นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน พร้อมคณะผู้บริหาร ร่วมพิธีถวายพระพรชัยมงคล เบื้องหน้าพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันฉัตรมงคล วันที่ 4 พฤษภาคม 2568 เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ณ ธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568
Author: staff
เอไอเอ ประเทศไทย จัดงาน AIA Annual Agency Awards Presentation 2024 เพื่อมอบรางวัลเกียรติยศให้แก่ผู้บริหารหน่วยและตัวแทนประกันชีวิตเอไอเอที่มีผลงานยอดเยี่ยมเป็น “ที่สุดแห่งปี 2567” หรือ “Of the Year 2024” รวมถึงยังได้มีการมอบคุณวุฒิต่าง ๆ เพื่อเชิดชูเกียรติแก่ตัวแทน โดยในปีนี้มีผู้บริหารหน่วยและตัวแทนเข้าร่วมงานทั้งสิ้น 4,000 ท่าน นอกจากนี้ ผู้พิชิตคุณวุฒิ MDRT 2024 มีจำนวนมากถึง 3,535 ท่าน ซึ่งนับเป็นส่วนสำคัญที่สนับสนุนให้เอไอเอ สามารถรักษาแชมป์อันดับ 1 บริษัทที่มีจำนวน MDRT มากที่สุดในประเทศไทยและระดับโลก สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพ ความสามารถ และความมุ่งมั่นของพลังตัวแทนเอไอเอ ประเทศไทย ที่ต้องการส่งมอบความคุ้มครองและความมั่นคงทางด้านสุขภาพกาย สุขภาพใจ และสุขภาพทางการเงินให้แก่คนไทยทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’ ในงาน AIA Annual Agency Awards Presentation 2024 ได้รับเกียรติจาก คุณวสุมดี วสีนนท์ รองเลขาธิการ ด้านกำกับคนกลางและประกันภัยภูมิภาค สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เป็นประธานในพิธี พร้อมขึ้นกล่าวแสดงความยินดีแก่ผู้บริหารหน่วยและพลังตัวแทนที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ อีกทั้งยังได้รับเกียรติจาก คุณหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ ที่ได้ร่วมส่งข้อความแสดงความยินดีและยกย่องถึงความสามารถของพลังตัวแทนทุกท่าน นอกจากนี้ คณะผู้บริหารจากกลุ่มบริษัทเอไอเอ และเอไอเอ ประเทศไทย นำโดย คุณตัน ฮาค เลห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารระดับภูมิภาค ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี กรรมการอิสระ กลุ่มบริษัทเอไอเอ และประธานที่ปรึกษากรรมการ เอไอเอ ประเทศไทย คุณไช เวย บิงประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต กลุ่มบริษัทเอไอเอ คุณนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย…
ในยุคที่วิกฤตสิ่งแวดล้อมทางทะเลกำลังทวีความรุนแรงทั่วโลก ระบบนิเวศใต้ท้องทะเลของไทยก็กำลังเผชิญกับภัยคุกคามจากการกระทำของมนุษย์อย่างต่อเนื่อง เต่าทะเลเป็นสัตว์อีกหนึ่งสายพันธุ์ที่อาศัยในท้องทะเลมานานนับล้านปี กำลังเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์จากปัจจัยต่างๆ ทั้งการทำประมงเกินขนาด การท่องเที่ยวที่ขาดความรับผิดชอบ และปัญหาขยะพลาสติกในทะเล แม้ว่าเต่าทะเลจะมีสัญชาตญาณอันน่าทึ่งในการเอาตัวรอด เพื่อให้มีชีวิตอยู่อย่างยืนยาว แต่หากไม่มีการอนุรักษ์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง สัตว์ทะเลที่มีคุณค่านี้อาจเหลือเพียงภาพจำในอนาคตอันใกล้ ด้วยพระวิสัยทัศน์อันยาวไกลของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเล็งเห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อมทางทะเล และได้มีพระราชเสาวนีย์ให้กองทัพเรือดำเนินการอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการฟื้นฟูประชากรเต่าทะเลในประเทศไทยอย่างเป็นระบบและยั่งยืน สืบเนื่องจากแนวพระราชดำริ ดังกล่าว โครงการ “ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา” ครั้งที่ 51 จึงได้จัดกิจกรรมเชิงปฏิบัติการ ณ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ฐานทัพเรือพังงา จังหวัดพังงา เพื่อสืบสานพระราชปณิธาน และงานอนุรักษ์สัตว์ทะเลหายากให้คงอยู่คู่ท้องทะเลไทยสืบไป นางวิชชุดา ไตรธรรม ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแนวคิดของโครงการว่า “ศาสตร์พระราชาคือหลักแห่งการพัฒนาที่เคารพธรรมชาติ เห็นคุณค่าของสิ่งแวดล้อม และมุ่งเน้นการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นป่า ภูเขา หรือท้องทะเล ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราทั้งสิ้น การเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน คือคำตอบของการเอาชนะวิกฤตสิ่งแวดล้อมในยุคปัจจุบัน และเป็นกุญแจสู่การอยู่รอดของโลกในวันข้างหน้า” ศูนย์อนุรักษ์แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นโดยกองทัพเรือเมื่อปี พ.ศ. 2538 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในโอกาสครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี และยังเป็นสถานที่สืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการดูแลระบบนิเวศทางทะเลและสัตว์ทะเลหายาก โดยคณะผู้เข้าร่วมได้รับฟังการบรรยายพิเศษเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล บทบาทของกองทัพเรือในการอนุรักษ์ และกระบวนการดูแลลูกเต่าตั้งแต่ฟักไข่จนถึงการปล่อยกลับสู่ทะเล ไฮไลท์สำคัญของกิจกรรมคือการที่ผู้เข้าร่วมโครงการได้มีโอกาสปล่อยเต่าทะเลคืนสู่ธรรมชาติ ซึ่งไม่เพียงสร้างความประทับใจแต่ยังปลูกฝังจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์ให้แก่เยาวชนและผู้เข้าร่วมทุกคน จากนั้น คณะผู้เข้าร่วมได้เดินทางไปยังโรงแรมอัปสรา บีชฟร้อนท์ รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า เขาหลัก ซึ่งเป็นต้นแบบของการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมี นางกันทิมา แสงหลี รองกรรมการผู้จัดการ ให้การต้อนรับ และร่วมบรรยายในหัวข้อ “Green Hotel ต้นแบบโรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” นำเสนอแนวทางการบริหารจัดการโรงแรมอย่างยั่งยืน ตั้งแต่การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การลดการใช้พลาสติก การจัดการของเสีย ไปจนถึงการฟื้นฟูระบบนิเวศโดยรอบ ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่เน้นการพัฒนาควบคู่กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม กิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ “Mind…
เบี้ยประกันภัยจากธุรกิจใหม่ของ FWD Group เพิ่มขึ้น 46% เป็น 679 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสที่ 1/2568 ส่วนสำคัญมาจากธุรกิจใหม่ของ FWD Group ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในฮ่องกงและมาเก๊า FWD Group Holdings รายงานว่าเบี้ยประกันภัยจากธุรกิจใหม่ (APE) เติบโต 46% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือเพิ่มขึ้นเป็น 679 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสที่ 1/ 2568 ตามข้อมูลอัปเดตทางการเงินล่าสุด ขณะเดียวกันมูลค่าธุรกิจใหม่ (VNB) เพิ่มขึ้น 32% เป็น 287 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสเดียวกัน จาก 215 ล้านเหรียญสหรัฐในปีก่อนหน้า อัตรากำไรจากการให้บริการตามสัญญาของธุรกิจใหม่ (CSM ของธุรกิจใหม่) เติบโต 55% เมื่อเทียบเป็นรายปีเป็น 465 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในฮ่องกงและมาเก๊า FWD Group กล่าวว่า เบี้ยประกันภัยจากธุรกิจใหม่และ CSM ธุรกิจใหม่มีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการของลูกค้าที่เดินทางมาท่องเที่ยวทั้งในพื้นที่และในจีนแผ่นดินใหญ่ อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยและกัมพูชา มีตัวบ่งชี้ว่าธุรกิจใหม่ได้รับผลกระทบจาก “ภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง” FWD Group ระบุว่า กลุ่มตลาดเกิดใหม่ (emerging market) พบว่าเบี้ยประกันภัยจากธุรกิจใหม่เติบโตสองหลัก นอกจากนี้ ประเทศญี่ปุ่นยังรายงาน “ตัวบ่งชี้ธุรกิจใหม่ที่มั่นคง” อีกด้วย
