ายานอกบัญชี แนะทำคู่ประกันสุขภาพยิ่งอุ่นใจ พร้อมเปิดวิธีเลือกประกันให้คุ้มค่า เน้นมองหากรมธรรม์ที่ครอบคลุมหลายโรค จ่ายผลประโยชน์สูงตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และไม่มีระยะเวลารอคอยระหว่างกลุ่มโรค นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ Head of Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าธนาคารทิสโก้แนะนำคนไทยต้องมีประกันโรคร้ายแรง เพื่อช่วยปิดความเสี่ยงแผนการเงินไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยควรทำควบคู่กับประกันสุขภาพ เพื่อปิดความเสี่ยงทั้งค่าใช้จ่ายภายในโรงพยาบาล เช่น ค่ารักษา ค่าห้อง และค่าใช้จ่ายนอกโรงพยาบาล เช่น ค่าจ้างพยาบาลหรือค่าเสียโอกาสของคนในครอบครัวที่ต้องมาดูแล ค่ากายภาพ ค่าปรับปรุงที่พักอาศัย ค่ายานอกบัญชี และค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปพบแพทย์เพื่อติดตามอาการ นอกจากนี้ ค่าเบี้ยประกันโรคร้ายแรงไม่ได้สูงอย่างที่หลายคนเข้าใจ เริ่มต้นเพียงหลักพันบาทต่อปีแต่ได้รับความคุ้มครองหลักล้านบาท เช่น หากผู้เอาประกันอายุ 40 ปี ค่าเบี้ยจะเริ่มต้นที่ประมาณ 5,000 บาท ได้ความคุ้มครองโรคร้ายแรง 1 ล้านบาท หรือหากต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากขึ้น เช่น ต้องการความคุ้มครองโรคร้ายแรง 5 ล้านบาท ค่าเบี้ยจะอยู่ที่ประมาณ 21,000 บาท “ค่าใช้จ่ายในการรักษาที่โรงพยาบาลอาจใช้สวัสดิการหรือประกันสุขภาพมาจ่ายได้ แต่ค่าใช้จ่ายนอกโรงพยาบาลเฉลี่ยประมาณเดือนละ 40,000-50,000 บาท หากไม่มีประกันโรคร้ายแรงซึ่งมักจะเป็นประกันที่จ่ายเงินก้อนเมื่อตรวจพบโรคอาจทำให้ผู้ป่วยหรือครอบครัวต้องแบกรับไว้เองซึ่งอาจกระทบต่อเงินเก็บที่มีอยู่ ยิ่งถ้าหากโรคร้ายแรงนั้นกินระยะเวลาในการฟื้นตัวนานราว 5 – 10 ปี ก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 10 ล้านบาท นอกจากนี้ หากเป็นโรคร้ายแล้วไม่สามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติ ต้องพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านเป็นเวลานานก็ทำให้ขาดรายได้จากการทำงานอีกด้วย ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้เราสามารถโอนความเสี่ยงไปที่บริษัทประกันได้ผ่านการทำประกันโรคร้ายแรง” นายณัฐกฤติกล่าว สำหรับวิธีการเลือกประกันโรคร้ายแรง ควรเลือกประกันโรคร้ายแรงที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมในหลากหลายกลุ่มโรค เช่น กลุ่มโรคมะเร็ง กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด กลุ่มโรคเกี่ยวกับอวัยวะและระบบการทํางานที่สําคัญ รวมถึงโรคยอดฮิตของผู้สูงอายุ เช่น กลุ่มภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน โรคสมองเสื่อม เป็นต้น นอกจากนี้ประกันโรคร้ายแรงที่ดีควรจะจ่ายผลประโยชน์ให้ครอบคลุมครบถ้วนตั้งแต่ระยะเริ่มต้นในอัตราที่สูง และที่สำคัญต้องไม่มีระยะเวลารอคอยระหว่างกลุ่มโรค เนื่องจากโรคร้ายแรงเป็นโรคที่ต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องและมักเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ทั้งนี้ จากสถิติกรมควบคุมโรคและกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ปี 2566 พบว่าคนไทยเสี่ยงเป็นโรคร้ายแรงในกลุ่มโรค NCDs (Non-Communicable…
Author: staff
บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR โดย นายมิ่งขวัญ ประเสริฐศิวพร ผู้ช่วยผู้จัดการงานส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการเงิน และ นายปรเมษ บุญเศรษฐ ผู้เชี่ยวชาญการฝึกอบรมงานส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการเงิน นำทีมงานส่งเสริมความรู้ลงพื้นที่ในชุมชนท่องเที่ยวบ้านมุงเหนือ ต.บ้านมุง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก เพื่อส่งเสริมความรู้ด้านการเงิน ทั้งด้านการออม และการปลดหนี้ รวมถึงยังส่งเสริมความรู้ด้านประกันภัยประเภทต่างๆ ทั้ง พ.ร.บ., ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ, ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล และประกันภัยประเภทอื่นๆ เพื่อสร้างการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการทำประกันภัย ซึ่งทำหน้าที่บรรเทาภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ไม่คาดคิด โดยยังคงจัดกิจกรรมในรูปแบบที่สนุก (Activity Base) ชวนคิด วิเคราะห์ แยกแยะ เพื่อให้ชาวชุมชนได้รับความรู้ไปพร้อมกับเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์และจุดเด่นของกิจกรรมส่งเสริมความรู้ด้านการเงิน (Financial Education) ของ บมจ.เงินติดล้อ ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับสายการบิน Thai AirAsia ภายใต้โครงการ Journey D โครงการที่ทำงานร่วมกับชุมชนเพื่อส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวให้มีมาตรฐานที่ดีขึ้น เพื่อให้เกิดความยั่งยืนภายในชุมชน ผ่านความร่วมเมือกับหน่วยงานพันธมิตรและเครือข่ายมากกว่า 4 แห่ง อาทิ Thai AirAsia, TIDLOR, Punpro และ Find Folk ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่หลากหลาย แต่มีเป้าหมายเดียวกันคือเพื่อส่งเสริมและพัฒนาความเป็นอยู่ให้ชาวชุมชนมีชีวิตที่ดีขึ้น รวมถึงพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนในชุมชน บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR ดำเนินธุรกิจภายใต้ความเชื่อเรื่องการสร้างโอกาสทางการเงินให้กับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ รวมถึงส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงประกันภัยเพิ่มขึ้น โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินโครงการ ‘เงินติดล้อ นำความรู้สู่ชุมชน เพื่อชีวิตหมุนต่อได้’ ซึ่งเริ่มขึ้นในปี 2555 โดยได้พัฒนาหลักสูตรให้ความรู้พื้นฐานในการวางแผนและบริหารจัดการเงิน และความรู้ด้านประกันภัย เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาวให้แก่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือ ผู้ประกอบอาชีพอิสระที่มีรายได้ไม่สม่ำเสมอ และชาวชุมชน ซึ่งอาจขาดทักษะในการวางแผนการเงิน และนำไปสู่ปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งกลายเป็นปัญหาเรื้อรังในสังคมไทยในปัจจุบัน ซึ่งความร่วมมือที่เกิดขึ้นกับองค์กรชั้นนำต่างๆ ถือเป็นแนวทางการขยายเครือข่ายพันธมิตร ภายใต้เจตนาในการส่งเสริมความรู้ด้านการเงินและประกันภัย ให้กับประชาชนกลุ่มต่างๆ ทั่วประเทศ
บมจ.ฟิลลิปประกันชีวิต จัดงาน Phillip Society 2024 มอบรางวัลคุณวุฒิเพื่อเชิดชูเกียรติตัวแทนประกันชีวิตที่มีผลงานยอดเยี่ยมที่ได้รับคุณวุฒิสุดยอดนักขายแห่งปี Top of The Year 2023 และ ฉลองความสำเร็จแก่ตัวแทนประกันชีวิตที่ได้รับคุณวุฒิ MDRT 2024 “สโมสรล้านเหรียญโต๊ะกลม ประจำปี 2567” หรือ MDRT (Million Dollar Round Table) ซึ่งเป็นคุณวุฒิมาตรฐานระดับสากล โดยได้รับเกียรติจาก นายธฤทธิ์ พรหมนารถ กรรมการผู้จัดการ และนางสาวกันยา นำศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ร่วมเป็นประธานในพิธี