ดร.พลรัตน์ เอกโยคยะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ คุณธนวรรณ ศรีวิสุทธิลักษณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจธนาคาร1 คุณกฤษฎา กิตติพรไพบูลย์ ผู้อำนวยการศูนย์ฯ ตะกาฟุล บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ คุณศิริพร เลิศสัตยสุกใส ผู้ช่วยผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มลูกค้าบุคคล สายงานบริหารการขาย คุณชลลัดดา พันธัย ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการขายหน่วยงานพันธมิตร ขยายช่องทางการให้บริการสำหรับกลุ่มลูกค้าพี่น้องมุสลิมด้วยโครงการทิพยตะกาฟุล ประกันภัยระบบอิสลาม เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ผ่านช่องทางธนาคารออมสินทั่วประเทศ โดยผลิตภัณฑ์ในโครงการทิพยตะกาฟุล มีการดำเนินการทุกขั้นตอนอย่างถูกหลักศาสนาอิสลาม ตั้งแต่การเริ่มต้นเงินกองทุน การบริหารจัดการ รวมถึงการกระจายความเสี่ยง โดยระบบรีตะกาฟุลไปยังประเทศ ที่ใช้กฎหมายอิสลาม (ชะรีอะฮ์) และยังได้มีการจัดการระบบการช่วยเหลือสังคม (ซะกาตภาคบังคับ) ที่ถูกบัญญัติขึ้นตามหลักศาสนา สามารถสร้างความมั่นใจในการให้บริการกับกลุ่มลูกค้ามุสลิม โดยมี คุณมนัส บินมะฮมุด ผู้ก่อตั้งโครงการตะกาฟุล และ ศ.ดร.ซาการียา หะมะ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินอิสลาม ร่วมยืนยันความถูกต้อง ณ ธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่
Author: staff
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กำหนดให้การแก้ไขหนี้สินให้กับประชาชนทั้งระบบเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายให้ธนาคารออมสินดำเนินการร่วมขับเคลื่อนแก้ปัญหาหนี้ให้กับประชาชนผ่านมาตรการต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการเร่งช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐแก้ไขหนี้ ธนาคารจึงขอเชิญชวนสหกรณ์ออมทรัพย์ข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ กู้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ “สินเชื่อสหกรณ์ออมทรัพย์เพื่อแก้ไขหนี้บุคลากรภาครัฐ” เพื่อนำไปเป็นเงินทุนในการปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับสมาชิก ได้แก่ ข้าราชการครู ตำรวจ ทหาร พนักงานรัฐวิสาหกิจ เพื่อไถ่ถอน หรือรีไฟแนนซ์หนี้ดอกเบี้ยสูง มาไว้ที่สหกรณ์ออมทรัพย์ของสมาชิกที่เดียว ซึ่งถือเป็นการช่วยลดภาระดอกเบี้ยแพง ให้กับกลุ่มลูกหนี้รายย่อยที่มีรายได้ประจำของหน่วยงานภาครัฐดังกล่าว เช่น หนี้บัตรเครดิต ดอกเบี้ย 16% ต่อปี หรือหนี้สินเชื่อบุคคลจากสถาบันการเงินอื่นหรือนอนแบงก์ที่คิดดอกเบี้ยสูงถึง 25% ต่อปี เป็นต้น สินเชื่อสหกรณ์ออมทรัพย์เพื่อแก้ไขหนี้บุคลากรภาครัฐ วงเงินโครงการ 5,000 ล้านบาท เป็นเงินกู้ระยะยาว โดยปล่อยกู้ให้แก่สหกรณ์ออมทรัพย์ของหน่วยงานภาครัฐ/รัฐวิสาหกิจ ตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ เพื่อเป็นเงินทุนในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของสมาชิกที่มีกับสถาบันการเงิน รวมถึงหนี้นอกระบบหรืออื่นๆ อัตราดอกเบี้ยต่ำปีแรกเพียง 2.99% ต่อปี ปลอดชำระเงินต้นนาน 2 ปี ระยะเวลากู้ไม่เกิน 7 ปี และยกเว้นค่าธรรมเนียมสินเชื่อต่างๆ จึงขอเชิญชวนสหกรณ์ออมทรัพย์หน่วยงานภาครัฐ ยื่นขอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับสมาชิก ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ GSB Contact Center โทร. 1115 และที่ facebook : GSB Society.