gettgo จับมือ ทูนประกันภัย เสิร์ฟบริการใหม่สุดเอ็กซ์คลูซีฟ “Only at gettgo” กับบริการ Airport Lounge เพิ่มความอุ่นใจอีกขั้นให้คนเดินทาง พร้อมมอบส่วนลดสูงสุด 20% โดยทูนประกันภัย พร้อมให้บริการแก่ลูกค้า gettgo แล้ววันนี้ บริษัท เมืองไทย โบรกเกอร์ จำกัด ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม gettgo เว็บไซต์เปรียบเทียบและซื้อขายประกันออนไลน์ ได้เปิดตัวแบบประกันเดินทางใหม่ต้อนรับไฮซีซั่นช่วงกลางปี โดยชูจุดเด่น “บริการห้องรับรองสนามบิน (Airport Lounge)” ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของนักเดินทางยุคใหม่ พร้อมมอบความอุ่นใจและความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง อีกทั้งยังครอบคลุมการให้ความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉินอย่างครบถ้วน นายวรวัฒน์ โรจน์รังษี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย โบรกเกอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบัน การเดินทางไม่ได้เป็นแค่เพียงการมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางเท่านั้น หากแต่ยังครอบคลุมไปถึงการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ระหว่างการเดินทาง มีความสะดวกสบายและได้รับความคุ้มครองตลอดเส้นทางอีกด้วย ในโอกาสนี้ gettgo ร่วมมือกับ ทูนประกันภัย ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันการเดินทางรูปแบบใหม่ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของนักเดินทางยุคใหม่ได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นความคุ้มครองด้านอุบัติเหตุ การรักษาพยาบาลหรือการเจ็บป่วยระหว่างการเดินทาง รวมถึงบริการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อเสริมความมั่นใจในทุกการเดินทาง เสมือนมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเดินทางไปด้วยในทุกเส้นทาง “การร่วมมือกันในครั้งนี้ถือเป็นการเสริมสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าด้วยการเพิ่มทางเลือกใหม่ ๆ ที่ช่วยให้การเดินทางเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายมากขึ้น เราจึงมุ่งเน้นการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในหลากหลายสถานการณ์ เพื่อให้ลูกค้าไม่ต้องกังวลเมื่อออกเดินทาง” นายวรวัฒน์ กล่าว แนวคิดของผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากประสบการณ์จริงของนักเดินทางจำนวนมาก ที่เคยเผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดระหว่างการเดินทาง หนึ่งในกรณีตัวอย่างคือ นักธุรกิจที่เดินทางไปยังประเทศในยุโรป และเกิดอาการปวดท้องอย่างเฉียบพลันในช่วงเวลากลางดึก โชคดีที่แผนประกันของ ทูนประกันภัย มีบริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ ทำให้ได้รับคำแนะนำเบื้องต้นจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และสามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลใกล้เคียงได้อย่างทันท่วงที อีกหนึ่งตัวอย่างคือ นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปต่างประเทศ และต้องเผชิญกับเที่ยวบินล่าช้าเกินกว่า 2 ชั่วโมง ในกรณีนี้ แผนประกันการเดินทางของ ทูนประกันภัย สำหรับลูกค้า gettgo กับความคุ้มครองสุดเอ็กซ์ คลูซีฟ “Only at gettgo” เท่านั้น มอบสิทธิ์ในการเข้าใช้บริการห้องรับรองสนามบิน (Airport Lounge) เพื่ออำนวยความสะดวกและช่วยให้ช่วงเวลารอคอยเป็นไปอย่างราบรื่นและผ่อนคลาย ซึ่งถือเป็นบริการพิเศษที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักเดินทางในสถานการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ “ในปัจจุบัน บทบาทของประกันภัยการเดินทางได้ขยายจากการเป็นเพียงเอกสารประกอบการขอวีซ่า ไปสู่การเป็นเพื่อนคู่ใจที่มอบความอุ่นใจและความมั่นใจให้ผู้เดินทางในทุกเส้นทาง” คุณศศิวิมล ช่อลัดดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร…
การประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ของ บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ XPG ที่จัดผ่าน E-AGM ปีนี้ บรรยากาศราบรื่นสุด ๆ ผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติทุกวาระอย่างเป็นเอกฉันท์ สะท้อนความมั่นใจในทิศทางธุรกิจที่ยังเติบโตแข็งแกร่ง จับตา “ปันผลในปีหน้า” งานนี้นักลงทุนหลายรายเริ่มตั้งความหวัง ขณะที่ฝ่ายบริหารยังคงเน้นกลยุทธ์ระยะยาว มุ่งสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจผันผวน งานนี้ XPG ไม่ได้แค่เดินหน้าเฉย ๆ แต่อาจจะเริ่มส่งสัญญาณว่ากำลังจะ “มาแรง” อีกครั้งแล้วก็..เป็น..ได้”
บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM) ภายใต้การนำของคณะกรรมการบริษัทฯ พร้อมนำเสนอผลการดำเนินงานปีที่ผ่านมา ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจสินเชื่อและบริการทางการเงินของกลุ่มศรีสวัสดิ์ ในการประชุมครั้งนี้ ผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติทุกวาระ รวมถึงการอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2567 รวมเป็นเงิน 211.47 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.04 บาท รวมเป็นเงิน 60.42 ล้านบาท และ การจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญในอัตรา 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล รวมเป็นจำนวน 151.05 ล้านหุ้น กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับปันผลในวันที่ 9 พฤษภาคม 2568 และกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ ตอกย้ำการดำเนินธุรกิจที่มีเสถียรภาพ และแนวโน้มการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต ทั้งนี้ การประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ยังแสดงให้เห็นถึงการดำเนินงานภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี และการมุ่งมั่นสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน ตามพันธกิจของ SAWAD ในการพัฒนาองค์กรให้เติบโตเคียงคู่สังคมไทยอย่างมั่นคง โดยงานดังกล่าวจัดขึ้น ในวันที่ 29 เมษายน 2568 ถ่ายทอดสดจากห้องประชุมออดิทอเรียม ณ อาคารศรีสวัสดิ์ กรุงเทพมหานคร
บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 จำกัด (มหาชน) หรือ SCAP จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM) เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 ณ อาคารศรีสวัสดิ์ สำนักงานใหญ่ โดยมีผู้ถือหุ้นเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการบริษัท พร้อมรายงานผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา ซึ่งยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดเช่าชื้อรถจักรยนต์ และสร้างผลการดำเนินงานอย่างแข็งแกร่ง สะท้อนถึงศักยภาพของของบริษัทในการที่บูรณาการสู่ความยั่งยืน ในการประชุมครั้งนี้ ผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติทุกวาระตามที่คณะกรรมการได้นำเสนอในครั้งนี้ รวมถึงการอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2567 โดยเป็นการจ่ายในรูป “หุ้นปันผลและเงินสด” ในอัตรารวม 0.0223 บาทต่อหุ้น และกำหนดจ่ายในวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ทั้งนี้เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงแก่ผู้ถือหุ้น และสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ SCAP ในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงต่อเนื่องและยืนยาว การประชุมในครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นถึงหลักธรรมาภิบาลที่โปร่งใส และแนวทางการบริหารงานที่เปิดกว้าง เน้นการพัฒนาองค์กรควบคู่กับการสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้น นักลงทุน ลูกค้า และพันธมิตร
สมาคมบริษัทจัดการลงทุนและสมาชิกบริษัทจัดการลงทุน 19 แห่ง โชว์ความพร้อมสนับสนุนภาครัฐโดยกระทรวงการคลังและกรมสรรพากรในการสนับสนุนให้เกิดเสถียรภาพในตลาดทุนไทย และส่งเสริมกิจการที่มุ่งสร้างความยั่งยืนให้กับประเทศ พร้อมนำเสนอ 37 กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (ThaiESGX) ซึ่งประกอบด้วยกองทุนรวมประเภทหุ้นไทย 22 กองทุน และกองทุนรูปแบบผสม 15 กองทุนที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต. เรียบร้อยแล้ว เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ทำงานประจำ ประกอบธุรกิจส่วนตัวหรือผู้มีอาชีพอิสระ (Freelance) ที่ต้องการการลงทุนระยะยาว 5 ปีขึ้นไป และได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในวงเงินที่เพิ่มขึ้น โดยทั้ง 37 กองทุนจะเริ่มเปิดเสนอขายพร้อมกันในวันที่ 2 พ.ค.นี้เป็นต้นไป นางชวินดา หาญรัตนกูล นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) ได้กล่าวว่า “ภาครัฐโดยกระทรวงการคลังและกรมสรรพากรได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการจัดตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน รวมถึงเห็นประโยชน์ของกองทุน ThaiESG ที่ได้เริ่มจัดตั้งขึ้นเมื่อสองปีก่อน จึงได้ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติมสำหรับกองทุนน้องใหม่คือ ThaiESGX ทั้งในส่วนของวงเงินลดหย่อนใหม่พิเศษอีก 300,000 บาท และวงเงินลดหย่อนภาษีเพื่อสนับสนุนการลงทุนระยะยาวที่ใส่ใจความยั่งยืนด้วยการสับเปลี่ยน LTF มายัง ThaiESGX ในวงเงินรวมอีก 500,000 บาท ในรอบปีภาษี 2568-2572 นั้น ในฐานะผู้บริหารและจัดการลงทุนจึงตั้งใจและพร้อมใจกันที่จะแสดงถึง ความมุ่งมั่นของอุตสาหกรรมเพื่อให้ผู้ลงทุนมั่นใจได้ว่าการลงทุนของตนจะมีประสิทธิภาพในระยะยาว มีส่วนช่วยรักษาเสถียรภาพตลาดทุนไทย และมีส่วนช่วยผลักดันบริษัทจดทะเบียนไทยและบริษัทผู้ออกตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืนให้มุ่งสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality, Net Zero มีการใส่ใจสังคมและการยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาลเพื่อร่วมผลักดันให้ประเทศไทยมีความยั่งยืนได้อย่างแท้จริง ที่ผ่านมา AIMC ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนายกระดับ ESG ในตลาดทุนไทย ทุกบลจ.ได้ดำเนินการตามนโยบาย ธรรมาภิบาลการลงทุน (I-code Policy) การนำปัจจัยด้าน ESG มาใช้ในกระบวนการคัดเลือกสินทรัพย์และการลงทุน การเตรียมการในการบริหารจัดการและเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ (Climate-related Risk) การมีคณะทำงานร่วม AIMC – ESG Policy and Collective Action เพื่อตรวจสอบติดตามบริษัทจดทะเบียนที่อาจไม่ปฏิบัติตาม ESG และความร่วมมือในการจัดทำ Negative List เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้จัดการกองทุนใช้กลั่นกรองบริษัทจดทะเบียนเพื่อลงทุน เป็นต้น ดังนั้นผู้ลงทุนจึงมั่นใจได้ว่า บริษัทจัดการลงทุนจะสามารถบริหารจัดการกองทุนในรูปแบบ ESG ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามหลักสากล ผู้สนใจสามารถลงทุนใน ThaiESGX วงเงินลดหย่อนใหม่…