และมอบรางวัลแก่ตัวแทนที่สร้างผลงานยอดเยี่ยมแสดงถึงความแข็งแกร่งของตัวแทนฝ่ายขายและการได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า งานจัดขึ้น ณ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุรวงศ์ กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆนี้ ****************************** เกี่ยวกับบริษัท ฟิลลิปประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) บริษัท ฟิลลิปประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ดำเนินงานภายใต้กลุ่มฟิลลิปแคปปิตอล เป็นกลุ่มธุรกิจการเงินขนาดใหญ่และมีความมั่นคงสูงจากประเทศสิงคโปร์ ดำเนินธุรกิจให้บริการทางการเงินและการลงทุนครบวงจรมากกว่า 45 ปี ครอบคลุมกว่า 15 ประเทศทั่วโลก
บมจ.ที คิว อาร์ (TQR) ท็อปฟอร์ม! โชว์ผลงาน 6 เดือนแรกปี 67 กำไรสุทธิ 54.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.88% อานิสงส์รายได้ธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อAlternative-Traditional โตโดดเด่น บอร์ดใจดีเคาะจ่ายปันผลระหว่างกาล เป็นเงินสดในอัตรา 0.184 บาท/หุ้น เตรียมรับทรัพย์วันที่ 6 กันยายน 2567 นี้ ฟากบิ๊กบอส “ชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์” ระบุ ลุยพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่อรูปแบบใหม่ ร่วมกับ TQM ALPHA ทั้ง ประกันภัยต่อ Personal Accident and Health-Cyber-EV-D&O ขณะที่ บริษัทร่วมทุน อาร์สแควร์ฯ คาดได้ลูกค้าเพิ่ม 1-2 ราย ภายในปีนี้ ส่วนอัลฟ่าเซคฯ หนุน Recurring Income พร้อมเดินหน้าศึกษาลงทุน M&A ในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง คาดชัดเจนปีนี้ ดันผลงานเติบโตเข้าเป้า นายชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) (TQR) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย สถานการณ์เงินเฟ้อ ภัยธรรมชาติ สังคมและสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของภาคประชาชน และนับเป็นปีแห่งความท้าทายอย่างมาก ซึ่งบริษัทฯ ได้มีการคิดค้น วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่อรูปแบบใหม่ๆ เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ในปัจจุบัน ส่งผลให้การดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 54.45ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.88% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน มีกำไรสุทธิ 51.91 ล้านบาท และมีรายได้รวม…
นายณรงค์ ขันติวิริยะกุล พร้อมด้วยนายเกรียงไกร กัลหะรัตน์ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) นายณะที ไกรลพ และนายสุนัน พงศ์ประยูร ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. ร่วมรับมอบมังคุดจากกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จำนวน 7,000 กิโลกรัม ตามโครงการความร่วมมือระหว่างกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ เพื่อดูดซับปริมาณผลผลิตในช่วงที่มีมังคุดออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมากและราคาตกต่ำ ซึ่งนอกจากได้ช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน และสร้างขวัญกำลังใจเกษตรกรแล้ว ยังเป็นการกระจายผลผลิตคุณภาพดีจากเกษตรกรสู่ผู้บริโภคโดยตรง รวมถึงช่วยรักษาเสถียรภาพด้านราคาอีกด้วย ทั้งนี้ ธ.ก.ส. จะนำผลผลิตไปกระจายต่อกับพนักงานและหน่วยงานต่างๆ อาทิ โรงเรียน และชุนชนข้างเคียงสำนักงานใหญ่ ธ.ก.ส. บางเขน โดยมีพนักงาน ธ.ก.