ธนชาตประกันภัย เติบโตแข็งแกร่งเบี้ยประกันภัยรับรวม 11,550 ล้านบาท กำไรสุทธิ 697 ล้านบาท รั้งอันดับ 5 ประกันภัยรถยนต์ยอดนิยม ตั้งเป้าปี 2567 โตขึ้นอีก 10% ด้วยการขับเคลื่อนธุรกิจผ่านกลยุทธ์สร้างการเติบโตตอบรับทุกโอกาสทางธุรกิจ และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าผ่านสินค้าและบริการ เร่งเครื่องขยับขึ้นเป็นท็อป 3 ในตลาดประกันภัยรถยนต์ ภายในปี 2570 พร้อมขับเคลื่อนองค์กรสู่ตำแหน่งผู้นำธุรกิจประกันวินาศภัยภายใต้กรอบการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน นายพีระพัฒน์ เมฆสิงห์วี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ธนชาตประกันภัย เปิดเผยความสำเร็จการดำเนินงานของปี 2566 ธนชาตประกันภัยมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 11,550 ล้านบาท เติบโต 12% มีกำไรสุทธิ 697 ล้านบาท โดยเบี้ยประกันภัยรถยนต์เติบโตสูงเป็นอันดับ 2 ของตลาด อีกทั้งยังคงฐานะความมั่นคงและความน่าเชื่อถือของเงินกองทุนที่ 537.9% มีสินทรัพย์รวม 18,774 ล้านบาท และประสบความสำเร็จอย่างมากกับการให้บริการผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มของบริษัทฯ โดยล่าสุดมีลูกค้าใช้บริการกว่า 7 แสนคน และยังคงมาตรฐานการให้บริการโดยได้รับความพึงพอใจจากลูกค้า(Net Promoter Score-NPS) ที่ 65.27% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานในอุตสาหกรรมประกันภัยระดับสากล สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจ ปี 2567 ธนชาตประกันภัย ตั้งเป้าหมายเติบโตเบี้ยประกันภัยรับรวม 10% หรือประมาณ 12,700 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมตามที่สมาคมประกันวินาศภัยได้ประมาณการไว้ที่ 5% โดยมีเป้าหมายเติบโตขึ้นเป็นบริษัทประกันภัย 1 ใน 3 ของตลาดประกันภัยรถยนต์ภายในปี 2570 มุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก คือ การเสาะหาและตอบรับกับโอกาสทางธุรกิจอย่างไร้ขีดจำกัด การส่งมอบความคุ้มครองที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า คู่ค้า ในบริบทที่ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วอันเป็นผลจากการเติบโตด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม และการส่งมอบประสบการณ์งานบริการตามมาตรฐานของธนชาตประกันภัยอย่างต่อเนื่อง การเสาะหาและตอบรับกับโอกาสทางธุรกิจอย่างไร้ขีดจำกัด โดยเร่งขยายการเติบโตในทุกช่องทางขาย ทั้ง โบรกเกอร์ ดีลเลอร์ ลิสซิ่ง ธนาคาร และช่องทางขายตรงของบริษัท รวมถึงสร้างพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ๆ ต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับพฤติกรรมลูกค้าทั้งในพื้นที่กรุงเทพและภูมิภาค พร้อมพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ รองรับการเติบโตของบริษัท การส่งมอบความคุ้มครองที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า คู่ค้า ปีนี้ธนชาตประกันภัยมุ่งเน้นใน 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่มีโอกาสเติบโตทางธุรกิจ และสามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ของบริษัท…
Author: staff
นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ขึ้นรับ 2 รางวัลใหญ่ รางวัล “Best Brand Performance on Social Media” สาขา Insurance & Assurance (แบรนด์ที่ทำผลงาน ยอดเยี่ยมบนโซเชียลมีเดีย สาขากลุ่มธุรกิจประกันภัย (ประกันวินาศภัย และประกันชีวิต) เป็นครั้งที่ 4 และรางวัล “Best Brand Performance Campaign on TikTok” ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก ในงานประกาศรางวัลโซเชียลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย Thailand Social Awards ครั้งที่ 12 จัดขึ้นโดยบริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิต และพัฒนาซอฟต์แวร์ด้านการวิเคราะห์ข้อมูลตลาด งานนี้ถูกจัดขึ้นเพื่อให้ความสำคัญกับวงการโซเชียลที่เป็น ส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ อีกทั้งยังร่วมส่งเสริมการใช้โซเชียลมีเดีย อย่างสร้างสรรค์ และยกระดับวงการโซเชียล ด้วยการมอบรางวัลเชิดชูผู้ใช้โซเชียลมีเดียยอดเยี่ยมในสาขาต่าง ๆ โดยงานดังกล่าว จัดขึ้น ณ ทรูไอคอน ฮอลล์ ไอคอนสยาม ทั้งนี้ รางวัล “Best Brand Performance on Social Media” สาขา Insurance & Assurance ตัดสินจากค่าชี้วัด แบรนด์ (BRAND SCORE) ค่าชี้วัดผลประสิทธิภาพการทำงานบนโซเชียลมีเดียของแบรนด์ในกลุ่มธุรกิจต่างๆ โดยวัดประสิทธิภาพการสื่อสารจากช่องทางหลักของแบรนด์ (Own Chanel) และจากช่องทางที่คนอื่นพูดถึงแบรนด์ (Earn Channel) ผ่าน 5 ช่องทาง คือ Facebook, Instagram, TikTok, Twitter และ YouTube ทั้งประสิทธิภาพเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นที่มีต่อแบรนด์ (Sentiment Score) อีกด้วย…
นายเกียรติศักดิ์ พระวร ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นประธานการเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ระหว่างนักธุรกิจผู้รับซื้อกล้วยหอมทองจากประเทศญี่ปุ่น ผู้แทนจากส่วนงานที่เกี่ยวข้องด้านการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ผู้ประกอบการส่งออกและนำเข้ากล้วยหอมทองไปยังประเทศญี่ปุ่น และเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอมทองในไทย เพื่อเจรจาและหารือแนวทางการส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการเกษตรผู้ปลูกกล้วยหอมทอง อาทิ การฟื้นฟูและส่งเสริมลูกค้าที่เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้เกษตรกรรายย่อยในการเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกกล้วยหอมทอง การฟื้นฟูสหกรณ์การเกษตร และการส่งเสริมผู้ประกอบการ หัวขบวนให้เป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนโมเดลการปลูกกล้วยหอมทอง เพื่อสร้างโอกาสในการขยายตลาดส่งออกกล้วยหอมทองไปต่างประเทศ อันนำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับเกษตรกร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างยั่งยืน ณ ห้องประชุม ชั้น 22 ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2567
บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR โดย นางสาวภคมน ตุลยาพิศิษฐ์ชัย ผู้อำนวยการอาวุโส-ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น เป็นตัวแทนรับรางวัล แบรนด์ที่ทำผลงานยอดเยี่ยมบนโซเชียลมีเดียในกลุ่มธุรกิจผู้ให้บริการทางการเงิน หรือ Best Brand Performance on Social Media : Financial Service (Leasing) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 จากเวที THAILAND SOCIAL AWARDS ครั้งที่ 12 ประจำปี 2024 งานประกาศรางวัลโซเชียลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยพิจารณาจากการวัดประสิทธิภาพการสื่อสารจากช่องทางหลักของแบรนด์ (Owned Channel) และจากช่องทางที่คนอื่นพูดถึงแบรนด์ (Earned Channel) รวมถึงค่าชี้วัดการแสดงความคิดเห็นที่มีต่อแบรนด์ ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของเงินติดล้อในฐานะแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับการสื่อสาร ความเข้าใจกลุ่มลูกค้าและกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการมุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมการสื่อสารควบคู่ไปกับการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ งานประกาศรางวัลดังกล่าวจัดขึ้น ณ ทรู ไอคอน ฮอลล์ ไอคอนสยาม ที่ผ่านมา รางวัล Best Brand Performance on Social Media จัดโดย บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์ด้านการวิเคราะห์ข้อมูลตลาด มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการใช้โซเซียลมีเดียอย่างสร้างสรรค์ ยกระดับและให้ความสำคัญกับวงการโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ และยังเป็นการเชิดชูผลงานด้านการสื่อสารที่สร้างสรรค์และยอดเยี่ยมจากหน่วยงานต่างๆ บนโลกโซเชียล ผู้สนใจติดตามข้อมูลเงินติดล้อเพิ่มเติมได้ที่ www.tidlor.com และ Facebook Fan page เงินติดล้อ หรือติดต่อสอบถามผลิตภัณฑ์และบริการได้ที่ call center หมายเลขโทรศัพท์ 088-088-0880 ตลอด 24 ชม.