เด็กพิเศษ มาจากคำว่า เด็กที่มีความต้องการพิเศษ จำเป็นต้องได้รับการดูแลและช่วยเหลือเพิ่มเติมจากปกติ ทั้งการเรียนรู้ การใช้ชีวิตประจำวัน ตลอดจนการเข้าสังคม เพื่อให้เด็กได้รับการพัฒนาอย่างเต็มตามศักยภาพ แต่ในสังคมไทยยังไม่ให้ความสำคัญเท่าที่ควร ทำให้ความเข้าใจเกี่ยวกับเด็กพิเศษมีจำกัด บางครั้งกลายเป็นความเข้าใจผิด ไม่ให้การยอมรับ ปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียม จนนำไปสู่ส่วนหนึ่งของปัญหาทางสังคม ซึ่งเทเวศประกันภัยได้ตระหนักและให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว จึงได้ดำเนินโครงการ “รอยยิ้มเพื่อเรา-พัฒนาบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ” ตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา นางเอมอร จิรเสาวภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วัตถุประสงค์หลักของโครงการ คือการเสริมสร้างทักษะชีวิตให้เด็กพิเศษสามารถช่วยเหลือตัวเอง ดูแลคนรอบข้างในเบื้องต้น ตลอดจนสามารถดำเนินชีวิตร่วมกับคนในสังคมได้ ผ่านกิจกรรมบำบัดต่างๆ อาทิ อาชาบำบัด กิจกรรมที่ให้เด็กได้ขี่ม้า ซึ่งจะทำให้เด็กมีการเคลื่อนไหวที่ดีขึ้น มีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่ทำ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความมั่นใจและลดความกลัวให้กับเด็ก วารีบำบัด การพัฒนาทางกายภาพด้วยเทคนิคการบริหารกายในน้ำ การทรงตัว การเคลื่อนไหว เพื่อให้เด็กๆ ได้ฝึกควบคุมร่างกายได้ดีขึ้น ศิลปะบำบัด ช่วยพัฒนาอารมณ์ สติปัญญา สมาธิ ความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงการช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก และการประสานงานการเคลื่อนไหวของร่างกาย โยคะบำบัด ช่วยให้เด็กอยู่กับตัวเอง ฝึกอยู่นิ่งๆ รวมถึงกิจกรรมเรียนรู้นอกห้องเรียน ซึ่งทางเทเวศประกันภัยให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจนเข้าสู่ปีที่ 16 ร่วมกับโรงเรียนวัดมหาธาตุและโรงเรียนราชบพิธ โดยมีนักเรียนที่ผ่านการเข้าร่วมโครงการนี้มากถึง 315 คน “โครงการรอยยิ้มเพื่อเรา-พัฒนาบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ ถือได้ว่าเป็นกิจกรรมเพื่อสังคมที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง เราเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นพัฒนาการที่ดีขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจของนักเรียน รวมไปถึงผู้ปกครองมีความเข้าใจ มีกำลังใจและมีส่วนร่วมในการช่วยพัฒนาเด็กที่มากขึ้น นางเอมอร กล่าว ด้าน นางสาวฐิติพร อาจปาสา คุณครูโรงเรียนวัดมหาธาตุ ได้เล่าถึงประโยชน์ของกิจกรรมที่เทเวศประกันภัยให้การสนับสนุนว่า “ทุกกิจกรรมที่เทเวศประกันภัยเข้ามาสนับสนุน สิ่งที่สังเกตเห็นได้ชัดสุดคือเด็กมีความสุขและสนุกสนานตลอดการทำกิจกรรม มีบุคลิกภาพที่พัฒนาไปในทางที่ดี สุขภาพร่างกายและอารมณ์มีความแข็งแรงขึ้น มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น สามารถรับฟังและปฏิบัติตามคำสั่งได้ดีมากขึ้น ทางด้านผู้ปกครองก็นำกิจกรรมต่างๆ ไปปรับใช้ในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการฝึกใช้กล้ามเนื้อ การออกกำลังกายในพื้นที่จำกัด ตลอดจนการพาไปทำกิจกรรมต่อเนื่องในช่วงเวลาว่าง ซึ่งผู้ปกครองถือเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนา โดยเริ่มจากการฝึกทักษะพื้นฐานอย่างการช่วยเหลือตนเองในกิจวัตรประจำวัน เช่น การเข้าห้องน้ำ การแต่งกาย การทำธุระส่วนตัว ด้วยความรักและความเอาใจใส่ทุกด้าน สอนให้เด็กเข้าใจบทบาทของตนเองและสามารถปฏิบัติได้ เพื่อการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม” ในส่วนของโรงเรียนราชบพิธ นางสาววรรณฤดี รุกขวัฒนกุล ครูวิทยฐานะชำนาญการ กล่าวว่า…