ส. เข้าร่วม ณ หน้าห้องโถงชั้น 2 อาคารทาวเวอร์ ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี พร้อมช่วยเหลือผู้ที่กำลังผ่อนบ้าน จัดโปรพิเศษ รีไฟแนนซ์บ้านกับทีทีบี ดอกเบี้ยคงที่ปีแรกเพียง 2.25% ต่อปี พร้อมโซลูชันทางการเงินที่ช่วยลดภาระลูกค้าให้เบาลง เพื่อมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น เป็นเจ้าของบ้านได้ไว พร้อมทางเลือกในการขอวงเงินกู้เพิ่ม เพื่อรับมือเรื่องจำเป็น-รวบหนี้เป็นก้อนเดียว นายอธิศ วงศ์ศศิธร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าผลิตภัณฑ์สินเชื่อมีหลักประกัน ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ทีทีบี ในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านสินเชื่อบ้าน ตั้งใจส่งมอบความสุขและสานฝันให้กับคนมีบ้าน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระดอกเบี้ยและเสริมสภาพคล่องทางการเงินที่ดียิ่งขึ้น ผ่านโซลูชันทางการเงินให้กับลูกค้าที่ต้องการรีไฟแนนซ์บ้านกับทีทีบี จัดโปรโมชันพิเศษ ดอกเบี้ยคงที่ปีแรกเพียง 2.25% ต่อปี หรือเลือกแบบดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรกเริ่มต้นเพียง 3.39% ต่อปี พร้อมตัวช่วยให้ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่าย แบบ 3 ฟรี! ค่าจดทะเบียนจำนอง ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ และค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย อีกทั้งยังผ่อนได้นานสูงสุด 35 ปี วงเงินอนุมัติสูงสุด 100% หรือ 50 ล้านบาท โดยธนาคารมุ่งหวังช่วยให้กลุ่มคนมีบ้านได้มีทางเลือกใหม่ ๆ เพื่อลดภาระดอกเบี้ย ช่วยให้ลูกค้าปิดหนี้ได้เร็วขึ้น ทั้งยังตอบโจทย์คนที่ต้องการลดค่างวดให้เบาลง สามารถผ่อนชำระค่างวดต่อเดือนได้สบายขึ้น และมีเงินเหลือไว้สำหรับรับมือกับเรื่องสำคัญต่าง ๆ ในชีวิตได้ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน หากลูกค้าต้องการวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติม เพื่อเสริมสภาพคล่อง หรือจะใช้รวบหนี้ดอกเบี้ยสูงให้ต่ำลง มาเหลือผ่อนที่เดียวกับทีทีบี ก็สามารถเลือก รีไฟแนนซ์บ้านพร้อมกับขอวงเงินกู้เพิ่มเติม ด้วยสินเชื่อบ้านแลกเงิน ท็อปอัพ และรับข้อเสนอ ดอกเบี้ยพิเศษคงที่ 3 ปีแรก เพียง 5.45% ต่อปี (จากปกติ 6.18% ต่อปี) “สินเชื่อบ้าน นับเป็นหนึ่งในบริการทางการเงินสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้ลูกค้ามีความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ควบคู่ไปกับชีวิตทางการเงินที่ดี ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจหลักของทีทีบี ดังนั้น ทีทีบีจึงสนับสนุนให้ลูกค้ามีความรู้เพื่อกู้เงินอย่างเหมาะสม ตั้งแต่การกู้เท่าที่จำเป็นและมีความสามารถชำระคืนไหว หรือคนที่กำลังผ่อนบ้านอยู่แล้ว เราก็มีทางเลือกที่จะจัดการหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการสร้างสรรค์โซลูชันต่าง ๆ ที่จะช่วยให้ลูกค้าได้รับบริการและประสบการณ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง และวันหนึ่งข้างหน้าลูกค้าจะสามารถปิดหนี้ได้อย่างที่ตั้งใจ และต่อยอดไปสู่ชีวิตการเงินที่ดีขึ้นในมิติต่าง ๆ ต่อไป” นายอธิศ กล่าว ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือต้องการสมัครสินเชื่อบ้าน รีไฟแนนซ์ กับทีทีบี สามารถสมัครได้ 3 ช่องทางหลัก ได้แก่ 1. สาขาทีทีบี ทั่วประเทศ 2. ช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ https://ttbbank.com 3. แอป ttb touch (ลูกค้าปัจจุบัน) โดยโปรโมชันดอกเบี้ยพิเศษข้างต้น สำหรับการสมัครตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 – 31 ตุลาคม 2567 และจดจำนองภายใน 30 พฤศจิกายน 2567 นี้เท่านั้น ผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ttbbank.com/link/home-refinance-pr กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว : · สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา 4.93% – 5.36%ต่อปี · สินเชื่อบ้านแลกเงิน อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา 6.57% – 10.23% ต่อปี · อัตราดอกเบี้ย MRR = 7.83% ต่อปี ณ วันที่ 3 ต.ค. 66 · อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ · เงื่อนไขการสมัคร และอนุมัติสินเชื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด
นายเธียรวิทย์ หาญเมธีคุณา ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการภาค 3 (ภาคตะวันออก) ด้านสาขา บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นประธานเปิดโครงการ “วิริยะจิตอาสา ฟื้นคอนโดปู สู่ป่าชายเลน” โดยมี คุณประเมิน สุขวารี ประธานกลุ่มอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) ให้เกียรติต้อนรับ พร้อมทำหน้าที่เป็นวิทยากร นำทีมวิริยะจิตอาสา พนักงาน และตัวแทนนายหน้า ในพื้นที่ฝ่ายปฏิบัติการภาค 3 (ภาคตะวันออก) ร่วมกิจกรรมการทำคอนโดปู เพื่อเพิ่มแหล่งเพาะพันธุ์และแหล่งอาหารแก่ปูแสม รวมถึงสัตว์น้ำนานาชนิด อันเป็นการฟื้นฟูระบบห่วงโซ่อาหารของป่าชายเลนให้กลับมาสมดุลอีกครั้ง ณ ศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศ ป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ทั้งนี้ ทางบริษัทฯ ได้ดำเนินโครงการ “วิริยะจิตอาสา ฟื้นคอนโดปู สู่ป่าชายเลน”มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2559 ด้วยเล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาการสูญพันธุ์ของปูแสม ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบนิเวศและวิถีชีวิตของชาวบ้านในชุมชน ดังนั้น จึงมีการส่งเสริมให้ผู้บริหาร พนักงาน และตัวแทนของบริษัทฯ ที่ประจำการใกล้กับพื้นที่อนุรักษ์ดังกล่าว ได้มีส่วนร่วมในการฟื้นฟูทรัพยากรทางธรรมชาติ เพื่อรักษาแหล่งอาหารและแหล่งประกอบอาชีพ ให้คงอยู่คู่กับชุมชน รวมถึงรักษาแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ให้ประชาชนทั่วไปได้ศึกษาเรียนรู้ เพื่อสร้างจิตสำนึกในการรักษาสิ่งแวดล้อมที่ดีแก่สังคมสืบไป
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการธนาคารออมสินมีมติอนุมัติต่อสัญญาจ้างให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เป็นสมัยที่ 2 มีผลเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา พร้อมทั้งเห็นชอบกรอบทิศทางการดำเนินงานธนาคารระยะ 4 ปี (2568 -2572) ที่ก้าวต่อไปของธนาคารออมสินจะยังคงจุดยืนการเป็นธนาคารเพื่อสังคม โดยตั้งเป้าปรับลดกำไรลงมาอยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อขยายผลการสร้างผลลัพธ์เชิงบวกต่อสังคม (Social Impact) ซึ่งจะทำให้ธนาคารสามารถทำภารกิจและโครงการช่วยเหลือประชาชนและสร้างประโยชน์ให้สังคมได้มากขึ้น ผ่านบทบาทพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ได้แก่ 1) บทบาทการเพิ่ม/ขยายโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างทั่วถึง 2) บทบาทการแก้ปัญหาหนี้สิน 3) บทบาทการพัฒนาชุมชน/สังคม และ 4) บทบาทการสนับสนุนภาครัฐดำเนินนโยบายและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นบทบาทใหม่ที่จะช่วยขับเคลื่อนขยายผลการสร้าง