กลุ่มบริษัทเอไอเอ ประกาศผลประกอบการมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตขึ้นร้อยละ 13 คิดบนอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (CER) สำหรับไตรมาสที่ 1 สิ้นสุด ณ วันที่ 31มีนาคม 2568 มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตร้อยละ 13 อยู่ที่ 1,497 ล้านเหรียญสหรัฐ เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 อยู่ที่ 2,617 ล้านเหรียญสหรัฐ อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) เพิ่มขึ้น 3.0 จุด เป็นร้อยละ 57.5 กำไรจากการให้บริการตามสัญญาเนื่องจากธุรกิจใหม่ (NB CSM) เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 อัตราส่วนเงินทุนของผู้ถือหุ้นยังคงแข็งแกร่งอย่างไร้กังวลอยู่ที่เกินกว่าร้อยละ 200 นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า เอไอเอยังคงรักษาผลงานและการเติบโตที่ยอดเยี่ยมในปี 2567 ไว้ได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) อยู่ที่ 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสแรกของปี 2568 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับผลงานไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว ความสามารถของเราในการคว้าโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ที่สร้างกำไรได้อย่างยั่งยืนในระดับขนาดใหญ่เป็นผลโดยตรงมาจากรูปแบบธุรกิจที่หลากหลายและความยืดหยุ่นสูงในธุรกิจของเรา รวมถึงความต้องการผลิตภัณฑ์และบริการของเอไอเอที่เพิ่มมากขึ้น โปรแกรมพรีเมียร์ เอเจนซี่ ของเราถือเป็นเสาหลักสำคัญของกลยุทธ์การเติบโตของเราโดยส่งมอบมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) มากกว่าร้อยละ 75 ของกลุ่มบริษัททั้งหมดในไตรมาสแรกของปี 2568 เรายังคงขยายการเข้าถึงของเราอย่างต่อเนื่องด้วยการสรรหาตัวแทนที่มีคุณภาพสูงและแข็งแกร่ง ซึ่งช่วยทำให้มีจำนวนตัวแทนที่สร้างผลงานเพิ่มขึ้นโดยรวม ร้อยละ 8 อีกทั้งรูปแบบโปรแกรม พรีเมียร์ เอเจนซี่ ที่แตกต่างของเรา ที่ได้มุ่งเน้นสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าและขับเคลื่อนโดยแพลตฟอร์มดิจิทัลชั้นนำได้ส่งผลให้ตัวแทนสร้างผลงานได้เพิ่มขึ้น และยังคงรักษาส่วนผสมผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและยืดหยุ่นในเวลาเดียวกัน “ความมุ่งมั่นของทีมผู้บริหารที่พิสูจน์แล้วของเราในการสร้างมูลค่าธุรกิจที่มีคุณภาพสูงและยั่งยืนในระยะยาว และเรายังมุ่งเน้นอย่างต่อเนื่องในการดำเนินงานตามลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของเรา ที่จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จในการส่งมอบผลงานที่ดีท่ามกลางตลาดทุนที่มีความผันผวนทั่วโลก และเข้าถึงปัจจัยกระตุ้นการเติบโตพื้นฐานที่แข็งแกร่งในเอเชีย ซึ่งเป็นภูมิภาคที่น่าสนใจที่สุดในโลกสำหรับธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ ผมมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าข้อได้เปรียบในการแข่งขันที่สำคัญของเราจะยังคงส่งมอบคุณค่าระยะยาวที่ยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องของเราทุกฝ่ายต่อไป” บทสรุปไตรมาสที่ 1 เอไอเอมีมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 คิดเป็นมูลค่า 1,497 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 1 ของปี…