บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR โดย คุณกาญจน์ณัฐ เฉลิมจุฬามณี ผู้บริหารศูนย์การเรียนรู้เงินติดล้อ (TIDLOR Academy) นำทีมงานต้อนรับคณะผู้บริหารและตัวแทนจาก 14 บริษัทชั้นนำ จำนวนทั้งหมด 20 ท่าน เข้าร่วมกิจกรรม “TIDLOR Culture Camp” เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนกลยุทธ์ แนวคิด และวิธีการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในแบบฉบับเงินติดล้อ พร้อมเยี่ยมชมแผนกต่างๆ อาทิ ฝ่ายวิเคราะห์และพัฒนา (Analytics & Development) ฝ่ายส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการเงิน (Financial Education หรือ FIN-ED) ฝ่ายการตลาดและพัฒนาธุรกิจ (Marketing & Business Development) ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) และฝ่ายนายหน้าประกันภัย “อารีเกเตอร์” (Areegator) เพื่อสัมผัสบรรยากาศการทำงานแบบ Work Smart และการทำเวิร์กช็อปที่เข้มข้น เพื่อให้เข้าใจองค์ประกอบสำคัญในการสร้างค่านิยมองค์กรและวัฒนธรรมองค์กร ให้สามารถนำไปปรับใช้กับองค์กรของตนเองได้จริง พร้อมพูดคุยถาม-ตอบกับ คุณปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ อย่างใกล้ชิด เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการสร้างค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กรให้แข็งแกร่งและยั่งยืน นอกจากนี้ ผู้บริหารและตัวแทนจากองค์กรชั้นนำที่เข้าร่วมกิจกรรม TIDLOR Culture Camp ครั้งนี้ ยังได้มีโอกาสเข้าร่วมงาน NTL OPEN BOX 2025 งานประชุมสุดยอดผู้นำประจำปี 2568 ที่ผ่านมา เพื่อสัมผัสประสบการณ์การใช้วัฒนธรรมองค์กรขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืนอีกด้วย กิจกรรม TIDLOR Culture Camp ภายใต้โครงการ “TIDLOR Academy” จัดขึ้นสำหรับองค์กร ภายนอกที่สนใจและให้ความสำคัญกับการสร้างวัฒนธรรมองค์กร ประสบการณ์ และวิธีการสร้างค่านิยมองค์กร ต่อยอดสู่แนวทางการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สามารถปรับใช้ได้จริงไปยังองค์กรต่างๆ เพื่อใช้เป็นพื้นฐานในการขับเคลื่อนธุรกิจให้แข็งแกร่งและยั่งยืน สำหรับหน่วยงานผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดและสมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ www.tidlor.com/academy หรือสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-792-1990
Author: staff
บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) โดยเมืองไทยสไมล์คลับ ร่วมกับ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ชวนสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ จัดกิจกรรม “Exclusive One Day Trip” รับความปังตลอดปี ไปกับ อาจารย์คฑา ชินบัญชร ฟินมู เต็มอิ่ม กับการสักการะเทพเจ้ามังกรเขียวบ่อน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ หมุนกังหันเปลี่ยนดวงให้ประสบความสำเร็จ พร้อมแก้ชงเสริมสิริมงคล ณ วัดทิพยวารีวิหาร ปิดท้ายด้วยรับประทานอาหารจีน มื้อพิเศษแบบ Fine-Casual Dining ที่จัดเต็มเมนูมงคลจากร้านอาหาร K BY Vicky Cheng รังสรรค์โดยเชฟมิชลินสตาร์จากฮ่องกง บรรยากาศเต็มไปด้วยความประทับใจ อิ่มบุญอิ่มท้องพร้อมรับสิ่งดี ๆ ตลอดทั้งปี โดยมี นางพิตราภรณ์ บุณยรัตพันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส และนางสาวนิรัตน์ บูชาสุข รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากเดอะมอลล์กรุ๊ป ให้การต้อนรับ สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ ยังสามารถติดตามกิจกรรมรวมถึงสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่เมืองไทยสไมล์คลับคัดสรร มาพิเศษแบบครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ และตอบโจทย์ความหลากหลายทุกความต้องการเพิ่มเติม ได้ที่ MTL Click Application สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android หรือเว็บไซต์ www.muangthai.co.th ตลอดจนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร. 1766 กด 4 เมืองไทยประกันชีวิต หรือศูนย์บริการลูกค้าทั่วประเทศ
ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) จับมือ บริษัท เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “KKP Lifecare Saving” บัญชีเงินฝากที่มาพร้อมประกันโรคร้ายแรง ตอบโจทย์คนที่ต้องการทั้งผลตอบแทนทางการเงินและความอุ่นใจด้านสุขภาพในบัญชีเดียว ด้วยจุดเด่นที่ให้ความคุ้มครอง 40 โรคร้ายแรง ทุนประกันภัยสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมข้อเสนอพิเศษจากธนาคารเกียรตินาคินภัทร รับดอกเบี้ยเงินฝากสูงถึง 0.75% ต่อปี (วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 – 31 พฤษภาคม 2568) นายกัมพล จันทวิบูลย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า “ปัจจุบันอัตราการป่วยด้วยโรคร้ายแรงของคนไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นมะเร็ง โรคหัวใจ หรือโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งมีสาเหตุมาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความเครียดและมลภาวะที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวัน โดยเฉพาะคนวัยทำงานที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้ ธนาคารจึงได้ร่วมมือกับเจนเนอราลี่ ประกันชีวิต พัฒนาผลิตภัณฑ์ KKP Lifecare Saving ขึ้นมาเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการด้านการเงินและลดภาระทางการเงินในกรณีที่เกิดโรคร้ายแรง” บัญชีเงินฝากพร้อมประกันโรคร้ายแรง KKP Lifecare Saving ได้รับการออกแบบให้ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการทั้งการออมเงินและการคุ้มครองสุขภาพ โดยการผสานข้อดีของบัญชีเงินฝากและแผนประกันสุขภาพเข้าด้วยกัน ด้วยจุดเด่น ดังนี้ คุ้มครองการเสียชีวิตทุกกรณี ตลอด 24 ชั่วโมง จำนวนเงินเอาประกันภัย 50,000 บาท คุ้มครอง 40 โรคร้ายแรง ครอบคลุมโรคที่พบบ่อย เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และภาวะไตวายเรื้อรัง วงเงินคุ้มครองสูงสุดถึง 1,000,000 บาท รับดอกเบี้ยเงินฝากสูงถึง 0.75% ต่อปี (ระหว่างวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 – 31 พฤษภาคม 2568 ) ไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยรายปีเพิ่มเติม เพียงรักษายอดเงินฝากขั้นต่ำ 50,000 บาท วงเงินเอาประกันภัยสูงถึง…
ธนาคารกรุงเทพ จับเทรนด์ตลาดผันผวน-ดอกเบี้ยต่ำ ลูกค้ามองหาช่องทางออมระยะยาว ลดความเสี่ยง ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ จับมือ กรุงเทพประกันชีวิต ออกประกันออมทรัพย์แบบใหม่ “เกนเฟิสต์ เซฟวิ่งส์ เท็นเอกซ์ 15/10” จับตลาดกลุ่มลูกค้ามุ่งสร้างความมั่นคงแผนการเงิน จ่ายเบี้ยเพียง 10 ปี คุ้มครองถึง 15 ปี รับผลประโยชน์คืนปีละ 10% ของทุนประกัน คืนเงินก้อนใหญ่ 10X เมื่อครบสัญญา ครอบคลุมความคุ้มครองชีวิตสูงสุด 2,100% ช่วยสร้างแผนการเงินระยะยาวอย่างมั่นใจ หาซื้อได้ที่ธนาคารกรุงเทพเท่านั้น พร้อมเป็น “เพื่อนคู่คิด” ที่เข้าใจและเคียงข้างลูกค้าในทุกแผนการเงินเพื่ออนาคต นางสาวพรพิมล ตรงเที่ยงธรรม ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ด้วยแนวโน้มทางเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความผันผวนสูง การเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์แบบของประเทศ ทำให้กลุ่มคนวัยทำงานที่ต้องรับผิดชอบครอบครัวทั้ง 2 เจนเนอเรชั่น บิดามารดา และ บุตร กำลังมองหาช่องทางออมเงินในระยะยาวทดแทน ที่เน้นให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงและเสริมความมั่นคงมากขึ้น ธนาคารกรุงเทพ ในฐานะ “เพื่อนคู่คิด” ที่เข้าใจและพร้อมเคียงข้างการวางแผนด้านการเงินให้กับลูกค้าทุกกลุ่มมาตลอด 80 ปี จึงร่วมมือกับ บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ “เกนเฟิสต์ เซฟวิ่งส์ เท็นเอกซ์ 15/10” แบบประกันชีวิตสะสมทรัพย์ที่ตอบโจทย์การสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาวด้วยผลตอบแทนที่คุ้มค่า ลดความเสี่ยงจากการสูญเสียเงินต้น พร้อมรับความคุ้มครองชีวิตเพื่อเป็นหลักประกันให้แก่คนในครอบครัว และสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุดถึง 100,000 บาทอีกด้วย ทั้งนี้ “เกนเฟิสต์ เซฟวิ่งส์ เท็นเอกซ์ 15/10” เป็นผลิตภัณฑ์ 1 ใน 3 ผลิตภัณฑ์ ที่เราออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์สังคมไทยทั้ง 3 เจนเนอเรชั่น และ เร็วๆ นี้เราจะมี อีก 2 ผลิตภัณฑ์ออกมา “ลูกค้าในกลุ่มวัยกลางคนอายุ 45 ปีขึ้นไปที่ชีวิตเริ่มลงตัว มีกำลังซื้อและความสามารถออมได้สูง จึงต้องการสร้างความมั่นคงให้ชีวิตในระยะยาว ปัจจุบันธนาคารมีฐานลูกค้ากลุ่มนี้ค่อนข้างมาก ซึ่งปกติ “เกนเฟิสต์” จะเป็นกลุ่มแบบประกันสะสมทรัพย์ยอดนิยมสำหรับลูกค้ากลุ่มนี้อยู่แล้ว…
