Author: staff

  กสิกรไทยประกาศความสำเร็จของ KATALYST SCALEUP 2024 โครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการสตาร์ทอัพที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการเติบโตและสร้างความยั่งยืนในระบบนิเวศสตาร์ทอัพไทย ผ่านกระบวนการ Mentorship จากผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายอุตสาหกรรม รวมทั้งสัมมนาและเวิร์กชอปในระยะเวลา 6 เดือน จุดประกายความเปลี่ยนแปลง สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ กล้าก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเอง นายธนพงษ์ ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด (บีคอน วีซี) เปิดเผยว่า ในฐานะบริษัทเงินร่วมทุนของธนาคารกสิกรไทย บีคอน วีซี ยึดมั่นในพันธกิจที่จะขับเคลื่อนนวัตกรรมที่ส่งผลกระทบเชิงบวกและสนับสนุนการเติบโตของระบบนิเวศสตาร์ทอัพไทย ผ่านการขับเคลื่อนกิจกรรมภายใต้ KATALYST by KBank อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการดำเนินโครงการ KATALYST SCALEUP 2024 ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถึงพฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา   ซึ่งเป็นการจับคู่ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ 8 ราย ให้ได้รับคำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ เพื่อการแก้ปัญหาที่สำคัญในธุรกิจจากเมนเทอร์ ระดับแนวหน้าที่มีความเชี่ยวชาญในหลากหลายอุตสาหกรรม รวมทั้งผู้บริหารระดับสูงของธนาคารกสิกรไทย บีคอน วีซี และผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพชั้นนำ ที่ประสบความสำเร็จในไทย ตลอดระยะเวลา 6 เดือน ผู้เข้าร่วมโครงการได้มีโอกาสเรียนรู้เชิงลึกผ่านการสัมมนาและเวิร์กชอปที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อพัฒนาความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับการเติบโตของธุรกิจในด้านต่าง ๆ อาทิ การเตรียมตัวเพื่อระดมทุนอย่างมีประสิทธิภาพ การประเมินมูลค่าธุรกิจ การตั้งเป้าหมายและการวัดผล เทคนิคและกลยุทธ์ในการเพิ่มยอดขาย และการสร้างแบรนด์และการสื่อสารที่ตรงเป้าหมาย พร้อมทั้งรับคำแนะนำ ซึ่งช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้เจาะลึกถึงปัญหาธุรกิจของตนเอง พร้อมทั้งกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน และเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในระบบนิเวศสตาร์ทอัพไทย นายธนพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า KATALYST SCALEUP 2024 ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของธนาคารกสิกรไทยในการสร้างระบบนิเวศสตาร์ทอัพที่ยั่งยืนและเติบโตได้ในประเทศไทย โดยโครงการ KATALYST by KBank ยังคงมุ่งมั่นในการสนับสนุนผู้ประกอบการผ่านโครงการและกิจกรรมที่ออกแบบมาเพื่อเสริมศักยภาพ และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ กล้าก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเอง และในปีนี้ ยังมีแผนสนับสนุนรูปแบบใหม่ ๆ โดยเฉพาะ B2B Solutions เพิ่มความแข็งแกร่งให้สตาร์ทอัพไทย พร้อมสร้างเวทีและโอกาสใหม่ ๆ เพื่อผลักดันการเติบโตของผู้ประกอบการในอนาคตอย่างต่อเนื่อง

Read More

นายแพทย์อนุชิต วังทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหนองจิก รับมอบเงินสนับสนุน จำนวน 500,000 บาท จาก บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมี นางเสาวคนธ์ วงศ์กองแสง ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการภาค 5 (ภาคใต้) ด้านสาขา เป็นผู้แทนมอบ เพื่อร่วมสมทบทุนการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ใหม่ ทดแทนอุปกรณ์เดิมของโรงพยาบาลหนองจิก ซึ่งได้รับความเสียหายหนัก จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ ช่วงปลายปี 2567 ที่ผ่านมา การสนับสนุนในครั้งนี้ จึงเป็นการช่วยเหลือฟื้นฟูโรงพยาบาลของชุมชน ให้สามารถกลับมาบริการประชาชนได้อย่างเต็มศักยภาพอีกครั้ง ณ โรงพยาบาลหนองจิก ตำบลตุยง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินภารกิจช่วยเหลือประชาชน จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้หลายพื้นที่ ในช่วงปีที่ผ่านมา และยังคงให้การสนับสนุนเยียวยาชุมชนที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการบริจาคและการสนับสนุนทรัพยากรที่จำเป็น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ให้สามารถกลับมาดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุขอีกครั้ง โดยบริษัทฯ พร้อมเคียงข้างให้ความช่วยเหลือประชาชนในทุกโอกาส ไม่เพียงแต่ในช่วงวิกฤต ด้วยความมุ่งมั่นในการเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสังคมที่ยั่งยืน และพร้อมรับมือกับวิกฤตในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ

Read More

นางอาทินันท์ พีชานนท์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมงาน “กายใจ ยั่งยืน ด้วยวิถีแห่งพลังชีวิต” จัดโดย โรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ โดยได้รับเกียรติจาก ศ.เกียรติคุณ พญ.ธัญญารัตน์ ธีรพรเลิศรัฐ ประธานฝ่ายวิชาการและฝึกอบรม เป็นประธานเปิดงาน และ พล.ต. ผศ.นพ.กิฎาพล วัฒนกูล กรรมการบริหาร โรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ เข้าร่วม ทั้งนี้ ภายในงานเป็นการบรรยายพิเศษเกี่ยวกับทางเลือกในการรักษาร่างกายและจิตใจ ได้แก่ หัวข้อ “พลังธรรมชาติบำบัด และระบบไต” โดย นายสุรศักดิ์ องอาจถาวร อาจารย์สอนชี่กงเพื่อสุขภาพ พัฒนาจิต กาย ใจ และวิธีดูแลตนเองตามวิถีธรรมชาติ และ นางสาวพัชรี ยังเจริญ นักบำบัดโฮมิโอพาธีย์แนวดั้งเดิม บรรยายในหัวข้อ “ความรู้พื้นฐานศาสตร์การแพทย์โฮมีโอพาธีย์” (Classical Homeopathy) ซึ่งได้รับความสนใจจากบุคลากรทางการแพทย์ และบุคคลทั่วไปเข้าร่วมรรับฟัง ณ ห้องประชุมชั้น 3 โรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา

Read More

บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต โดยคุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ (CEO) พร้อมคณะกรรมการบริษัท ผู้บริหาร และพนักงาน ร่วมมอบเงินบริจาคเงินจำนวน 50,000 บาท และของอุปโภค บริโภครวมไปถึงของเล่นเด็ก พร้อมสนับสนุนถุงของขวัญจำนวน 100 ถุง ให้กับคุณประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิดวงประทีป เพื่อสร้างความสุขให้กับเด็ก ๆ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2568 กิจกรรมในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของ OCEAN LIFE ไทยสมุทร ที่จะส่งมอบความรัก ความห่วงใย และสนับสนุนการพัฒนาสังคมในทุกมิติ โดยเฉพาะการดูแลเด็กและเยาวชน เพื่อให้พวกเขาเติบโตเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต             OCEAN LIFE ไทยสมุทร ใช้ความรักเป็นพลังขับเคลื่อนองค์กร โดยไม่หยุดพัฒนาในทุกมิติ เพื่อทำให้ประกันชีวิตเป็นเรื่องง่าย ทำให้คนไทยเข้าถึงประโยชน์ของการประกันชีวิตได้มากที่สุด พร้อมแล้วที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลโลกและสังคม เพื่อส่งมอบอนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนรุ่นต่อไปได้ ใช้ชีวิตอย่างมั่นคง มั่นใจ ปลอดภัย มีความสุข สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ocean.co.th หรือ ติดต่อ OCEAN LIFE CONTACT CENTER  1503

Read More

บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดตัวแคมเปญใหม่ “ฉลองครบรอบ 78 ปี จัดใหญ่ จัดหนัก” เนื่องในโอกาสครบรอบ 78 ปี สำหรับลูกค้าใหม่ ที่ทำประกันภัยรถยนต์ผ่านช่องทาง Facebook Fanpage เทเวศประกันภัย, Line Official เทเวศประกันภัย และ Line Official เทเวศลูกค้ารายย่อย เมื่อทำประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 , 2++ , 3++ รับส่วนลดสุดพิเศษ พร้อมรับฟรี พ.ร.บ. (มูลค่า 646.-) และ กระเป๋าพรีเมี่ยม (มูลค่า 390.-) ตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2568 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร.1291 กด 3 หรือทาง Line Official @devesinsurance