Social Impact ทั้งในเชิงลึกและวงกว้างมากขึ้น เป็นการทำให้เกิดความชัดเจนว่าบทบาทการช่วยเหลือสังคมทั้ง 4 ด้านนี้ มีความสำคัญเหนือกว่าภารกิจการสร้างอัตรากำไรทางธุรกิจ นอกจากนี้ ธนาคารวางแผนเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐแห่งแรกที่มีการบริหารงานแบบกลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย บริษัท มีที่มีเงิน จำกัด ให้บริการสินเชื่อที่ดินและขายฝาก บริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการหนี้ NPL และ NPA บริษัท เงินดีดี จำกัด ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลกลุ่มลูกค้าฐานราก ผ่านแอปพลิเคชัน “Good Money” และบริษัท จีเอสบี ไอที แมเนจเมนท์ จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อยกระดับความสามารถด้านเทคโนโลยีสนับสนุนธนาคาร ทั้งนี้ ด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาล ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ได้เห็นชอบการปรับเป้าหมายการดำเนินงานของธนาคาร ทำให้ธนาคารสามารถออกมาตรการหรือจัดทำโครงการที่สร้างผลลัพธ์เชิงบวกได้มากขึ้น อาทิ โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) โครงการสินเชื่อสร้างงานสร้างอาชีพ รวมถึงมาตรการลดดอกเบี้ยเพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย และแก้ปัญหาหนี้สิน จากความสำเร็จของ “ธนาคารเพื่อสังคม” ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบันธนาคารสามารถสร้างผลลัพธ์เชิงบวกต่อสังคม มีผู้ได้รับประโยชน์ผ่านโครงการและมาตรการต่าง ๆ เช่น การช่วยประชาชนกลุ่มเครดิตต่ำและไม่มีเครดิตให้เข้าถึงแหล่งเงินในระบบแล้วกว่า 3 ล้านคน มีผู้เข้าถึงดอกเบี้ยที่เป็นธรรมแล้วกว่า 5…
ธนาคารไทยพาณิชย์ ร่วมขับเคลื่อนภาคธุรกิจไทยก้าวสู่ความยั่งยืนตามนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมงาน “Financing the Transition การเงินเพื่อการปรับตัวสู่ความยั่งยืนของภาคธุรกิจ” ประกาศความพร้อมนำลูกค้าธุรกิจโรงแรมและบริการภายใต้พอร์ตสินเชื่อกว่า 1.34 แสนล้านบาท เปลี่ยนผ่านสู่โรงแรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Hotel) รองรับเทรนด์การท่องเที่ยวแห่งอนาคต มอบโครงการสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนและเพิ่มประสิทธิภาพ ตั้งเป้าช่วยลูกค้าโรงแรมทุกระดับในพอร์ตให้ก้าวสู่ธุรกิจสีเขียว พร้อมนำประเทศไทยยืนหนึ่งสู่จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืนของโลก นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์กล่าวว่า ธนาคารไทยพาณิชย์พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการนำลูกค้าภาคธุรกิจปรับตัวรับความยั่งยืน ด้วยการสนับสนุนเงินทุนเพื่อการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืนให้ธุรกิจในประเทศไทยได้ร่วมกันปรับองค์กรเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม การเข้าร่วมงาน Financing the Transition ครั้งนี้ ธนาคารได้ร่วมแสดงวิสัยทัศน์บทบาทของธนาคารในการขับเคลื่อนความยั่งยืน โดยเน้นไปที่กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและการบริการซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทย ปัจจุบันธนาคารไทยพาณิชย์เป็นผู้นำการสนับสนุนอุตสาหกรรมโรงแรมมากที่สุดในประเทศไทย ด้วยพอร์ตสินเชื่อคงค้างรวมกว่า 134,000 ล้านบาท และได้วางแผนการดำเนินงานเพื่อช่วยลูกค้าของธนาคารทั้งพอร์ตธุรกิจนี้ให้สามารถปรับธุรกิจให้เป็น