บลจ.อีสท์สปริง เปิดตัวกองทุนใหม่ “ES-NDQPIN-UH” และ “ES-NDQPIN”เน้นลงทุนหุ้นสหรัฐ Nasdaq -100 ไปพร้อมขายสัญญาออปชั่นเพื่อรับกระแสเงินสดสม่ำเสมอด้วยความผันผวนที่ต่ำกว่า Nasdaq-100 ผ่านกองทุนหลัก JPMorgan ETFs (Ireland) ICAV – Nasdaq Equity Premium Income Active UCITS ETF เสนอขายระหว่างวันที่ 19-26 มีนาคม 2568 นี้ นางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง เปิดเผยว่า ด้วยเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนมากขึ้น บลจ.อีสท์สปริงได้คัดสรรกองทุนที่มีกลยุทธ์การลงทุน Nasdaq-100 Equity Premium Income ที่เน้นสร้างผลตอบแทนจากเงินปันผลและค่าพรีเมียม(Premium) จากการลงทุนในหุ้นจากดัชนี Nasdaq-100 และขายสัญญา Options เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับโอกาสสร้างการเติบโตของพอร์ตการลงทุนระยะยาวและรับกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ นอกจากนี้ การลงทุนในหุ้นเป็นวิธีหนึ่งที่เพิ่มโอกาสสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้นที่เป็นองค์ประกอบในดัชนี Nasdaq-100 ซึ่งเป็นดัชนีที่รวมบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก เช่น Apple, Microsoft, Amazon และ Google การลงทุนในดัชนีนี้มีความน่าสนใจเนื่องจากบริษัทเหล่านี้มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและมีนวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่เสมอซึ่งดัชนีนี้ประกอบด้วยบริษัทจากหลากหลายอุตสาหกรรมช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุน สำหรับกองทุนที่เปิดใหม่ จะมี 2 กองทุน คือ กองทุนเปิดอีสท์สปริง Nasdaq Equity Premium Income-Unhedged (ES-NDQPIN-UH) ไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และกองทุนเปิดอีสท์สปริง Nasdaq Equity Premium Income (ES-NDQPIN) มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ด้วยมูลค่าโครงการกองทุนละ 5,000 ล้านบาท โดยทั้ง 2 กองทุน มีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก JPMorgan ETFs (Ireland) ICAV – Nasdaq Equity Premium Income Active…
อไอเอ ประเทศไทย ผู้นำในธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ จัดงาน “Recruitment Kickoff 2025 – ยกระดับ “นักสร้าง” สู่ความสำเร็จ” เดินหน้าสร้างตัวแทนคุณภาพให้มีอยู่ทั่วทุกภูมิภาคในประเทศ พร้อมกับยกระดับตัวแทนประกันชีวิตของไทยสู่การเป็นที่ปรึกษามืออาชีพในด้านประกันชีวิต การเงิน และสุขภาพ หรือ AIA Financial Advisor (AIA FA) รวมทั้งมุ่งผลักดันให้ประสบความสำเร็จในอาชีพ เพื่อส่งมอบการดูแลและประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่คนไทย ตลอดจนสามารถช่วยคนไทยเตรียมความพร้อมหลังเกษียณ รองรับสังคมผู้สูงอายุที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต ผ่านการวางแผนสุขภาพและการเงินอย่างมีประสิทธิภาพจากที่ปรึกษามืออาชีพของเอไอเอ ให้คนไทยได้มีความมั่นคงและต่อยอดความมั่งคั่งที่ยั่งยืน ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’ นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “ปีนี้เป็นปีที่เอไอเอมุ่งผลักดันในด้านการสร้างตัวแทนคุณภาพและสนับสนุนให้ตัวแทนประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน ซึ่งช่องทางตัวแทนยังคงเป็นช่องทางขายหลักของเอไอเอ โดยปัจจุบันเรามีตัวแทนที่ดูแลลูกค้ากระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 55,000 ท่าน มากที่สุดในอุตสาหกรรม และในปีที่ผ่านมา มีตัวแทนที่เข้าร่วมโปรแกรม AIA Financial Advisor (AIA FA) เพิ่มมากขึ้นและสามารถพิชิต Career Achievement Bonus ได้มากถึง 88 ท่าน ถือเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด และในปีนี้เรายังคงมุ่งส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ก้าวเข้าสู่สายอาชีพ ที่ปรึกษามืออาชีพด้านประกันชีวิต การเงิน และสุขภาพ หรือ AIA Financial Advisor (AIA FA) โดยเรามีแผนที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพให้กับ AIA FA ในทุก ๆ ด้าน ผ่านคอร์สฝึกอบรมที่ทันต่อยุคสมัย ซึ่งเราได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในการจัดทำหลักสูตรและฝึกอบรมให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการ AIA FA Prime โดยเฉพาะ นอกจากนี้ เรายังพร้อมสนับสนุนเครื่องมือในการทำงานให้กับที่ปรึกษาของเรา ให้ทุกท่านทำงานได้ง่าย สะดวก และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มุ่งไปที่การส่งมอบประสบการณ์การดูแล การบริการ และคำแนะนำด้านการวางแผนสุขภาพชีวิตและสุขภาพการเงินที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้คนไทยมีความมั่นคงและมั่งคั่งในระยะยาว” นางอลิสา สิมะโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุในประเทศไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต…
วิริยะประกันภัย ปลื้มผลประกอบการในปี 67 ชูจุดแข็งรับมือความท้าทาย ทั้งทางด้านเศรฐกิจและภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในรอบปีที่ผ่านมา ด้วยเบี้ยรับตรง 40,879 ล้านบาท เติบโต 2% เผยตั้งเป้าปี 68 อัตราการเติบโตไม่น้อยกว่า 3.7% มุ่งเดินหน้าส่งมอบประสบการณ์ความคุ้มค่าอย่างต่อเนื่องให้กับลูกค้า ภายใต้แนวคิด “ใช้ทุกวิให้คุ้มค่า : ด้วยบริการที่เป็นเลิศครอบคลุมครบวงจร” พร้อมขับเคลื่อนกลยุทธ์การดำเนินงาน 3 เป้าหมาย คือ ยกระดับคุณภาพบริการ Touchpoint ครอบคลุมทุกพื้นที่และครบวงจร เสริมความแกร่ง Ecosystem ด้วยการขยายเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ และยกระดับศักยภาพบุคลากรให้รองรับทุกมิติของงานบริการประกันภัย นายอมร ทองธิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2567 ภาคอุตสาหกรรมประกันภัยต้องเผชิญสถานการณ์ความเสี่ยงและความท้าทายจากปัจจัยหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อัตราเงินเฟ้อที่สวนทางกับกำลังซื้อของผู้บริโภค ความเสี่ยงด้านภัยพิบัติและสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค แต่กระนั้น บริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาความเป็นผู้นำตลาดประกันวินาศภัยได้อย่างเหนียวแน่น ด้วยการครองส่วนแบ่งตลาดประกันวินาศภัย อันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 33 โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 14.3% ในขณะที่ประกันภัยรถยนต์ซึ่งเป็นพอร์ตหลักของบริษัทฯ ยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 เช่นกัน โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 22.6% ทั้งนี้ การดำเนินงานในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกด้านของประกันภัย ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ อุบัติเหตุ สุขภาพ ที่อยู่อาศัย ฯลฯ มีการพัฒนากระบวนการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างครบวงจร ตั้งแต่การรับประกันภัย บริการหลังการขาย ตลอดไปถึงการบริการสินไหมทดแทนที่รวดเร็วและเป็นธรรม ด้วยสาขาและศูนย์บริการสินไหมทดแทน รวมถึงจุดบริการในห้างสรรพสินค้า (V-Station) ที่ครอบคลุมกว่า 160 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังพัฒนานวัตกรรมบริการอย่างต่อเนื่อง อาทิ VClaim on VCall บริการเคลมออนไลน์, V-Inspection บริการตรวจสภาพรถยนต์ก่อนทำประกันภัย, V-Roadside Service บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ที่พร้อมให้บริการแก่ผู้เอาประกันภัย สะดวก ทุกที่ ทุกเวลา…
คุณชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์ (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) (TQR) ร่วมนำเสนอข้อมูลแผนการดำเนินธุรกิจปี 2568 ในงานประชุมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ (Analyst meeting) ซึ่งจัดโดย บริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) (TQM) โดยระบุว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้ มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยี มาพัฒนาแพลตฟอร์มและผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่อรูปแบบใหม่ร่วมกัน TQM อย่างต่อเนื่อง คาดว่า ในปีนี้ จะได้เห็นผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่อรูปแบบใหม่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ประกันภัยต่อไซเบอร์ (Cyber), ประกันภัยต่อสุขภาพและอุบัติเหตุส่วนบุคคล (Personal Accident and Health),ประกันภัยต่อความรับผิดของกรรมการและเจ้าหน้าที่บริหาร (Directors and Officers), ประกันภัยต่อการก่อการร้ายและภัยทางการเมือง (Political Violence) รวมถึงประกันภัยต่อที่เกี่ยวข้องกับ ESG เช่น โครงการพลังงานแสงอาทิตย์และรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ยังมีความต้องการที่สูงขึ้น จึงมั่นใจว่า ในปี 2568 จะ สามารถสร้างรายได้ให้เติบโตที่ระดับ 5-10% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ตามแผน งานดังกล่าวจัดขึ้น ณ HOW ชั้น 12 โรงแรมโซ แบงคอก กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆ นี้
เมืองไทยประกันชีวิต และมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม มุ่งมั่นสร้างความสุขและรอยยิ้มที่ยั่งยืนให้กับสังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย พร้อมสานต่อ โครงการ “แสงแก้ว” เพื่อสนับสนุนการผ่าตัดต้อกระจกให้แก่ผู้สูงอายุที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ คืนแสงสว่างให้ดวงตา เสริมสร้างคุณภาพชีวิต และช่วยให้กลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขและมั่นใจอีกครั้ง เนื่องด้วยประเทศไทยเข้าสู่ สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ (Aged Society) มีประชากรสูงอายุในสัดส่วน 20% ของประชากรทั้งหมดของประเทศ (จากข้อมูลของสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ณ เดือนธันวาคม 2566) ส่งผลให้ความต้องการด้านสาธารณสุขและการดูแลผู้สูงอายุเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับสายตา เช่น ต้อกระจก ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่กระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุและอาจนำไปสู่ภาวะตาบอดหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที การสนับสนุนการรักษาและส่งเสริมสุขภาพดวงตาของผู้สูงอายุจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยให้พวกเขากลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดี และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างอิสระและมีความสุข บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม เล็งเห็นถึงความสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคมเพื่อ “ผู้สูงอายุ” โดยพบว่ามีผู้สูงอายุที่เป็นผู้ป่วยโรคต้อกระจกรายใหม่เกิดขึ้นจำนวนมากทุกปี โดยที่โรคต้อกระจกเป็นปัญหาสาธารณสุขอันดับต้นของประเทศที่ทำให้ผู้สูงอายุเกิดปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินชีวิต และขณะเดียวกันยังมีผู้ป่วยสะสมรอรับการผ่าตัด จากปัจจัยพื้นที่ห่างไกลและการขาดแคลนจักษุแพทย์ อีกทั้งขาดความรู้เกี่ยวกับโรคหรือกลัวการรักษา ทำให้เมื่อทิ้งระยะเวลาไว้นานเกินไปจะส่งผลทำให้ระดับของโรคทวีความรุนแรงขึ้นจนทำให้พิการตาบอดในที่สุด พร้อมได้จัดตั้ง “โครงการแสงแก้ว การผ่าตัดต้อกระจกเพื่อผู้สูงอายุที่ขาดแคลน” เพื่อร่วมขับเคลื่อนโครงการหน่วยผ่าตัดต้อกระจกเคลื่อนที่ ไปกับโรงพยาบาลจักษุบ้านแพ้ว เพื่อทำการรักษาให้แก่ผู้ป่วย ต้อกระจกที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยให้บริการแก่ผู้ป่วยต้อกระจกชนิดสายตาเลือนรางรุนแรงปานกลางถึง ชนิดบอด (Blinding cataract) ซึ่งได้เริ่มดำเนินโครงการฯ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2560 ถึงปัจจุบัน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โครงการแสงแก้ว การผ่าตัดต้อกระจกเพื่อผู้สูงอายุที่ขาดแคลน ได้สนับสนุนงบประมาณ การผ่าตัดต้อกระจกให้แก่โรงพยาบาลจักษุบ้านแพ้ว จำนวนรวม 8,100,000 