Read More

ธ.ก.ส. เสิร์ฟสินเชื่อบำเหน็จตกทอด สำหรับผู้เกษียณอายุที่ได้รับเงินบำนาญและบำเหน็จรายเดือน นำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียนในชีวิตประจำวันและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็น รวมถึงการลดปัญหาการพึ่งพาหนี้นอกระบบที่มีอัตราดอกเบี้ยไม่เป็นธรรม เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี วงเงินกู้ต่อรายสูงสุด 100% ของหนังสือรับรองสิทธิในบำเหน็จตกทอด อัตราดอกเบี้ยปีแรก MRR ลบ 3.285% ต่อปี ปัจจุบันเท่ากับ 3.59% เท่านั้น และปีที่ 2 เป็นต้นไป MRR ลบ 2.275% ต่อปี ผ่อนชำระสูงสุด 40 ปี แจ้งความประสงค์ได้แล้วที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขา ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับข้าราชการที่เกษียณอายุสามารถเพิ่มสภาพคล่องเพื่อความมั่นคงทางการเงิน และมีความสุขในการดำรงชีวิตในช่วงวัยเกษียณมากยิ่งขึ้น ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ธ.ก.ส. จึงได้เปิดตัวสินเชื่อบำเหน็จตกทอด อัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษ ปีแรก MRR ลบ 3.285% ต่อปี (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR เท่ากับ 6.875%) หรือปัจจุบันเท่ากับ 3.59% ต่อปีเท่านั้น และปีที่ 2 เป็นต้นไป อยู่ที่ MRR ลบ 2.275% ต่อปี เงินงวดผ่อนชำระต่ำ โดยคำนวณดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ผ่อนชำระคืนสูงสุดไม่เกิน 480 งวด หรือนานถึง 40 ปี วงเงินให้กู้สูงสุดถึง 100% ของมูลค่าหนังสือรับรองสิทธิในบำเหน็จตกทอด ให้กู้สำหรับผู้เกษียณอายุที่ได้รับเงินบำนาญและบำเหน็จรายเดือน ที่ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย และได้รับหนังสือรับรองสิทธิในบำเหน็จตกทอด เพื่อใช้เป็นหลักประกันในการกู้เงิน เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันตามความจำเป็น อาทิ ชำระหนี้นอกระบบที่คิดอัตราดอกเบี้ยสูง ค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพค่าใช้จ่ายในการลงทุนเพื่อเพิ่มรายได้ และค่าใช้จ่ายอเนกประสงค์ หรือกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินอื่น ๆ เพื่อให้ผู้กู้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต่อไป สำหรับผู้ที่สนใจสามารถแจ้งความประสงค์ขอสินเชื่อ โดยใช้บัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาหนังสือรับรองสิทธิในบำเหน็จตกทอด เพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์ประกันเงินกู้ ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02 555 0555

Read More

ธนาคารกรุงเทพ ชวนอาเซียนผนึกกำลังความร่วมมือตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ภูมิภาค ระดับโลก ตอบรับปัจจัยท้าทายที่จะเกิดขึ้นในยุคดิจิทัล พร้อมผลักดันให้กลายเป็นภูมิภาคสำคัญในห่วงโซ่อุปทานโลก สร้างยุคความเปลี่ยนแปลงให้เป็นยุคแห่งโอกาสเติบโต แนะจับตา 3 โจทย์ใหญ่ ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์-โลกร้อนและความยั่งยืน-GenAI เป็นความท้าทายเศรษฐกิจปีงูเล็ก พร้อมเดินหน้าสร้างเครือข่ายความรู้แก่ลูกค้า ด้วยประสบการณ์ที่แข็งแกร่งในฐานะ ‘ธนาคารชั้นนำระดับภูมิภาค’ พาลูกค้าเติบโตอย่างยั่งยืน นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวในโอกาสเปิดงานสัมมนา AEC Business Forum 2025 ซึ่งธนาคารกรุงเทพ ในฐานะ “ธนาคารชั้นนำระดับภูมิภาค” จัดขึ้นในหัวข้อ ASEAN in the Age of Disruption โดยกล่าวว่า อาเซียนจำเป็นต้องสร้างความร่วมมือทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับภูมิภาค และระดับโลก เพราะถือเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือกับความท้าทายและโอกาสในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะในอาเซียนเองที่มีศักยภาพเติบโตสูงตามการเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลาง จึงมีความต้องการมากขึ้นที่จะบริโภคสินค้าและบริการ การศึกษา การดูแลสุขภาพ และการท่องเที่ยว รวมทั้งควรสนับสนุนการเคลื่อนย้ายผู้คนทั้งในด้านการศึกษา และการค้าทั่วภูมิภาค นอกจากนี้ อาเซียนกำลังเกิดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น ถนน รถไฟ ท่าเรือ พลังงาน และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจ ลดต้นทุน และยกระดับการขนส่งข้ามเขตเศรษฐกิจ เสริมศักยภาพของภูมิภาคให้กลายเป็นส่วนสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของโลก “เช่นเดียวกันกับในประเทศไทยที่กำลังเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมกรุงเทพฯ กับพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก และอีกโครงการเพื่อเชื่อมประเทศไทยกับลาว และจีน ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 5 ปีข้างหน้า รวมถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมใหม่ เช่น อุตสาหกรรมชีวภาพ อุตสาหกรรมสีเขียว รถยนต์ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ที่ผลักดันคำขอส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ในปีที่ผ่านมาให้สูงสุดในรอบ 10 ปี ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 1.3 ล้านล้านบาท ดังนั้น อาเซียนต้องพร้อมเปลี่ยนความท้าทายของยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ให้กลายเป็นโอกาสสำหรับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคตให้ได้” นายชาติศิริ กล่าวอีกว่า นอกจากประเด็นเกี่ยวกับอาเซียนเองแล้ว โลกยังกำลังเผชิญกับปัจจัยความเปลี่ยนแปลงอีกหลายมิติ นำโดยประเด็นความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทั้งสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง รวมถึงนโยบายของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ดำเนินนโยบาย…

Read More

บริษัท ไทยวิวัฒน์ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) แจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทราบว่าที่ประชุม คณะกรรมการของบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2568 จัดประชุมเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 ได้มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของ บริษัทย่อยของบริษัทฯ ได้แก่ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) (“TVI”) จำนวน 75,750,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 303,000,000 บาท เป็น 378,750,000 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 75,750,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 20 ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดภายหลังการเพิ่มทุน โดยเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) กล่าวคือบริษัท จีอาร์ แมนเนจเมนท์ (ไทยแลนด์) จำกัด ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 13.66 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,034,745,000 บาท โดยที่ บริษัท จีอาร์ แมนเนจเมนท์ (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นบริษัทย่อยในเครือของ ITOCHU Corporation ซึ่งเป็นบริษัทการลงทุนที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น โดยที่ ITOCHU Group ดำเนินธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรมทั่วโลก อาทิ สิ่งทอ เครื่องจักร โลหะ แร่ธาตุ พลังงาน เคมีภัณฑ์ อาหาร สินค้าทั่วไป อสังหาริมทรัพย์ สารสนเทศ การสื่อสาร เทคโนโลยีและการเงิน ด้วยการสร้างเครือข่ายในระดับสากลที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ ITOCHU Group มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการลงทุนและสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์อย่าง ต่อเนื่องทั่วโลก ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่าธุรกรรมการลงทุนนี้จะเป็นแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมและสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจของ TVI ต่อไปในอนาคต โดย ภายหลังจากธุรกรรมการลงทุนแล้วเสร็จ บริษัทฯ จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุมกิจการ ของ TVI โดยถือหุ้นประมาณร้อยละ 79.15 ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมด ทั้งนี้คณะผู้บริหารของ TVI…

Read More

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง เปิดเสนอขายกองทุนเปิดอีสท์สปริง พันธบัตรรัฐมุ่งรักษาเงินต้น 6M33 (ES-GOVCP6M33) อายุประมาณ 6 เดือน เงินทุนโครงการ 7,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มุ่งรักษาเงินต้นที่ผู้ลงทุนจะมีโอกาสได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวน และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนเพิ่มจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าหน่วยลงทุน ณ วันครบอายุโครงการ โดยเสนอขายครั้งแรกครั้งเดียวระหว่างวันนี้-23 มกราคม 2568 นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท โดยกองทุน ES-GOVCP6M33 มีนโยบายที่จะนำเงินลงทุนไปลงทุนในตั๋วเงินคลัง และ/หรือพันธบัตรรัฐบาล และ/หรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ในอัตราส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน สำหรับเงินลงทุนส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝากธนาคาร และ/หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้ และกองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนเพียงครั้งเดียวและถือครองทรัพย์สินที่ลงทุนจนครบอายุโครงการ (Buy and Hold) โดยคาดหวังจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 1.90% ต่อปี ณ วันครบอายุโครงการ ซึ่งเมื่อหักค่าใช้จ่ายประมาณ 0.15% ต่อปี ณ วันครบอายุโครงการ แล้ว ผู้ลงทุนจะได้รับประมาณการผลตอบแทนอยู่ที่ 1.75% ต่อปีของเงินลงทุนเริ่มแรก (แหล่งที่มาของข้อมูล อัตราผลตอบแทนที่เสนอขายโดยผู้ออกตราสาร ณ วันที่ 14 มกราคม 2568) ทั้งนี้ เมื่อครบกำหนดอายุกองทุน บลจ.อีสท์สปริง จะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบอัตโนมัติ และทำการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของกองทุนทั้งจำนวนของผู้ถือหน่วยทุกราย ไปยังกองทุนเปิดอีสท์สปริง ธนรัฐ (ES-TM) หรือกองทุนรวมตลาดเงินอื่นที่บลจ.อีสท์สปริง เปิดให้บริการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน ในวันทำการก่อนวันสิ้นสุดอายุโครงการ อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ผู้ลงทุนจะไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ในช่วงระยะเวลา 6 เดือนดังนั้น หากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก กองทุนอาจไม่ได้รับเงินต้นและผลตอบแทนตามที่คาดหวังไว้ หากผู้ออกตราสารที่กองทุนลงทุนไม่สามารถชำระเงินต้นและดอกเบี้ยคืนได้ บริษัทจัดการขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินที่ลงทุนหรือสัดส่วนการลงทุนได้ เฉพาะเมื่อมีความจำเป็นและสมควรเพื่อประโยชน์ของผู้ลงทุนเป็นสำคัญ โดยการเปลี่ยนแปลงนั้นต้องไม่ทำให้ความเสี่ยงของทรัพย์สินที่ลงทุนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ และผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน และกองทุนมีความเสี่ยงที่สำคัญ เช่น ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย ความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่องของตราสาร…

Read More

เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายโยฮัน ดีทอย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน จับมือกับ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นำโดย นายสมบัติ พิมพ์ประสิทธิ์ (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานกลาง ปฏิบัติการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือตามโครงการมอบความคุ้มครองกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุกลุ่มสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่าและบุคลากรประเภทสัญญาจ้างที่ปฏิบัติงานในพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติ โดยเอไอเอ ประเทศไทย ได้สนับสนุนกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุกลุ่มฟรี แก่เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าประเภทสัญญาจ้างในพื้นที่มรดกโลกครอบคลุมทั้งสิ้น 3 แห่ง ได้แก่ 1) เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ – ห้วยขาแข้ง 2) กลุ่มป่าดงพญาเย็น – เขาใหญ่ และ 3) กลุ่มป่าแก่งกระจาน (“พื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติ”) รวมจำนวนทั้งสิ้นกว่า 2,104 ราย ระยะเวลาคุ้มครองเริ่มตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 นาน 365 วัน หรือ 1 ปี ด้วยวงเงินคุ้มครองชีวิตสูงถึง 100,000 บาทต่อกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ พร้อมรับผลประโยชน์ค่าชดเชยรายได้ระหว่างการเข้ารักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน กรณีได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เพื่อมอบเป็นสวัสดิการและส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่มีหลักประกันความคุ้มครองอุบัติเหตุอย่างครบถ้วนและจำเป็นในการปฏิบัติงาน เพื่อหวังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและดูแลเจ้าหน้าที่ให้มีสวัสดิการความคุ้มครองอุบัติเหตุที่เพิ่มขึ้น พร้อมสนับสนุนให้ทุกคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’ โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก นายนราพัฒน์ แก้วทอง  ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พลเอกประดิษฐ์ บุญเกิด  เลขาธิการมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พันเอกนนท์ จุลานนท์ ที่ปรึกษามูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นายไพบูลย์ เปี่ยมเมตตา ผู้ช่วยเลขาธิการสายกำกับผลิตภัณฑ์ประกันภัย สำนักงาน คปภ. และ นายสุวิรัช พงศ์เสาวภาคย์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการภายนอก เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา

Read More