เอไอเอ ประเทศไทย นำโดยนางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ นางสาวชลิดา นครชัย ผู้อำนวยการฝ่ายดิจิทัล เอ็กซ์ และนายพีร พนิตพล ผู้อำนวยการฝ่ายยูนิต ลิงค์ ได้ให้การต้อนรับทีมสโมสรชลบุรี เอฟซี นำโดย บิ๊กจี คุณจิระศักดิ์ โจมทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และสื่อในฐานะตัวแทนของ ฉลามชล สโมสรชลบุรี เอฟซี ซึ่งได้เดินทางมายังอาคารเอไอเอ ทาวเวอร์ เพื่อมอบกระเช้าปีใหม่ พร้อมขอบคุณเอไอเอ ประเทศไทย หนึ่งในผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของสโมสรชลบุรี เอฟซี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา เอไอเอ ประเทศไทย ได้ให้การสนับสนุน สโมสร ชลบุรี เอฟซี เป็นระยะเวลากว่าทศวรรษ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างรากฐานและปลูกฝังให้ผู้คนและเยาวชนไทยหันมาใส่ใจ ดูแล และรักสุขภาพ โดยกีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย และเป็นความฝันของเยาวชนไทยมากมาย อีกทั้งยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนที่จะพัฒนาทักษะจนต่อยอดเป็นอาชีพในอนาคตได้ ซึ่งสะท้อนถึงพันธกิจของเอไอเอ ประเทศไทย ที่ต้องการสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’.
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เดินหน้าสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นรอบด้านให้กับผู้ถือบัตรเครดิต ttb อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดจับมือ Google ผู้ให้บริการ Google Pay ระบบรับชำระเงินออนไลน์ และ Visa ขยายฟีเจอร์ชำระเงินแบบไร้สัมผัสด้วยสมาร์ทโฟน แตะง่าย จ่ายเร็ว สะดวก ปลอดภัย ไม่ต้องพกบัตร พร้อมมอบเครดิตเงินคืนเพิ่มสูงสุด 1,200 บาท ให้ผู้ถือบัตร ttb ที่ผูกบัตรใช้จ่ายตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 เมษายน 2567 นางสาวนันทพร ตั้งเจริญศิริ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าบริหารความสัมพันธ์และประสบการณ์ลูกค้าบุคคล ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ทีทีบี มุ่งมั่นพัฒนาโซลูชันการเงินอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต โดยเฉพาะยุคดิจิทัลที่คนรุ่นใหม่มีพฤติกรรมการจับจ่ายที่ชื่นชอบความสะดวกสบาย ทันสมัย แต่ยังมีความปลอดภัยสูงสุด ทีทีบี จึงร่วมกับ Google และ Visa พลิกโฉมการชำระเงินซื้อสินค้าหรือบริการออนไลน์ ด้วยการชำระเงินรูปแบบใหม่ผ่านสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่ผูกบัตรเครดิต ttb กับแอปพลิเคชัน Google Wallet เพื่อยกระดับชีวิตทางการเงินของผู้ถือบัตรให้สะดวกสบาย รวดเร็วและปลอดภัย ไม่ต้องพกบัตรเครดิต เพียงผูกการใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิต บนแพลตฟอร์มที่เป็นกระเป๋าเงินดิจิทัล และใช้การแตะจ่ายด้วยสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือนาฬิกาแอนดรอยด์ แทนการหยิบสัมผัสบัตร ปลอดภัยจากการโจรกรรมข้อมูลบนหน้าบัตร อิสระในการใช้จ่ายทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ โดยสามารถใช้บริการได้แล้วตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 นายกิตติพงษ์ หยู Finance Industry Lead Google ประเทศไทย กล่าวว่า จากรายงานเศรษฐกิจดิจิทัลเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2023 พบว่า การชำระเงินแบบดิจิทัลได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น รวมถึงความนิยมชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือของคนไทย จะส่งผลให้มูลค่าธุรกรรมรวมของการชำระเงินแบบดิจิทัลในประเทศไทยสูงถึง 1.76 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 ซึ่งความร่วมมือกันในครั้งนี้ของ Google และทีทีบี จะเป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้ถือบัตรเครดิต ttb สามารถใช้บริการชำระเงินผ่านบัตรบนสมาร์ทโฟนระบบแอนดรอยด์ได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัยยิ่งกว่าเดิม ช่วยลดโอกาสการโจรกรรมที่ใช้ระบบสแกนลายนิ้วมือ สแกนใบหน้า หรือการตั้งค่าด้วยรหัส PIN ในการชำระเงิน โดยผู้ถือบัตรเครดิต ttb สามารถดาวน์โหลดแอป Google…