Green Hotel ทั้งกระบวนการเพื่อยกระดับสู่องค์กรยั่งยืนได้ ในปัจจุบัน เศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัวอย่างเปราะบาง โดยมีเพียงภาคการท่องเที่ยวที่จะเป็นแรงผลักดันการเติบโตให้แก่ประเทศอย่างต่อเนื่องต่อไปได้ และยังคงเป็นกำลังสำคัญของเศรษฐกิจไทย ด้วยสัดส่วนรายได้ท่องเที่ยวต่อจีดีพีกว่า 18% และมีสัดส่วนการจ้างแรงงานมากกว่า 20% ทั้งนี้ โจทย์ที่ท้าทายภาคการท่องเที่ยวในปัจจุบัน คือการพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืนให้เกิดขึ้นได้จริง เพราะเทรนด์การท่องเที่ยวจากนี้ไป นักท่องเที่ยวจะมองหาทางเลือกการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์สังคม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม โรงแรมเป็นธุรกิจที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมต่างๆ อย่างมีนัย ซึ่งมีผลต่อสภาวะโลกร้อน ธุรกิจนี้จึงต้องรีบปรับตัวอย่างเร่งด่วน โดยธนาคารจะให้การสนับสนุนการลงทุนในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการประหยัดพลังงาน หรือเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม และลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและจัดการต้นทุน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีส่วนช่วยลดการใช้พลังงาน และลดการปล่อยคาร์บอนได้ ธนาคารไทยพาณิชย์ วางแผนนำพาผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมไปสู่โรงแรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Hotel) ผ่าน 3 แนวทางสำคัญ ประกอบด้วย การสนับสนุนการเงินเพื่อความยั่งยืนให้ลูกค้าโรงแรมทุกระดับ ด้วยโครงการสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนและเพิ่มประสิทธิภาพ กลุ่มธุรกิจโรงแรม อัตราดอกเบี้ยพิเศษสำหรับลูกค้าธุรกิจ ในกลุ่ม Mid-Corp และ เอสเอ็มอี ทั้งที่เป็นโครงการใหม่และเก่า โดยสนับสนุนทั้งโครงการที่ต้องการใบรับรองมาตรฐานและกิจกรรมความยั่งยืนของโรงแรม การสร้างความตระหนักรู้และมอบองค์ความรู้ ทั้งการจัดโครงการอบรม สัมมนา และสื่อการเรียนรู้ด้านความยั่งยืน ร่วมมือกับพันธมิตรที่เชี่ยวชาญด้าน Green Building, Carbon Measurement เพื่อให้คำแนะนำและโซลูชั่นแก่ลูกค้า “ธุรกิจโรงแรมมีความสำคัญกับเศรษฐกิจของประเทศและต้องการการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน ไทยพาณิชย์พร้อมสนับสนุนตั้งแต่ระดับเริ่มต้นจนถึงการยกระดับสู่มาตรฐานโรงแรมระดับโลก เราเชื่อมั่นว่า ธุรกิจโรงแรมและบริการจะเป็นแรงสนับสนุนให้แก่เศรษฐกิจไทยได้อย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน รองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวได้อย่างครอบคลุม และส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืนของโลกได้”…
ธนาคารไทยพาณิชย์ร่วมกับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ขอเชิญร่วมบริจาคโลหิต ถวายสดุดี 92 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สภานายิกาสภากาชาดไทย ภายใต้โครงการ “ไทยพาณิชย์รวมใจไทยให้โลหิต” ในวันอังคารที่ 13 สิงหาคม 2567 เวลา 9.00-15.00น. ณ หอประชุมมหิศร ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ (รัชโยธิน) เพื่อเติมเต็มและส่งต่อโลหิตที่มีคุณภาพให้มีเพียงพอต่อการรักษาพยาบาลผู้ป่วยทั่วประเทศ ยังมีผู้ป่วยจำนวนมากที่กำลังรอรับโลหิตเพื่อต่อลมหายใจ สำหรับ 450 ท่านแรกที่ร่วมบริจาคโลหิต รับทันทีกระบอกน้ำ “รักษ์โลก” แทนคำขอบคุณ