บาท (แปดล้าน หนึ่งแสนบาทถ้วน) เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดต้อกระจกแก่ผู้สูงอายุที่ขาดแคลนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ จำนวนกว่า 800 ราย โดยล่าสุด เมืองไทยประกันชีวิต และ มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ได้ร่วมมือกับ กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประสานงานรับผู้สูงอายุจากศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ บ้านบางแค กรุงเทพมหานคร, ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุปทุมธานี, ศูนย์วาสนะเวศม์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบุรีรัมย์ และศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุลำปาง ที่เป็นผู้ป่วยโรคต้อกระจกและทนความลำบากในการดำเนินชีวิตให้ได้รับการผ่าตัดที่รวดเร็วและกลับมามองเห็นสิ่งต่างๆ ได้อีกครั้ง เพื่อลดภาวะความเสี่ยงจากการตาบอด คืนความสดใสและมอบความสุขและรอยยิ้มให้กับสังคมผู้สูงอายุในประเทศไทยอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ “โครงการแสงแก้ว การผ่าตัดต้อกระจกเพื่อผู้สูงวัยที่ขาดแคลน” เป็นหนึ่งในความมุ่งมั่นของ เมืองไทยประกันชีวิต และมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ในการสร้างความสุขและรอยยิ้มที่ยั่งยืนให้กับสังคมไทย โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่เป็นรากฐานสำคัญของครอบครัวและสังคม การคืนแสงสว่างให้กับพวกเขา ไม่เพียงช่วยให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างอิสระและมีคุณภาพมากขึ้น แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ลดภาระของผู้ดูแล และเสริมสร้างความมั่นใจในการดำเนินชีวิต นอกจากนี้ ยังเป็นการคืนความหวัง เสริมสร้างพลังใจ และส่งต่อความสุขให้กับครอบครัวและคนรอบข้าง ช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข และเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่อบอุ่นต่อไป.
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) เปิดเผยว่า ตามที่นายทะเบียน โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ คปภ. ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 53 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 ออกคำสั่งที่ 36/2567 ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 ให้บริษัท เคดับบลิวไอ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (บริษัท) ดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนชำระแล้ว หรือหาเงินทุนเพิ่มเติมตามกรอบระยะเวลา ที่กำหนด ต่อมาได้มีคำสั่งที่ 44/2567 ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2567 ขยายระยะเวลาการเพิ่มทุนงวดแรก ไม่น้อยกว่า 95 ล้านบาท จากกำหนดเดิมวันที่ 20 ธันวาคม 2567 เป็นวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการแล้วเสร็จภายในกำหนด โดยเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 บริษัทได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาการเพิ่มทุนงวดที่ 2 จำนวนไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท ออกไปอีก 7 วันทำการ หรือไม่เกินวันที่ 11 มีนาคม 2568 เนื่องจากบริษัทได้รับเงินค่าหุ้นเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นใหญ่เรียบร้อยแล้ว แต่ต้องใช้เวลารวบรวมรายชื่อและค่าหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายย่อยก่อนดำเนินการจดทะเบียน นายทะเบียนได้พิจารณาและเห็นว่า บริษัทมีความตั้งใจจริงในการปฏิบัติตามแผนฟื้นฟูทางการเงิน จึงได้ออกคำสั่งที่ 7/2568 ลงวันที่ 4 มีนาคม 2568 อนุมัติขยายระยะเวลาให้จนถึงวันที่ 11 มีนาคม 2568 ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2568 ปัจจุบัน บริษัท เคดับบลิวไอ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ยังคงอยู่ภายใต้คำสั่งนายทะเบียนที่ 36/2567 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง หากบริษัทไม่สามารถดำเนินการตามแผนที่กำหนด หรือพบว่ามีการดำเนินการที่อาจฝ่าฝืนกฎหมาย สำนักงาน คปภ. จะดำเนินมาตรการทางกฎหมายที่จำเป็น…