กรุงเทพประกันชีวิต ออกประกันสะสมทรัพย์ใหม่ “กรุงเทพ สุดคุ้ม” ให้เลือก 3 แบบ ตามระยะเวลาคุ้มครองที่ต้องการทั้งแบบ 15 ปี, 18 ปี และ 21 ปี ครบสัญญาจะได้รับเงินคืน 115%, 118% หรือ 121% ของเบี้ยประกันชีวิตสะสมตามจริง หากเสียชีวิตก่อนครบสัญญา รับ 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย พร้อมกับ 115%, 118% หรือ 121% ของเบี้ยประกันชีวิตสะสมตามจริง และเพิ่มความอุ่นใจกับความคุ้มครองพิเศษด้านอุบัติเหตุ หากเสียชีวิตหรือสูญเสียอวัยวะและสายตา รับเพิ่มสูงสุด 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย เพื่อดูแลคนข้างหลังให้อุ่นใจด้วยความคุ้มครองที่มั่นคง นอกจากนี้ยังให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ จ่ายตามจริงสูงสุด 5 เท่าของเบี้ยประกันชีวิตรายเดือนต่อครั้งที่เข้ารักษา นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การซื้อประกันชีวิตเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งสำหรับการวางแผนการเงิน ซึ่งควรพิจารณาเป้าหมายของตนเองตั้งแต่เริ่มต้นทำงาน ไม่ว่าจะเพื่อสร้างครอบครัว, มีบุตร, เป็นทุนในการประกอบธุรกิจ จนถึงการวางแผนเพื่อใช้หลังเกษียณ อย่างไรก็ตาม การเลือกประกันชีวิต นอกจากคำนึงถึงสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ นอกจากการได้รับเงินคืนเมื่อครบสัญญาแล้ว ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งคือ ความสามารถในการเบิกค่ารักษาพยาบาลเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ทั้งนี้ กรุงเทพประกันชีวิต จึงได้ออกแบบประกันสะสมทรัพย์ตัวใหม่ล่าสุด “กรุงเทพ สุดคุ้ม” ที่นอกจากจะช่วยให้ลูกค้าสามารถวางแผนการเงินได้ตามเป้าหมายแล้ว ยังมอบความคุ้มครองเพิ่มเติมด้านอุบัติเหตุ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกย่างก้าวของการดำเนินชีวิตจะได้รับความคุ้มครองรอบด้านเพื่อให้แผนการออมเงินไปสู่ความสำเร็จ โดยมีแบบประกันให้เลือกตามระยะเวลาที่ต้องการ 3 แบบ คือ กรุงเทพ สุดคุ้ม 15/9 , 18/12 และ 21/15 โดยรับประกันตั้งแต่อายุ 15 – 65 ปี ซึ่งจะได้รับความคุ้มครองอุบัติเหตุเพิ่มเติมไม่ว่าจะเสียชีวิตหรือสูญเสียอวัยวะและสายตา ตลอดจนค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ สำหรับรายละเอียดของแบบประกัน กรุงเทพ สุดคุ้ม 15/9 มีระยะเวลาเอาประกันภัย 15 ปี ชำระเบี้ยประกันภัย 9 ปี เมื่อมีชีวิตจนครบสัญญารับเงินคืน 115% ของเบี้ยประกันชีวิตสะสมตามจริง…
นางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง เปิดเผยว่า บริษัทฯ เปิดเสนอขายกองทุนเปิดอีสท์สปริง พันธบัตรรัฐมุ่งรักษาเงินต้น 6M13 (ES-GOVCP6M13) อายุ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนประเภทเทอมฟันด์ที่ผู้ลงทุนจะมีโอกาสได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวน และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนเพิ่มจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าหน่วยลงทุน ระหว่างวันที่ 5-8 มีนาคมนี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท ทั้งนี้ กองทุนเปิดอีสท์สปริง พันธบัตรรัฐมุ่งรักษาเงินต้น 6M13 มีนโยบายนำเงินไปลงทุนในตราสารที่มุ่งรักษาเงินต้น ได้แก่ ตั๋วเงินคลัง หรือพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ในสัดส่วนประมาณ 100% ของ NAV โดยคาดหวังผลตอบแทนประมาณ 2.20% ต่อปีของ NAV หลังจากหักค่าใช้จ่ายประมาณ 0.20% ต่อปีของ NAV แล้ว จะได้รับประมาณการผลตอบแทนอยู่ที่ 2.00% ต่อปีของ NAV กองทุน ES-GOVCP6M13 จะลงทุนครั้งเดียว และถือครองทรัพย์สินที่ลงทุนจนครบอายุโครงการ (Buy and Hold) โดยบลจ.