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ครองอันดับหนึ่งธนาคารด้าน ESG ต่อเนื่อง ด้วยการคว้าสองรางวัลทั้งในเวทีระดับประเทศและนานาชาติ หลังต้อนรับศักราชใหม่ ปี 2567 ด้วยการครองอันดับหนึ่งธนาคารที่มีคะแนนด้าน ESG สูงสุดต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 จากการประเมินโดย Fair Finance Thailand โดดเด่นในหมวดการคุ้มครองผู้บริโภค และขยายบริการทางการเงิน โดยล่าสุดคว้ารางวัล Best Environmental Sustainability Bank จากเวที International Finance Awards 2023 ตอกย้ำแนวคิดการทำงานแบบMake REAL Change มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงผสานธุรกิจและความยั่งยืน ตามกรอบ B+ESG ก้าวสู่ “การธนาคารเพื่อความยั่งยืน” นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ทุกวันนี้ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับแนวคิดการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยต้องคำนึงเรื่องของ ESG ได้แก่ สิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) ซึ่งทีทีบีได้วางกรอบการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสร้างการเติบโตและความยั่งยืนอย่างสมดุลในทุกมิติมาหลายปีแล้ว ด้วยการ Make REAL Change เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงอันนำไปสู่การธนาคารเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Banking) สะท้อนความมุ่งมั่นและความตั้งใจจริงในการขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมายอย่างแท้จริง จากการครองอันดับ 1 ธนาคารที่มีผลคะแนนด้าน ESG สูงสุดติดต่อกัน 5 ปี ในการประเมินนโยบายด้าน ESG ของธนาคาร โดยแนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย (Fair Finance Thailand) ถือเป็นหนึ่งรางวัลแห่งเกียรติยศและความภาคภูมิใจในการผลักดันให้ทุกภาคส่วนในองค์กรร่วมกันผลักดันสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ทีทีบีใส่ใจเรื่องความยั่งยืนมายาวนาน ทุกกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของธนาคารอยู่บนพื้นฐานสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม (B+ESG) ผ่านการพัฒนาโซลูชันทางการเงินที่ยั่งยืน (Sustainable Finance) และการปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ (Responsible Lending) เพื่อสนับสนุนธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงสร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ ชุมชน และสังคม ซึ่งปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องใกล้ตัวของทุกคนมากขึ้น กลายเป็นประเด็นสำคัญของโลก เห็นได้จากการปรับปรุงเกณฑ์ประเมินของ Fair Finance Guide International…
ณ อาคารกระทรวงแรงงาน กรุงเทพมหานคร นายพงษ์พันธ์ จงรักษ์ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พร้อมด้วยนายไพศาล หงษ์ทอง ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. เข้าร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงในการจัดโครงการพัฒนาระบบรับชำระเงินกองทุนประกันสังคมผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ผ่านแอปพลิเคชัน BAAC Mobile เพื่อเพิ่มช่องทางการรับชำระเงินกองทุนประกันสังคมผู้ประกันตน และยกระดับการให้บริการนำส่งเงินสมทบผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ให้สามารถนำส่งเงินรายเดือนได้อย่างสะดวกและรวดเร็วผ่านแอปพลิเคชัน BAAC Mobile