อาคเนย์ประกันชีวิต หนึ่งในสายธุรกิจหลักด้านประกันและการเงินไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เผยผลการดำเนินงาน ปี 2564 มั่นใจฐานะการเงินมั่นคง ด้วยกำไรสุทธิกว่า600ล้านบาท และสินทรัพย์รวมกว่า 55,600 ล้านบาท พร้อมอัตราเงินกองทุนและอัตราความยั่งยืนของกรมธรรม์สูงกว่าเกณฑ์ มุ่งมั่นเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อความสุขของลูกค้า คู่ค้า ฝ่ายขาย พนักงาน และผู้ถือหุ้น นางภฤตยา สัจจศิลา กรรมการผู้จัดการบริษัท อาคเนย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า ในภาพรวมของธุรกิจยังคงมีการขยายตัวของเบี้ยประกันชีวิตอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความท้าทายจากสถานการณ์ต่างๆ โดยผลการดำเนินงาน ปี 2564 (ม.ค.-ธ.ค. 64) บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวมกว่า 10,800 ล้านบาทเบี้ยประกันชีวิตรับปีแรกกว่า 8,400ล้านบาท เติบโตสูงถึง53% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของเบี้ยรับรายใหม่ขยับขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 7 ของอุตสาหกรรมและมีอัตราความยั่งยืนของกรมธรรม์ (Persistency rate) ที่93%ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ประมาณ80% โดยมีกำไรสุทธิกว่า600ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการบริหารงานที่ประสิทธิภาพ และการเพิ่มสัดส่วนของธุรกิจที่มีคุณภาพและยั่งยืนมากขึ้น จากผลการดำเนินงานธุรกิจในปี 2564สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทฯ มีสภาพคล่องที่ดีและมีฐานะทางการเงินที่มั่นคงแข็งแกร่ง ด้วยสินทรัพย์รวม ณ สิ้นปี 2564 มากกว่า 55,600 ล้านบาท และมีอัตราส่วนเงินความพอเพียงของเงินทุนตามกฎหมายมากกว่า 230% ซึ่งมากกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดไว้ที่ 120% ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่าอาคเนย์ประกันชีวิต มีสถานะทางการเงินที่เข้มแข็ง มีความสามารถในการรองรับความเสี่ยง และดูแลค้าทุกคนได้ตลอดอายุสัญญากรมธรรม์ประกันชีวิต “โดยความสำเร็จที่กล่าวมานี้ เป็นผลมาจากการวางแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพในทุกๆ ด้าน ตอกย้ำความมุ่งมั่นของอาคเนย์ประกันชีวิตสู่การเติบโตคู่สังคมไทยอย่างยั่งยืน ทำให้บริษัทฯ ได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจทั้งจากลูกค้า คู่ค้า ฝ่ายขาย พนักงาน และผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนพัฒนาศักยภาพและเสริมสร้างทักษะใหม่ๆ ที่จำเป็นให้กับบุคลากร เพื่อให้พร้อมรับกับความเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ รวมถึงการเดินหน้าจับมือพันธมิตรสร้างการเติบโตทางธุรกิจประกันชีวิต โดยมุ่งสร้างนวัตกรรมการประกันชีวิตและการบริการ เพื่อสุขภาพชีวิตที่ดีของลูกค้า และคนไทย” นางภฤตยา กล่าว บริษัทฯ พร้อมเคียงข้างดูแลลูกค้าทุกคนให้ได้รับความคุ้มครองอย่างต่อเนื่องตลอดอายุกรมธรรม์ในทุกสถานการณ์ของชีวิต และร่วมสร้างสังคมสุขภาพดี Healthy& Wealthy Living โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการในทุกช่วงวัย เข้าถึงง่ายและคุ้มค่าเงิน ไม่ว่าจะเป็น ความคุ้มครองชีวิตความคุ้มครองสุขภาพ การออมเงินเพื่อความมั่นคงและมั่งคั่ง การออมเพื่อชีวิตหลังเกษียณ โดยร่วมส่งเสริมให้คนไทยวางแผนทางการเงินเพื่ออนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Author: staff
บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต โดยคุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ (CEO) พร้อมด้วยคุณสมชัย อาภรณ์ศิริพงษ์ รองกรรมการผู้จัดการ ร่วมแสดงความยินดีและมอบรางวัลใหญ่ รถยนต์หรู BMW X1 มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท จากแคมเปญ “OCEAN LIFE ไทยสมุทร ลุ้นโชค 2 ชั้น ปี 3” ให้แก่คุณบัณฑิต เต็งวงษ์วัฒนะ ลูกค้าผู้โชคดีจากสาขาอ่างทอง ซึ่งเป็นลูกค้าที่ไว้วางใจให้ OCEAN LIFE ไทยสมุทร ใช้พลังความรักดูแลชีวิตและครอบครัวมาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 20 ปี โดยแคมเปญนี้นอกจากจัดขึ้นเพื่อตอบแทน และขอบคุณลูกค้าที่ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดีตลอด 72 ปีที่ผ่านมา ยังช่วยส่งเสริมให้คนไทยหันมาดูแลสุขภาพของตนเองมากขึ้น เพื่อให้มีร่างกายที่แข็งแรงพร้อมสู้กับทุกวิกฤตที่จะผ่านเข้ามาในชีวิตได้ สำหรับในปี 2565 OCEAN LIFE ไทยสมุทร เดินหน้าดูแลคนไทยผ่านวิกฤตอย่างยั่งยืน โดยได้เปิดตัวแคมเปญใหม่ล่าสุด “OCEAN LIFE ไทยสมุทร ลุ้นโชค 2 ชั้น ปี 4” ที่จะชวนคนไทยรักสุขภาพ และรักษ์โลกไปพร้อม ๆ กับการลุ้นรางวัลใหญ่ ORA GOOD CAT รถยนต์ไฟฟ้า 100% พร้อมลุ้นจี้ทองคำหนัก 1 สลึง 56 รางวัลตลอดปี มูลค่ารวมกว่า 1.4 ล้านบาท เพียงลูกค้าซื้อประกันสุขภาพ OCEAN LIFE ENJOY HEALTH ตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด พร้อมลงทะเบียนเข้าใช้งาน OCEAN CONNECT ผ่าน Line : @oceanlife หรือ OCEAN CLUB APP ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2565 ก็มีสิทธิ์ลุ้นโชคได้หลายครั้งตลอดทั้งปี 2565 สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ocean.co.th…
นางสาวภคมน ตุลยาพิศิษฐ์ชัย ผู้อำนวยการอาวุโส แผนก Digital Transformation บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำการเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมที่แข็งแกร่ง ล่าสุด เข้าร่วมลงนามในโครงการ T-Verse powered by Brandverse ในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจ ที่จะเชื่อมธุรกิจ การศึกษา และภาครัฐ สู่ความร่วมมือพัฒนา Thailand Metaverse Ecosystem🇹🇭 ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคนจะได้ก้าวไปใช้ชีวิตในโลกดิจิทัล ทั้ง Social, Shop, Play, Work, Learn ได้แบบไร้ขีดจำกัด “โลก Metaverse ทำให้หลายธุรกิจค่อนข้างตื่นตัวเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าเป็นช่องทางใหม่ที่จะสร้างประสบการณ์และเพิ่มการเข้าถึงลูกค้าในโลกเสมือน สำหรับ เงินติดล้อ ซึ่งเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมที่ไม่เคยหยุดนิ่ง และมีวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมการเรียนรู้อยู่เสมอ เราจึงมองว่าในโลก virtual reality มีโอกาสมากมายที่สามารถนำมาปรับใช้ได้หลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสาขาจำลองเพื่อทดสอบพนักงาน หรือการออกแบบรูปแบบบริการใหม่ ๆ (service design) การให้ความรู้ทางด้านการเงินอย่างจริงจัง ตลอดจนการเข้าถึงทั้งชุมชน และคนรุ่นใหม่ในการเข้าถึงสินค้าและบริการของเรา เราจึงเชื่อว่าในโลก Metaverse สามารถเป็นส่วนเติมเต็มให้การเงินมีความเข้าใจง่าย และสนุกมากยิ่งขึ้นในรูปแบบ immersive หรือ community learning ก็เป็นได้”
บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยฝ่ายสื่อสารองค์กร เป็นผู้แทนบริษัทฯ มอบกระเป๋าผ้าจำนวน 70 ใบ มูลค่ากว่า 4,500 บาท ให้กับสมาคมคนพิการกรุงเทพมหานคร เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการจัดกิจกรรมของผู้พิการต่อไป ณ อาคารสำนักงานใหญ่ สินมั่นคงประกันภัย เมื่อเร็วๆ นี้
เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ลุยตลาดประกันปี 2565 ตอกย้ำการเป็น “Lifetime Partner 24: Driving Growth” เตรียมยกระดับมาตรฐานการบริการชูกลยุทธ์เด็ด“Customer F.I.R.S.T.”เอาใจลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นจากช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ด้วยการดึงเทคโนโลยีพัฒนาระบบเพิ่มประสิทธิภาพ เน้นความรวดเร็ว สะดวกสบาย เข้าถึงบริการง่าย หลากหลายแพลตฟอร์ม รองรับการสอบถามข้อมูล การสมัครประกัน และขอความช่วยเหลือด้านต่างๆ นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์กล่าวว่า “ธุรกิจประกันชีวิตและประกันภัยของเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ มีอัตราการเติบโตต่อเนื่องขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วง 2 ปีหลัง กระตุ้นให้มีลูกค้าสนใจในผลิตภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากตัวผลิตภัณฑ์และการบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้า อีกทั้งช่องทางการขายผ่านธนาคาร (Bancassurance) ทั้ง กลุ่มธนาคารและสถาบันการเงินเพื่อลูกค้าสินเชื่อประเภทต่าง ๆ อาทิ สินเชื่อรายย่อย สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อเพื่อธุรกิจก็สร้างผลการดำเนินงานที่ดีกว่าตลาดอย่างมาก ส่งผลให้ปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าถือกรมธรรม์เจนเนอราลี่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางด้านมร. มาร์โค เอนนีโล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท เจนเจอราลี่ ไทยแลนด์กล่าวว่าเพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพด้านงานบริการลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมรองรับปริมาณลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต รวมถึงเพื่อเป็นการตอกย้ำแนวคิด “Lifetime Partner 24: Driving Growth” การเป็นผู้นำที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับลูกค้าผ่านการบริการและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ จึงได้ปรับกลยุทธ์ด้านงานบริการ“Customer F.I.R.S.T.” ชูคอนเซ็ปต์ความสะดวกสบายและการให้บริการลูกค้าต้องมาก่อน ผ่านแนวคิด 5 ด้าน ได้แก่ Fast service(F)การบริการที่รวดเร็วสามารถให้ข้อมูลและนำเสนอผลิตภัณฑ์ ที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ทันทีต่อมาคือIntegration(I)การบูรณาการกระบวนการทำงานภายในระหว่างหน่วยงานต่างๆ ในด้านข้อมูล เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าดียิ่งขึ้นReachable(R)การพัฒนาช่องทางการติดต่อสื่อสาร เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงเจนเนอราลี่ได้ง่ายขึ้นในทุกแพลตฟอร์ม ได้แก่ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ Generali care center 1394,Line official, Facebook Official,Application Generali 365, สายด่วนสำหรับคู่ค้าธุรกิจ (B2B) เป็นต้นและ Simplification (S) การปรับลดขั้นตอนต่างๆ เพื่อให้สะดวกแต่ยังคงประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการเก็บรักษาความลับของลูกค้า อาทิ การลดขั้นตอนการเซ็นเอกสารกรมธรรม์ และการเพิ่มวิธีการรับชำระเบี้ยประกันให้หลากหลายและสะดวกมากขึ้น รวมถึงการลดเอกสารต่างๆ เพื่อให้เกิดการดำเนินงานและส่งมอบความคุ้มครองและบริการได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้นและ สุดท้ายคือ Technology (T)เราให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีระบบปฏิบัติการในการรองรับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นด้านการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมรวมไปถึงการนำระบบพิจารณารับประกัน…
นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นางสาวจิตต์เกษม สุรธรรมานันท์ รองกรรมการผู้จัดการ และนางสาว สาริศา ล่ำซำ ผู้ชำนาญงาน ฝ่ายยุทธศาสตร์องค์กร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมกับมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม โดยนางพิตราภรณ์ บุณยรัตพันธุ์ รองประธานกรรมการมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม สานต่อโครงการ “อบอุ่นกับเมืองไทยประกันชีวิต” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 มอบผ้าห่มต้านภัยหนาว ให้แก่บริษัท บรอดคาซท์ไทย เทเลวิชั่น จำกัด โดยมี ดร.อรุโณชา ภาณุพันธุ์ กรรมการผู้จัดการและนางสาวจันทร์แรม สุจริต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ เป็นผู้รับมอบ ณ เมืองไทยประกันชีวิต สำนักงานใหญ่ เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยหนาวในโครงการห่มรัก ปีที่ 12 สำหรับส่งต่อความอบอุ่นให้กับพระภิกษุ สามเณร และประชาชน ที่ประสบภัยหนาวในพื้นที่ที่ขาดแคลน และเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมในการพัฒนาคุณภาพชีวิต
TSI Insurance เผยผลดำเนินงานปี 64 ดีกว่าคาดทั้งด้านการดำเนินงานและความมั่นคงทางการเงิน โดยเฉพาะผลการดำเนินงานในไตรมาส 4 และยังสามารถรักษาอัตราส่วนความพอเพียงของเงินกองทุน (CAR Ratio) กว่า 500% ท่ามกลางวิกฤติจากโควิด – 19 ของอุตสาหกรรมประกันภัย ด้วยนโยบายบริหารความเสี่ยง พร้อมปรับการทำงานภายในให้มีประสิทธิภาพ ใช้โอกาสครบรอบ 80 ปี เดินหน้าพัฒนาบริการและช่องทางออนไลน์เพื่อตอบสนองลูกค้าทุกกลุ่ม พร้อมยกระดับศูนย์บริการทั่วประเทศ หลังสัดส่วนงานต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นเป็น 60% โดยวางเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับ 900 ล้านบาทในปี 65 นายธนพล บุญวรุตม์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TSI Insurance เปิดเผยผลดำเนินงานปี 2564 ว่า บริษัทฯ มีการเติบโตสอดคล้องกับการเติบโตของเบี้ยประกันภัยของอุตสาหกรรม โดยมีเบี้ยประกันรับรวม 673 ล้านบาท จากปี 2563 มีเบี้ยประกันรับรวม 665 ล้านบาท เป็นงานประเภทรถยนต์ 520 ล้านบาท หรือร้อยละ 78 และงานประเภท non motor ที่เติบโตขึ้น 99 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีเบี้ยประกันรับกลุ่ม non motor 150 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75 ล้านบาท จากปี 63 คิดเป็นสัดส่วนงาน 22% ของเบี้ยรับรวม จากปีที่แล้วมีเพียง 11 % ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายบริษัทฯ ในการเพิ่มสัดส่วนเบี้ยประกันกลุ่ม non motor ที่ 25% โดยส่วนใหญ่มาจากงานประเภทประกันภัยทางทะเลและขนส่ง ความเสี่ยงภัย และประกันเบ็ดเตล็ดที่เพิ่มขึ้นถึง 80-90% ซึ่งเป็นไปตามขีดความสามารถของการรับงานที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งงานจากกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลที่ไม่ใช่กรมธรรม์ประกันโควิด ขณะเดียวกันค่าสินไหมและค่าใช้จ่ายในการจัดการสินไหมสุทธิในปี 2564 ลดลง 46.4 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 23จากการดำเนินนโยบายมุ่งเน้นการบริหารจัดการภายใน ทั้งด้านการบริหารจัดการข้อมูล ให้สามารถวิเคราะห์และสะท้อนความเป็นจริงที่ใกล้เคียงที่สุด เพื่อนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจและกำหนดนโยบายได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งในด้านสินไหมและการรับงาน เช่น การจำกัดความเสี่ยงจากการรับประกันรถยนต์บางประเภทที่มีอัตราส่วนความเสียหายสูง ส่งผลให้ในปี 2564 บริษัทฯ มีผลดำเนินงานดีขึ้นโดยขาดทุนสุทธิลดลงร้อยละ 66 จาก 129.4 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 44.4 ล้านบาท จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้อัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนของบริษัทล่าสุดสูงกว่า 500% “ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ท้าทายมากสำหรับธุรกิจประกัน เพราะนอกจากกำลังซื้อของลูกค้าจะลดลงจากภาวะเศรษฐกิจแล้ว ความเชื่อมั่นก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เราเดินหน้าขยายตลาดได้ลำบาก เราจึงต้องดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและต้องปรับกลยุทธ์ในช่วงระหว่างปี โดยไม่เน้นการเร่งเบี้ยประกันภัยแต่เพิ่มการเอาใจใส่ ดูแลผู้เอาประกัน โดยบริหารความเสี่ยงภายในองค์กรให้บริษัทฯ มีความพร้อมในการดูแลผู้เอาประกันภัย ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ที่ขาย และการบริการสินไหม ดังนั้นจะเห็นได้ว่าถึงแม้เบี้ยประกันปี 64 เราโตเพียง 1% แต่ผลดำเนินงานเราดีขึ้นจากปีก่อนถึง 66% โดยปัจจัยหลักก็มาจากการพัฒนาและปรับปรุงการบริหารจัดการภายในให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” นายธนพลกล่าว ด้านนางสาวอรลดา เผ่าวิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวเสริมว่า ในปี 2565 เป็นปีที่บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจครบรอบ 80 ปี โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายในการพัฒนาการให้บริการที่ทันสมัยและรวดเร็วให้กับลูกค้าและคู่ค้าทั้งก่อนและหลังการขาย ผ่านออนไลน์แอปพลิเคชัน เพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้า และสนับสนุนงานบริการของโบรกเกอร์และตัวแทนรายย่อย ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้บริการในปัจจุบันที่มีสัดส่วนการใช้บริการผ่านออนไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโควิด-19 หลังจากช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจประกันภัยประสบปัญหาด้านความเชื่อมั่นจากการปิดตัวลงของบริษัทประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากการขายกรมธรรม์ประเภท เจอ จ่าย จบ อย่างไรก็ตาม ด้วยการดำเนินนโยบายแบบระมัดระวัง บริษัทฯ ไม่ได้รับประกันโควิดประเภทเจอ จ่าย จบ จึงไม่ได้รับผลกระทบต่อสถานะทางการเงินเรื่องการจ่ายสินไหมแต่อย่างใด ในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ยังได้เพิ่มศูนย์บริการที่จังหวัดอุดรธานีอีก 1 แห่ง รวมเป็นศูนย์บริการ 10 แห่ง และผู้บริหารระดับสูงได้เดินสายพบปะตัวแทนรายย่อย เพื่อสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นเกี่ยวกับความมั่นคงและนโยบายการบริหารจัดการของบริษัทฯ และนำข้อมูลมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ต่อความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป รวมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ดียิ่งขึ้น “ในปี 65 TSI ยังคงทำงานเชิงรุกมากขึ้น โดยยังคงสัดส่วนงานกรุงเทพและต่างจังหวัดไว้ที่ 40:60 พร้อมเตรียมยกระดับศูนย์ในต่างจังหวัดเพื่อให้สามารถรองรับกับแผนการขยายตลาดที่จะรุกครอบคลุมยังภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ในขณะที่จะรักษาสัดส่วนตลาดภาคใต้ ซึ่งในปีที่ผ่านมาสามารถทำตลาดได้ถึงร้อยละ 12 ของเบี้ยทั้งหมด ปีนี้เราวางเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับรวมไว้ที่ 900 ล้านบาท ด้วยสัดส่วนงาน motor และ non motor ยังคงเป็น 75 : 25 โดยมุ่งเน้นการทำตลาดอย่างเข้มข้น ผ่านกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดในรูปแบบ Traditional และ Digital เพื่อให้ผู้บริโภครู้จักและเข้าถึงผลิตภัณฑ์และการบริการที่ง่าย…
นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ BLA เปิดเผยว่าในปี 2564 กรุงเทพประกันชีวิตมีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกทั้งสิ้นที่ 6,262 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4 จากปี 2563 โดยช่องทางตัวแทนมีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 จากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากขึ้น และการมุ่งเน้นการขายสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง บริษัทยังมีการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับปีแรกในช่องทางอื่นร้อยละ 25 จากการเติบโตของเบี้ยประกันภัยกลุ่มและช่องทางออนไลน์ อย่างไรก็ตาม เบี้ยประกันภัยรับปีแรกในช่องทางธนาคารลดลงร้อยละ 14 จากข้อจำกัดในการขายในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สำหรับเบี้ยรับประกันภัยสุทธิในปี 2564 มีจำนวน 33,992 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากปีก่อนหน้า สำหรับในไตรมาสที่ 4 ปี 2564 กรุงเทพประกันชีวิตมีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกจำนวน 1,611 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 35 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 จากไตรมาสก่อน ช่องทางธนาคารมีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกเพิ่มขึ้นร้อยละ 74 จากไตรมาส 4 ปี 2563 จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่อนคลายขึ้น ช่องทางตัวแทนมีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 จากไตรมาสก่อนหน้า จากการออกผลิตภัณฑ์ Unit-linked และการปรับกลยุทธ์การขาย ขณะที่ช่องทางอื่นๆ มีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเบี้ยประกันภัยรับปีแรกในช่องทางออนไลน์ บริษัทมีสินทรัพย์รวม ณ สิ้นปี 2564 จำนวน 347,143 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2563 ที่ร้อยละ 2 โดย สินทรัพย์ลงทุนมีสัดส่วนสูงที่สุดคือร้อยละ 95 ในปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานทั้งสิ้น 3,196 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 99 จากปี 2563 สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของเบี้ยประกันภัยรับและค่าใช้จ่ายการรับประกันภัยที่ลดลง ทางด้านความมั่นคงของฐานะทางการเงิน บริษัทมีระดับความเพียงพอของเงินกองทุน (Capital Adequacy Ratio – CAR) ณ สิ้นปี 2564 ที่ระดับร้อยละ 301 เพิ่มขึ้นจากปี 2563 จากผลกำไรจากการดำเนินงาน ในไตรมาสที่ 4 ปี 2564 นี้บริษัททำการตลาดในช่องทางจำหน่ายแต่ละช่องทาง โดยในช่องทางธนาคาร บริษัทยังคงทำการตลาดผ่านแคมเปญ “เลือกง่าย ได้ชัวร์” ที่มี นาย ณภัทร เสียงสมบุญ แบรนด์แอมบาสเดอร์ของกรุงเทพประกันชีวิต เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบบประกันเกนเฟิสต์ (Gain 1st) ในส่วนของช่องตัวแทนจำหน่าย บริษัทได้ทำการสื่อสารแบบประกันควบการลงทุน Unit-linked ที่เปิดตัวใหม่ ทั้ง บีแอลเอ พรีเมียร์ลิงค์ แบบชำระเบี้ยประกันภัยรายงวด และ บีแอลเอ เวลธ์ลิงค์ แบบชำระเบี้ยประกันภัยครั้งเดียว ที่ให้ความคุ้มครองควบคู่ไปกับการลงทุนผ่านกองทุนรวมชั้นนำ บริษัทยังได้ทำการสื่อสารแคมเปญโฆษณาแบบประกันสุขภาพ บีแอลเอ แฮปปี้เฮลธ์ แบบประกันสุขภาพที่ทำให้หมดความกังวลทั้งค่ารักษาพยาบาลและส่วนเกินค่าห้อง ครอบคลุมค่าห้องเดี่ยวมาตรฐานของทุกโรงพยาบาลแบบไม่ต้องจ่ายเพิ่ม บริษัทยังได้เสริมบริการด้านสุขภาพผ่านบริการเสริมด้านสุขภาพภายใต้โครงการ BLA Every Care เพื่อรองรับความต้องการและดูแลลูกค้าได้อย่างเต็มศักยภาพ และในช่วงสถานการณ์โควิด-19 กรุงเทพประกันชีวิตได้เปิดโครงการ Care@Home ต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 เพื่อให้บริการลูกค้ากรุงเทพประกันชีวิตทุกคนที่ต้องเข้ารับการรักษาใน Hospitel และ Home Isolation ที่ให้บริการติดตามอาการจากทีมแพทย์และพยาบาลจากศูนย์บริการทางการแพทย์กรุงเทพประกันชีวิตพร้อมช่วยเหลือหากลูกค้ามีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลเพิ่มเติม รวมทั้งการจัดส่งชุดกักตัวอุ่นใจ และสิทธิการรักษาทางไกล (Telemedicine) นอกเหนือจากความคุ้มครองในกรมธรรม์ที่ลูกค้ามีอยู่ บริษัทได้มุ่งให้ความสำคัญในการส่งเสริมการก้าวสู่สังคมไร้เงินสดและลดการใช้ทรัพยากร ด้วยการจัดทำโครงการ “ร่วมลดได้ลุ้น 70ปี กรุงเทพประกันชีวิต” สำหรับลูกค้าที่ทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์ตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยแคมเปญ ร่วมลดได้ลุ้น จะดำเนินการไปจนถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2565 รวมทั้งบริษัทยังคงให้ความสำคัญในการสร้างและพัฒนาตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาทางการเงิน ผ่านโครงการรับรองรายได้ผู้บริหารตัวแทนมืออาชีพ (Smart Leader) เพื่อยกระดับการพัฒนาคุณภาพทีมงานขายอย่างมั่นคงและยั่งยืน และร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ ด้านแผนการลงทุนคู่ความคุ้มครองผ่านที่ปรึกษาการเงินของบริษัท เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านการเงินให้ประชาชนทุกกลุ่ม
บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เดินหน้าสานต่อเจตนารมณ์ในการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ต่อยอดโครงการช่วยเหลือชุมชนและผู้ด้อยโอกาส ด้วยการมอบวัตถุดิบอาหารผ่าน 7 มูลนิธิ เพื่อร่วมบรรเทาความเดือดร้อนในสถานการณ์โควิด-19 พร้อมเป็นกำลังใจและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทย นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ดำเนินอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เข้าถึงโอกาสน้อย และมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ ซึ่งส่วนหนึ่งอยู่ในการดูแลของมูลนิธิต่าง ๆ ที่ช่วยเหลือทั้งในด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตและอาชีพ เพื่อสร้างทักษะและเตรียมความพร้อมในการใช้ชีวิตให้พึ่งพาตนเองได้ในสังคม เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติโควิด-19 เราจึงได้ต่อยอดโครงการ กรุงเทพประกันชีวิต สร้างรอยยิ้ม ส่งความสุขสู่สังคม มอบวัตถุดิบเพื่อนำไปประกอบอาหารให้แก่ 7 มูลนิธิ ได้แก่ 1.ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดนนทบุรี 2.บ้านราชาวดีหญิง 3.ศูนย์ส่งเสริมอาชีพคนพิการ (โรงงานปีคนพิการสากล) 4.บ้านราชวดีชาย 5.มูลนิธิสงเคราะห์เด็กอ่อนปากเกร็ด (อายุ 4-6 ขวบ) 5.สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการบ้านเฟื่องฟ้า(สงเคราะห์เด็กอ่อนพิการ) 6.สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการบ้านเฟื่องฟ้า(สงเคราะห์เด็กอ่อนพิการ) และ 7.บ้านนนทภูมิ นอกจากการสนับสนุนด้านโภชนาการเพื่อเสริมสร้างกำลังกาย กรุงเทพประกันชีวิตขอร่วมส่งกำลังใจ และความรู้สึกดีดี พร้อมอยู่เคียงข้างสังคมไทยให้ขับเคลื่อนต่อไปอย่างแข็งแรง ผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) คว้าแชมป์รางวัล Top Investment Houses in Asian Local Currency Bond จากงาน The Asset Benchmark Research Awards 2021 จัดโดยนิตยสาร The Asset ซึ่งเป็นนิตยสารด้านการเงินชั้นนำในระดับเอเชีย ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย สามารถรักษาดีกรีแชมป์ได้อย่างยาวนานต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 นับเป็นการการันตีฝีมือและความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการกองทุนตราสารหนี้ได้เป็นอย่างดี โดยมีนายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย (ขวา) และนายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน) บลจ.กสิกรไทย (ซ้าย) เป็นตัวแทนยินดีกับความสำเร็จในครั้งนี้ อย่างไรก็ดี บลจ.กสิกรไทย ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อตราสารหนี้เอเชีย โดยประเมินว่าเศรษฐกิจในปี 65 จะกลับมาฟื้นตัวได้ในทุกอุตสาหกรรรม อันเกิดจากการทยอยรับวัคซีนจนครบโดสในแต่ละประเทศ และความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทจดทะเบียนโดยรวมปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับการบรรลุข้อตกลงทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่คาดว่าจะมีความชัดเจนขึ้นในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อตราสารหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือระดับที่ลงทุนได้ (Investment Grade) ในภูมิภาคเอเชีย