อีสท์สปริง จะดำเนินการให้มีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบอัตโนมัติ และทำการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของกองทุนทั้งจำนวนของผู้ถือหน่วยทุกราย ไปยังกองทุนเปิดทหารไทยธนรัฐ หรือกองทุนรวมตลาดเงินอื่นที่บลจ.อีสท์สปริง เปิดให้บริการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน ในวันทำการก่อนวันสิ้นสุดอายุโครงการ อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่กำหนดไว้ โดยผู้ลงทุนจะไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ในช่วงระยะเวลา 6 เดือนดังนั้นหากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก กองทุนอาจไม่ได้รับเงินต้นและผลตอบแทนตามที่คาดหวังไว้ หากผู้ออกตราสารหรือธนาคารที่กองทุนลงทุนไม่สามารถชำระเงินต้นและดอกเบี้ยคืนได้ และบริษัทจัดการขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินที่ลงทุนหรือสัดส่วนการลงทุนได้ เฉพาะเมื่อมีความจำเป็นและสมควรเพื่อประโยชน์ของผู้ลงทุนเป็นสำคัญ โดยการเปลี่ยนแปลงนั้นต้องไม่ทำให้ความเสี่ยงของทรัพย์สินที่ลงทุนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ และผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน และกองทุนมีความเสี่ยงที่สำคัญ เช่น ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย ความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่องของตราสาร และความเสี่ยงจากการที่ผู้ออกตราสารหนี้ไม่สามารถชำระดอกเบี้ย และ/หรือ คืนเงินต้นได้ ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.eastspring.co.th หรือโทร 1725 ในวันและเวลาทำการ หรือผ่านช่องทางการขายของบริษัทฯ หรือผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนที่ได้รับการแต่งตั้ง
KAsset ไว้วางใจ Finnomena ร่วมกันเปิดตัว Fund House Port นำร่องด้วยกองทุน KAsset Global Perspective Portfolio ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง KAsset บวกกับมุมมองพันธมิตร J.P.Morgan Asset Management แนะนำลงทุนกระจายความเสี่ยงในภาวะที่ตลาดผันผวน ตั้งเป้าครึ่งปี 2567 ปั้นพอร์ต 1 พันล้านบาท . ปณตพล ตัณฑวิเชียร ,CFA, รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสารสนเทศ ทางด้านการบริหารจัดการการลงทุน บลจ.กสิกรไทย หรือ KAsset เผยว่า ยินดีที่เข้าร่วมโครงการ Fund House Port ของ Finnomena โดยนำกองทุน “KAsset Global Perspective Portfolio” เข้ามาเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน ซึ่งเป็นกองทุนที่ทาง KAsset จับมือ J.P. Morgan Asset Management (JPMAM) ในการให้มุมมองการลงทุน เพื่อสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงนวัตกรรมด้านการลงทุน มุ่งเน้นการพัฒนาขีดความสามารถในการคัดเลือกและจัดสรรสินทรัพย์ทั่วโลกเพื่อยกระดับการลงทุนของไทย สำหรับ “KAsset Global Perspective Portfolio” การจัดพอร์ตเป็นการลงทุนแบบ Multi-Asset Portfolio ใช้แนวคิด Core-Satellite portfolio เพื่อกระจายความเสี่ยงและได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอ โดยแบ่งสัดส่วนพอร์ตหลัก (Core) 80% ที่จะเน้นการเติบโตระยะยาว และพอร์ตรอง (Satellite) 20% ที่เน้นการลงทุนระยะสั้น วิ่งหาการลงทุนระยะสั้นเพื่อสร้างผลตอบแทนให้มากขึ้น ปณตพล กล่าวว่า KAsset ตระหนักถึงความสำคัญของการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน เนื่องจากในปัจจุบันการจับทางความเปลี่ยนแปลงในระบบวงจรเศรษฐกิจค่อนข้างยากขึ้น เพราะมีหลายปัจจัย “KAsset Global Perspective Portfolio” จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุน กองทุนนี้เหมาะกับการสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน เหมาะสำหรับกลุ่มคนมั่งคั่ง แนะนำให้ถือระยะยาวประมาณ 3 – 5 ปี ลงทุนขั้นต่ำที่ 500,000 บาท…
นำเงินปล่อยสินเชื่อใหม่ขยายฐานลูกค้า ดันผลงานปี 67 เข้าเป้า SCAP เป็นปลื้ม! หุ้นกู้ 3 ชุดใหม่ขายหมดหน้าตักเต็มวงเงิน 1,000 ลบ. ดึงกรีนชูขายเพิ่ม ตอบรับความต้องการนักลงทุน กวาดยอดรวมสุทธิ 1,769.8 ล้านบาท ด้านผู้บริหาร วิชิต พยุหนาวีชัย ขอบคุณนักลงทุนสำหรับความเชื่อมั่นต่อหุ้นกู้ของ SCAP ที่ประสบความสำเร็จในการขายล้นกรีนชูทุกครั้ง มั่นใจผลงานปีนี้เติบโตเข้าเป้าตามแผนที่ประกาศ พร้อมรักษาแชมป์อันดับ 1 ในธุรกิจสินเชื่อมอเตอร์ไซค์ใหม่ วิชิต พยุหนาวีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 จำกัด (มหาชน) หรือ SCAP เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำการเสนอขายหุ้นกู้ใหม่ 3 รุ่น ประกอบด้วย หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี ดอกเบี้ยคงที่ 4.50% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี ดอกเบี้ยคงที่ 4.90% และหุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 4 ปี ดอกเบี้ยคงที่ 5.05% ต่อปี โดยสามารถปิดยอดขายจากนักลงทุนทั่วไปและนักลงทุนสถาบันได้เต็มวงเงินจัดสรร 1,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทได้นำหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติม หรือ Greenshoe Option วงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท รองรับความต้องการส่วนเกินของนักลงทุน ส่งผลให้หุ้นกู้ใหม่ในปี 2567 ของ SCAP ประเดิมเงินระดมทุนได้มากถึง 1,769.8 ล้านบาท หรือมีสัดส่วนความต้องการลงทุนเพิ่ม เกินจากยอดเสนอขายประมาณ 80% สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อหุ้นกู้ของบริษัท ขณะที่วัตถุประสงค์หลักในการะดมทุนครั้งนี้ บริษัทพร้อมนำเงินปล่อยสินเชื่อในธุรกิจเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ใหม่ สนับสนุนให้เกิดการเติบโตตามแผนงานปี 2567 ด้วยการเน้นปล่อยสินเชื่อที่มีคุณภาพ เพื่อควบคุมคุณภาพหนี้ ผลักดันพอร์ตสินเชื่อเติบโตอย่างมั่นคง และเพิ่มขึ้นจากปีก่อนราว 15% สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวของ SCAP “ผมขอขอบคุณนักลงทุนเป็นอย่างมากที่สนใจและจองซื้อหุ้นกู้ SCAP…
ทีทีบีไดรฟ์ โดยทีเอ็มบีธนชาต มุ่งมั่นส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ด้วยบริการที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการเรื่องรถในทุกช่วงชีวิต สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถมือสองในปีนี้ ทาง Roddonjai เว็บไซต์ซื้อขายรถมือสองคุณภาพโดนใจ เปิดหมวดพิเศษ “รถบ้านดูแลดี” ขายตรงจากเจ้าของรถตัวจริง พร้อมแคมเปญ “ขายรถเองบนรถโดนใจ ขายง่าย ขายไว ได้ราคาดี” ฟรีค่าตรวจสภาพรถยนต์ มูลค่า 1,500 บาทแก่ผู้ขาย นายชัชฤทธิ์ ตั้งเถกิงเกียรติ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าผลิตภัณฑ์ธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า หลังจากเปิดตัว Roddonjai แพลตฟอร์มออนไลน์ซื้อขายรถมือสองไปเมื่อปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีรถมือสองคุณภาพดีให้เลือกผ่าน Roddonjai.com ร่วม 16,000 คัน ซึ่งได้กระแสตอบรับที่ดีจากความโดดเด่นที่มุ่งคัดสรรรถยนต์มือสองใน 5 หมวดรถพิเศษ ที่คัดมาแต่รถโดน ๆ ที่รถโดนใจ ได้แก่ รถผู้บริหารวิ่งน้อย รถ 5 ดาวอายุไม่ถึง 5 ปี รถเทสจากโชว์รูม รถนางฟ้าเช็กแต่ศูนย์ และรถวารันตีเหลือ ซึ่งขายรถออกไปแล้วกว่า 12,000 คัน จากดีลเลอร์เต็นท์รถพันธมิตรชั้นนำมากกว่า 3,000 รายทั่วประเทศ สำหรับในปี 2567 นี้ Roddonjai ได้เสริมทัพรถคัดคุณภาพจากแหล่งที่มาพิเศษเพิ่มเติม ในหมวดของ “รถบ้านดูแลดี” ซึ่งคาดว่าจะมีรถบ้านมาจำหน่ายบนเว็บไซต์ Roddonjai ไม่ต่ำกว่า 10,000 คัน และช่วยผลักดันยอดจำหน่ายรวมของรถยนต์มือสองของ Roddonjai เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า สำหรับผู้ที่ต้องการขายรถบ้านเอง สามารถลงขายรถที่เว็บไซต์ Roddonjai ได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง โดยลงทะเบียนเป็นผู้ขายประเภทบุคคลทั่วไป ระบุข้อมูลรถยนต์ และทำการนัดหมายการตรวจสภาพรถยนต์กับ Roddonjai มีแคมเปญ “ขายรถเองบนรถโดนใจ ขายง่าย ขายไว ได้ราคาดี” มอบสิทธิพิเศษให้เจ้าของรถที่ลงประกาศขายรถระหว่างวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 – 30 เมษายน 2567 รับโค้ดค่าตรวจสภาพรถยนต์ 274 จุด มูลค่า…
ไทยประกันชีวิตพัฒนานวัตกรรมตามแนวคิดเป็นทุกคำตอบของชีวิตลูกค้า ยกระดับแอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต เติมเต็มการใช้ชีวิตแบบครบรอบด้าน เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ My Wellness Vital Scan เช็กสุขภาพเบื้องต้นผ่านการสแกนใบหน้าด้วยเทคโนโลยี AI และ Family Policy ฟีเจอร์กรมธรรม์คนในครอบครัว ที่สามารถดูข้อมูลและชำระเบี้ยฯ กรมธรรม์ของคนในครอบครัว สะดวก ง่าย ปลอดภัยพร้อมจัดแคมเปญเอาใจคนรุ่นใหม่ เล่นเกมสนุกลุ้นรับของรางวัล นายนิติพงษ์ ปรัชญานิมิต รองผู้จัดการใหญ่ และ Chief Marketing Officer บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI เปิดเผยว่า จากเจตนารมณ์ทางธุรกิจ (Business Purpose) ของบริษัทฯ ที่มุ่งเป็นทุกคำตอบของการประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคล ในทุกช่วงของชีวิต (Life Stage) ทุกจังหวะของชีวิต (Life Event) และทุกรูปแบบการใช้ชีวิต (Lifestyle) ของลูกค้า รวมถึงเป้าหมายของแบรนด์ (Brand Purpose) ในการเป็นแบรนด์ที่ได้รับความชื่นชอบ ความไว้วางใจ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนในสังคม ที่ผ่านมาบริษัทฯ ริเริ่มแอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการเข้าถึงข้อมูลกรมธรรม์ ทำธุรกรรมด้านการประกันชีวิตได้ง่าย สะดวกรวดเร็ว รวมถึงได้รับสิทธิพิเศษมากมายที่ตอบความต้องการในทุกไลฟ์สไตล์ผ่านไทยประกันชีวิต Privilege และเพื่อเติมเต็มการใช้ชีวิตอย่างครบรอบด้านให้กับลูกค้า บริษัทฯ จึงได้พัฒนาแอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต ให้เป็นแอปพลิเคชันที่ส่งมอบคุณค่าและประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ด้วยการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ My Wellness Vital Scan บริการเช็กสุขภาพเบื้องต้นผ่านการสแกนใบหน้าด้วยเทคโนโลยี AI สำหรับลูกค้าที่มีอายุตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไป โดยตรวจเช็กค่าสุขภาพ 9 ด้าน ได้แก่ คะแนนรวมด้านสุขภาพ, อัตราการเต้นของหัวใจ, ความดันโลหิต, อัตราการหายใจ, ดัชนีมวลกาย (BMI), อัตราส่วนรอบเอวต่อส่วนสูง, ดัชนีรูปร่าง, ระดับความเครียด และอายุผิวหน้า โดยลูกค้าสามารถใช้บริการ 1 ครั้ง/คน/เดือน ได้จนถึง 30 เมษายน…