เพียงผู้ประกันตนกรอกหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก และจำนวนเงินที่ประสงค์จะนำส่งเงินสมทบ และยืนยันรายการ ระบบของธนาคารจะส่งข้อมูลการนำส่งเงินสมทบให้กับสำนักงานประกันสังคมแบบออนไลน์ได้ทันที ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการให้บริการทางการเงินครบวงจรที่รวดเร็ว อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการสร้างวินัย และความมั่นคงทางการเงินให้กับผู้ประกันตน มาตรา 40 โดยปัจจุบันธนาคารเปิดให้บริการรับชำระเงินสมทบผู้ประกันตนมาตรา 40 ผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่ 1) แอปพลิเคชัน BAAC Mobile 2) บริการหักบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ 3) เคาน์เตอร์สาขาของ ธ.ก.ส. ทั่วประเทศ
นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ MTI และในฐานะประธานกรรมการ มูลนิธิมาดามแป้ง และ พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์ ได้มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องช่วยหายใจชนิดควบคุมปริมาตรและความดันขนาดใหญ่ มูลค่า 900,000 บาท แก่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว จ.น่าน โดยมี นายแพทย์กิติศักดิ์ เกษตรสินสมบัติ ผู้อำนวยการ รพ.สมเด็จพระยุพราชปัว และคณะ เป็นผู้รับมอบ พร้อมด้วย ร.อ.หญิง ชญาดา หนีพาล กรรมการและเหรัญญิก มูลนิธิฯ และนายวิทูรณ์ ชมชายผล ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุมชั้น 14 อาคารเมืองไทย-ภัทร คอมเพล็กซ์ กรุงเทพฯ เมื่อวันจันทร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 นางนวลพรรณ ล่ำซำ ประธานกรรมการ มูลนิธิมาดามแป้ง กล่าวว่า “โรงพยาบาลในต่างจังหวัดหลายโรงพยาบาลยังคงต้องการเครื่องมือแพทย์ และสิ่งหนึ่งที่สำคัญในการบริจาคเครื่องมือแพทย์ คือการส่งเครื่องมือแพทย์ไปยังหน่วยงานที่มีความต้องการอย่างแท้จริง และมีคุณหมอผู้เชี่ยวชาญที่สามารถใช้เครื่องมือเหล่านี้ได้จริง หวังว่าเครื่องช่วยหายใจนี้จะนำพาโอกาสในการช่วยชีวิต และเข้าถึงการช่วยเหลือคนในจังหวัดน่านตลอดจนพื้นที่ใกล้เคียงได้” นายกิติศักดิ์ เกษตรสินสมบัติ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว กล่าวว่า “โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว ไม่เพียงแต่ดูแลผู้ป่วยในจังหวัดน่านเท่านั้น เรายังดูแลประชาชนชาวลาว ที่อยู่ติดชายแดนน่านอีกด้วย ซึ่งผู้ป่วยบางรายต้องใช้เครื่องช่วยหายใจนถึงสามเดือน นี่คือตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าเครื่องช่วยหายใจมีความจำเป็นเป็นอย่างมาก” ตลอดเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิมาดามแป้งได้ให้การช่วยเหลือ สนับสนุนทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขในหลากหลายด้าน สิ่งหนึ่งที่สามารถทำให้เกิดการพัฒนาโรงพยาบาลชุมชมขนาดใหญ่ได้จริง นั่นคือการรับบริจาคครุภัณฑ์ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว เป็นรพ.ขนาดกลาง รองรับผู้ป่วยได้ 120 เตียง ดูแลพื้นที่ตอนเหนือของ จ.น่าน และครอบคลุมเครือข่ายอีก 6 รพ. และนี่คือภารกิจของมูลนิธิฯ เพื่อเป้าหมายในการช่วยเหลือโรงพยาบาล และประชาชนในพื้นที่ต่างจังหวัด มูลนิธิมาดามแป้ง ยังคงเดินหน้าเพื่อร่วมแบ่งปันทุกการให้ในสังคมไทย โดยท่านสามารถร่วมสมทบทุนสนับสนุนกิจกรรมของมูลนิธิมาดามแป้งได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี มูลนิธิมาดามแป้ง เพื่อโครงการสร้างสังคมแห่งการให้ เลขที่บัญชี 092-2-61340-0 #มูลนิธิมาดามแป้ง #ส่งต่อน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน
เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 รอบ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สนับสนุนจัดสร้างรถรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ ขนาด 8 เตียง พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือที่จำเป็น จำนวน 1 คัน เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล และเพิ่มศักยภาพในการจัดหาโลหิตให้แก่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย พร้อมเปิดโครงการ “ไทยพาณิชย์รวมใจไทยให้โลหิต” ประจำปี 2567 ซึ่งจัดมาอย่างต่อเนื่อง ปีนี้เป็นปีที่ 29 และส่งมอบปริมาณโลหิตที่ธนาคารได้ร่วมรณรงค์และเปิดหน่วยรับบริจาคโลหิตตลอดปี 2566 ที่ผ่านมา จำนวน 65 ล้านซีซี ให้แก่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ซึ่งสามารถนำไปช่วยชีวิตผู้ป่วยได้มากกว่า 488,736 คน ทั้งนี้เพื่อเติมเต็มปริมาณโลหิตให้มีเพียงพอต่อการรักษาพยาบาลผู้ป่วยทั่วประเทศ บรรเทาปัญหาการขาดแคลนโลหิต และส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทย โดยมี นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ ร่วมกับศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์ชัยเวช นุชประยูร ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย เปิดโครงการ และนางสาวอารยา ภู่พานิช รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานกิจกรรมเพื่อสังคม ธนาคารไทยพาณิชย์ร่วมงาน ณ หอประชุมมหิศร ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ พร้อมกันนี้ได้จัดกิจกรรมรับบริจาคโลหิต ซึ่งมีพนักงาน ลูกค้า ประชาชน รวมถึงพนักงานหน่วยงาน องค์กรใกล้เคียงธนาคารมาร่วมบริจาคโลหิตจำนวนมาก สำหรับ 450 ท่านแรกที่มาร่วมบริจาคโลหิต ณ หอประชุมมหิศร ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ จะได้รับกระบอกน้ำ “รักษ์โลก” แทนคำขอบคุณ ซึ่งกำหนดจัดขึ้นทุก 3 เดือนตลอดปี 2567 ครั้งต่อไปกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 13 พฤษภาคม 13 สิงหาคม และ 13 พฤศจิกายน นอกจากนี้ธนาคารยังได้รณรงค์ ปลูกฝังให้คนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มนักศึกษาฝึกงานของธนาคารได้เห็นถึงความสำคัญของการบริจาคโลหิต โดยร่วมเป็นจิตอาสาอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่มาบริจาคโลหิตและร่วมบริจาคโลหิต พร้อมรณรงค์เชิญชวนพนักงาน ลูกค้า ประชาชน ร่วมบริจาคโลหิตเป็นประจำสม่ำเสมอทุก 3 เดือน ยังมีผู้ป่วยจำนวนมากที่กำลังรอรับโลหิตเพื่อต่อลมหายใจ ทุกๆ การบริจาคโลหิต 1 ครั้ง สามารถนำไปช่วยชีวิตผู้ป่วยได้มากกว่า…
นางญาณี รัชต์บริรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมระบบสื่อและสุขภาวะทางปัญญา (สสส.) ในฐานะผู้สนับสนุนหลักกิจกรรม “ECO Living ดิน ฟ้า ป่า น้ำ Doc Fest” จัดโดย สำนักพิมพ์สารคดี ให้เกียรติเยี่ยมชมบูธกิจกรรมของ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมี นายพงศ์พันธ์ ประภาศิริลักษณ์ รักษาการผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร ให้การต้อนรับ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าว จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่เล็งเห็นความสำคัญของอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศทางธรรมชาติ รวมถึงสนับสนุนแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีควบคู่ไปกับการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม อันเป็นการรักษาสมดุลและคงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ บริษัทฯ ร่วมออกบูธกิจกรรม ภายใต้แนวคิด นวัตกรรมรักษ์โลก “เปลี่ยนขยะให้เป็นบุญ” เชิญชวนผู้เข้าชมงานสร้างบุญด้วยการนำขวดพลาสติกใช้แล้วมาบริจาค เพื่อรวบรวมไปมอบให้กับวัดจากแดง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ นำไปรีไซเคิลถักทอเป็นผ้าไตรจีวรถวายแด่พระสงฆ์ต่อไป ณ ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 1 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร