บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต โดยคุณระวิน มุคขจี Vice President, Customer Experience Management ฝ่ายการตลาด เผยว่าในวาระครบรอบ 75 ปี OCEAN LIFE ไทยสมุทร ได้มุ่งเน้นกลยุทธ์ “HEALTHIVERSE” สู่โลกใหม่เพื่อชีวิตและสุขภาพที่ดีของคนไทย สนับสนุนให้คนไทยไม่ป่วยด้วยศักยภาพทั้ง 8 ด้าน หนึ่งในนั้นคือการมุ่งเน้นให้พนักงานมีความรู้ด้านสุขภาพที่ถูกต้อง ซึ่งนอกจากจะดีกับตนเองและครอบครัวแล้ว ยังต่อยอดเป็น Health Consultant ให้คำแนะนำกับกับทุกคนได้ ล่าสุดจึงได้จัดกิจกรรมบรรยาย “วิ่งอย่างไรให้สุขภาพดีขึ้น” โดยวิทยากรจากชมรม “OCEAN LIFE OCEAN RUN” ซึ่งเป็นชมรมที่จัดตั้งโดยกลุ่มพนักงานที่รักการวิ่ง มาให้ความรู้เกี่ยวกับการวิ่งที่ถูกวิธี และเหมาะสมกับร่างกายของแต่ละคน รวมทั้งให้ความรู้การออกกำลังกายอื่นๆ ที่จำเป็นเพิ่มเติมด้วย การจัดบรรยายครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ “Smart Healthy Challenge 2024 ” โครงการต่อเนื่องที่มุ่งสนับสนุนโลกของคนรักสุขภาพด้วยความรู้ที่อัพเดทและถูกต้องให้เกิดขึ้นในกลุ่มพนักงาน และจะเป็นกำลังสำคัญในการสร้าง HEALTHIVERSE ให้เกิดขึ้นกับลูกค้าและทุกคนต่อไป OCEAN LIFE ไทยสมุทร สร้างสรรค์คุณค่าแห่งรักส่งมอบให้บุคลากรภายในองค์กร หรือ EMPLOYEE VALUE PROPOSITION ภายใต้แนวคิด คุณค่าแห่งรักเพื่อ “เราทุกคน” เป้าหมายเพื่อให้ “รัก” ทำให้ทุกคนมีความสุขในการทำงาน พร้อมจับมือร่วมกัน เคารพให้เกียรติกัน หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อก้าวผ่านปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ตลอดจนส่งต่อพลังความรักดี ๆ ไปยังคนที่เรารัก รวมถึงสังคมสิ่งแวดล้อมและโลกของเรา ร่วมติดตามข่าวสารและกิจกรรมดี ๆ จาก OCEAN LIFE ไทยสมุทร ได้ที่ OCEAN CLUB APP / LINE / Facebook / Instagram / Youtube : oceanlife เว็บไซต์ www.ocean.co.thหรือติดต่อ OCEAN LIFE CONTACT CENTER 1503
Author: staff
กลุ่มบริษัทเอไอเอ (“เอไอเอ” หรือ “กรุ๊ป”) ประกาศเปิดตัวแคมเปญใหม่ล่าสุด“Rethink Healthy” ที่มีเป้าหมายเพื่อปรับทัศนคติแบบเหมารวมของคนส่วนใหญ่ที่มีต่อด้านสุขภาพ รวมไปถึงการเปลี่ยนนิยามของคำว่า “สุขภาพดี” สำหรับผู้คนในเอเชีย โดยเอไอเอต้องการสร้างนิยามใหม่ของคำว่า “สุขภาพดี” พร้อมชวนให้ทุกคนมาลอง “ปรับความคิด เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น” เพื่อกระตุ้นและสนับสนุนผู้คนจำนวนมากให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นได้อย่างยั่งยืน “Rethink Healthy” เป็นแคมเปญที่ส่งเสริมแนวทางความเป็นอยู่ที่ดีแบบองค์รวมและยั่งยืนยิ่งขึ้น ซึ่งครอบคลุม เกี่ยวข้อง และบรรลุผลได้สำหรับคนเอเชีย อีกทั้งยังนับเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจ AIA One Billion ที่เอไอเอมีความมุ่งมั่นในการสนับสนุนผู้คนกว่าหนึ่งพันล้านคนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ขึ้น ภายในปี 2573 แคมเปญ “Rethink Healthy” ริเริ่มขึ้นจากรายงานผลสำรวจด้านสุขภาพที่ได้รับในระดับภูมิภาคซึ่งจัดทำโดย เอไอเอ[1] พบว่าผู้บริโภคจำนวนมากในเอเชียเชื่อว่าการมีสุขภาพที่ดีนั้นเป็นสิ่งที่ยากเกินไปและไม่สามารถทำได้ โดยผลสำรวจจากรายงานวิจัยครั้งนี้พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ต้องการมีสุขภาพที่ดีขึ้น แต่ร้อยละ 80 ของผู้ตอบแบบสอบถามไม่เชื่อว่าตนเองมีสุขภาพดีในปัจจุบัน ร้อยละ 57 ของผู้ตอบแบบสอบถาม ยังไม่ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับเปลี่ยนสุขภาพของตนเอง ผู้คนในเอเชียยังถูกครอบงำด้วยการมีสุขภาพและตารางการออกกำลังกายที่สมบูรณ์แบบ ร้อยละ 63 ของผู้ตอบแบบสอบถาม เชื่อว่าการออกกำลังกายจะต้องทำอย่างเคร่งครัดและติดต่อกันเป็นระยะยาวนานเพื่อสุขภาพที่ดี ซึ่งทำให้หลายคนท้อแท้จากการออกกำลังกาย ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เชื่อว่าการเคลื่อนไหวร่างกายเพียงเล็กน้อยไม่สามารถทำให้สุขภาพกายดีขึ้นได้ แม้ว่าการวิจัย[2] จะแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของก้าวเล็ก ๆ ที่ทำอย่างสม่ำเสมอเพื่อสร้างนิสัยที่ดีต่อสุขภาพก็ตาม นายสจ๊วต เอ สเปนเซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด กลุ่มบริษัทเอไอเอ เผยว่า“สถานการณ์ปัจจุบันของผู้คนในเอเชียคือ มั่งคั่งขึ้นแต่ไม่ได้มีสุขภาพที่ดีขึ้น โรคที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้คนกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าผู้คนเหล่านั้นจะต้องการเปลี่ยนแปลงสุขภาพของตนเองก็ตาม ผลวิจัยแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ผู้บริโภคต้องการการสนับสนุนในด้านสุขภาพ แคมเปญ ‘Rethink Healthy’ ของเอไอเอจึงสามารถตอบสนองต่อความต้องการที่เร่งด่วนนี้ได้ ด้วยการปรับเส้นทางสู่สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีให้มีความครอบคลุมมากขึ้น “เราจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตเพื่อการมีสุขภาพที่ดี และแสดงให้ทุกคนเห็นว่า วิธีการมีสุขภาพที่ดีของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน พร้อมช่วยให้ทุกคนเดินหน้าสู่การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในแบบฉบับของตนเอง แต่ละตลาดในเอเชียมีความหลากหลาย แต่ประเด็นปัญหาด้านสุขภาพล้วนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน “เรามุ่งเดินหน้าภารกิจที่จะปรับทัศนคติ ความคิด พฤติกรรม และแสดงให้เห็นว่ามีสุขภาพดีเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล แคมเปญนี้จะทำให้ผู้คนในเอเชียรู้สึกเข้าถึงและมีส่วนร่วมมากขึ้น เพื่อส่งเสริมการมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น พร้อมเร่งเดินหน้าเพื่อพิชิตเป้าหมาย AIA One Billion ของเรา” เอไอเอ ประเทศไทย เป็นประเทศแรกในกลุ่มบริษัทเอไอเอ ที่ได้จัดงานเปิดตัวแคมเปญ “Rethink Healthy” ณ อาคารเอไอเอ ทาวเวอร์…
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านประกันชีวิตและบริการด้านสุขภาพ พร้อมอยู่เคียงข้าง ร่วมป้องกันคนที่คุณรักจากโรคไข้หวัดใหญ่ โดยบริษัทฯ ขอมอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าสุขภาพรายบุคคลที่มีความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 15 ปี รับสิทธิ์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ชนิด 4 สายพันธุ์* ทั้งนี้ผู้ปกครองของผู้เอาประกันภัยกรมธรรม์สามารถกดรับสิทธิ์ให้บุตรของท่านได้ผ่านแอปพลิเคชัน Emma by AXA ผ่านเมนู “Rewards PLUS+” ซึ่งบุตรของท่านสามารถเข้ารับบริการฉีดวัคซีนกับโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่ วันที่ 1 – 31 กรกฎาคม 2567 โดยผู้ปกครองหรือผู้เอาประกันภัยจะต้องแสดงรหัสที่ได้รับ (Redemption Code)จาก Rewards PLUS+ บนแอปพลิเคชัน Emma by AXA พร้อมทั้งบัตรประกันสุขภาพของ กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต หรือบัตรประชาชนของผู้เอาประกันได้ที่เคาน์เตอร์โรงพยาบาล บริษัทฯ มุ่งมั่นให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก เพราะถ้าหากเจ็บป่วยขึ้นมา อาจมีอาการที่รุนแรงกว่าผู้ใหญ่ ซึ่งการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการป้องกันโรคนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยลดโอกาสติดเชื้อ แต่ยังช่วยลดความรุนแรงของอาการ และลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายหลักของบริษัทฯ ที่พร้อมอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่นดูแลกันตลอดไป สำหรับลูกค้าที่สนใจ รับสิทธิ์ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ชนิด 4 สายพันธุ์ * สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 1159 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ https://www.krungthai-axa.co.th/th/flu-vaccine-2024 หมายเหตุ: เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัท
เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ จัดกิจกรรมฉลองความสำเร็จฝ่ายขายช่องทางตัวแทน ล่องเรือสำราญ โดยกิจกรรมดังกล่าวได้รับเกียรติจาก นายสมศักดิ์ อรรถเสรีพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านตัวแทน บมจ. เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต (ไทยแลนด์) ร่วมเดินทางไปพร้อมกับฝ่ายขาย เพื่อเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใคร และทำกิจกรรมสร้างทีมและเครือข่ายอย่างเต็มที่ รวมถึงการให้แนวทางการดำเนินงานภายใต้แนวคิด “Lifetime Partner 24: Driving Growth” ที่มุ่งเน้นการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน การเพิ่มอัตราผลตอบแทน และการนำนวัตกรรมมาใช้ เพื่อสร้างบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน
บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ MTI โดย นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ นางยุพา ล่ำซำ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์ เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรอาหารแห้ง ถวายภัตตาหารเพล และสักการะเจ้าที่ เนื่องในโอกาสครบรอบการก่อตั้ง 92 ปี บริษัทฯ ในวันที่ 20 มิถุนายน เพื่อความเป็นสิริมงคลในการดำเนินกิจการมาอย่างยาวนาน โดยมี นางปุณฑริกา ใบเงิน กรรมการ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส และนายวาสิต ล่ำซำ กรรมการ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูง และพนักงานเข้าร่วมพิธี พร้อมกันนี้ นางปุณฑริกา ใบเงิน และ นายอภิธร อมาตยกุล รองกรรมการผู้จัดการ ยังเป็นประธานมอบทุนการศึกษาแก่บุตร – ธิดา ของพนักงาน จำนวน 30 ทุน มูลค่าทุนละ 10,000 บาท รวมเป็นเงิน 300,000 บาท เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสร้างโอกาส และต่อยอดทางการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนได้เติบโตอย่างมีคุณภาพ และมอบรางวัล MTI LONG SERVICE AWARDS สำหรับพนักงานที่มีอายุงาน 10 ปีขึ้นไป โดยมีตัวแทนพนักงานเข้าร่วมรับมอบ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา ณ อาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) #เมืองไทยประกันภัย #ยิ้มได้เมื่อภัยมา
บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) โดย นายโชน โสภณพนิช (ที่ 4 จาก ซ้าย) กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วย นางสาวศิรินารถ วงศ์เจริญสถิตย์ (ที่ 3 จาก ซ้าย) ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายเทคโนโลยี ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงกับ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างกันในด้านการศึกษา การวิจัย และพัฒนาบุคลากร อันจะนำไปสู่ความเป็นเลิศทางด้านวิชาการ เทคโนโลยีและนวัตกรรม และสามารถนำผลการวิจัยและพัฒนามาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมทั้งยังสร้างบุคลากรคุณภาพเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมประกันชีวิตในระยะยาว โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.สุเพชร จิรขจรกุล (ที่ 4จาก ขวา) คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมลงนาม พร้อมด้วยคณาจารย์และผู้บริหารทั้ง 2 ฝ่ายร่วมเป็นสักขีพยานในพิธี ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อเร็วๆนี้
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โลกของเราเผชิญกับความท้าทายด้านความมั่นคงทางอาหารอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน การเพิ่มขึ้นของประชากรโลกอย่างรวดเร็ว ผนวกกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้น ส่งผลให้พื้นที่เพาะปลูกลดลง ในขณะที่ความต้องการอาหารกลับเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ ความขัดแย้งระหว่างประเทศและวิกฤตเศรษฐกิจโลกยังส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานอาหารอย่างรุนแรง ทำให้หลายประเทศต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหารและราคาอาหารที่พุ่งสูงขึ้น ท่ามกลางวิกฤตการณ์ดังกล่าว ทั่วโลกเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาภาคเกษตรกรรมอย่างยั่งยืนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในการสร้างความมั่นคงทางอาหารนั้น การพัฒนาภาคการเกษตรเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ หัวใจสำคัญอยู่ที่การดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้มีความมั่นคงด้วย ซึ่งในประเด็นนี้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระวิสัยทัศน์อันยาวไกลเกี่ยวกับความมั่นคงทางอาหารของชาติ โดยทรงเล็งเห็นว่าการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรคือรากฐานสำคัญ เพราะเกษตรกรคือฟันเฟืองสำคัญของระบบการผลิตอาหาร หากเกษตรกรไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ ย่อมส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารของประเทศโดยรวม แนวคิดนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนผ่านพระราชกรณียกิจของพระองค์ โดยทรงพระราชทานโรงสีข้าวให้แก่ชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนโรงสีในพื้นที่ ช่วยให้ชาวบ้านไม่ต้องซื้อข้าวสารราคาแพงจากแหล่งอื่น สามารถพึ่งตนเองได้ และทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นางวิชชุดา ไตรธรรม ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า“การจัดโครงการฯ ในครั้งที่ 41 นี้ ได้เลือกมาศึกษาดูงานที่โรงสีข้าวพระราชทานอ่าวน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หนึ่งในโรงสีข้าวที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานไว้ให้กับพสกนิกรชาวไทย และเป็นโรงสีข้าวพระราชทานแห่งสุดท้ายในประเทศ ที่ยังคงเปิดให้บริการประชาชนในพื้นที่มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 โดยโรงสีข้าวแห่งนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของพระปรีชาสามารถของพระองค์ในการแก้ปัญหาเฉพาะพื้นที่และสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนเกษตรกรรม โดยไม่เพียงแต่ช่วยให้ชาวบ้านมีข้าวบริโภคในราคาที่เหมาะสม แต่ยังเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาอาชีพและสร้างรายได้ให้กับชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญในปัจจุบัน” โครงการทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561โดย บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับองค์กรพันธมิตร ได้แก่ ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน), สมาคมนักเรียนเก่า AFS ประเทศไทย, สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน), การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), มูลนิธิธรรมดี และองค์กรภาคีเครือข่าย ด้วยเล็งเห็นความสำคัญของศาสตร์พระราชา และหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่จะมีส่วนสำคัญในการช่วยให้ประเทศชาติเกิดการพัฒนาได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน พร้อมทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการส่งต่อองค์ความรู้อันทรงคุณค่านี้ไปสู่ประชาชนในวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เยาวชนและบุคลากรทางการศึกษาของประเทศ เพื่อให้พร้อมรับและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ในวันเดียวกันนั้น ผู้ร่วมโครงการฯ ยังได้มีโอกาสชมต้นมะม่วงทรงปลูก ซึ่งเป็นมรดกล้ำค่าที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ทรงปลูกไว้ ณ บริเวณด้านหน้าโรงสีข้าวพระราชทาน…
“ประกันติดโล่” แบรนด์นายหน้าประกันที่มุ่งส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงประกันภัยได้เพิ่มขึ้น บริหารโดย บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR โดย นายธนกร นพกิจกำจร (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้จัดการอาวุโสแผนกสื่อสารองค์กร เป็นตัวแทนมอบหมวกกันน็อก จำนวน 100 ใบให้กับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนอยุธยานุสรณ์ ในโครงการอัจฉริยะยุวชนประกันภัย ประจำปี 2567 โดยมี นายถาวร ทิพย์โสต (กลาง) ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ และ นางสาวอิสรีเกตุกล่ำ (ที่ 2 จากขวา) ผู้อำนวยการ สำนักงาน คปภ. จ.พระนครศรีอยุธยา ให้เกียรติเป็นตัวแทนรับมอบ เพื่อนำไปส่งมอบให้กับนักเรียนที่ขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ต่อไป นอกจากนี้ นายมิ่งขวัญ ประเสริฐศิวพร (ซ้าย) ผู้ช่วยผู้จัดการงานส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการเงิน ยังนำทีมงานจัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ด้านประกันภัยให้กับนักเรียน จำนวน 220 คน ในรูปแบบกิจกรรมสนุกสอดแทรกความรู้ด้านประกันภัย (Insurance Activity Base) ซึ่งนักเรียนผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้รับความรู้ทั้งด้านประกันภัย พ.ร.บ. และประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ ผ่านกิจกรรมที่สร้างสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นจริง เพื่อให้นักเรียนร่วมกันคิด วิเคราะห์ แยกแยะ สร้างความรู้ ความเข้าใจ ไปพร้อมกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ณ หอประชุมโรงเรียนอยุธยานุสรณ์ จ.อยุธยา เมื่อเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ โครงการอัจฉริยะยุวชนประกันภัย ประจำปี 2567 จัดโดย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) เพื่อเสริมสร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับความสำคัญของประกันภัยให้กับนักเรียนในโรงเรียนและสถานศึกษาระดับมัธยมทั่วประเทศ สำหรับผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมข้อมูลประกันติดโล่เพิ่มเติมได้ที่ www.prakantidloh.comและ Facebook Fan page ประกันติดโล่ หรือติดต่อสอบถามผลิตภัณฑ์และบริการได้ที่ call center หมายเลขโทรศัพท์ 1501 ตลอด 24 ชม.
บริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) หรือ TQMalpha ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 27001:2022 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล ที่กำหนดกรอบการปฏิบัติด้านการจัดการความปลอดภัยของข้อมูล (Information Security Management System: ISMS) การได้รับการรับรองนี้เป็นการยืนยันว่า บริษัทมีการจัดการและป้องกันการเข้าถึงข้อมูลลูกค้า และข้อมูลสำคัญขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยอย่างสูง ดร.นภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 27001:2022 เป็นเครื่องหมายการันตีว่าบริษัทของเรามีการจัดการและปกป้องข้อมูล ที่มีประสิทธิภาพ เป็นมาตรฐานและได้รับการยอมรับในระดับสากล มีการจัดการภัยคุกคาม ครอบคลุมถึงการเข้าถึงข้อมูล ดังนั้นการได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 27001:2022 นี้แสดงให้เห็นว่า TQMalpha มีการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่เข้มงวด และมีระบบการจัดการความปลอดภัยที่ทันสมัย ซึ่งจะช่วยให้การทำธุรกรรมรวมถึงการให้บริการมีความปลอดภัย และเชื่อถือได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ TQMalpha ยังมีแผนที่จะพัฒนาและปรับปรุงระบบการจัดการความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษามาตรฐานและเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันข้อมูลในอนาคต เพื่อให้บริการที่มีคุณภาพและปลอดภัยสูงสุดในทุกมิติ เพื่อประโยชน์สูงสุดของลูกค้าและพันธมิตร”
ชับบ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต รุกหนักตลาดประกัน เปิดตัวประกันสะสมทรัพย์ “สมาร์ท เซฟวิ่งส์ 15/8” มอบเงินคืน 8% ตั้งแต่ปีแรก รวมรับตลอดสัญญา 962%* ของจำนวนเงินเอาประกันภัย บมจ. ชับบ์ ไลฟ์ แอสชัวรันซ์ หรือ ชับบ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต ปล่อยประกันแบบสะสมทรัพย์ สนับสนุนคนทำงานให้สามารถวางแผนการเงินได้ง่ายขึ้นด้วยการออมเงินผ่านประกัน ที่มอบทั้งผลประโยชน์เงินคืน และความคุ้มครองชีวิตไปพร้อม ๆ กัน โดยการันตีเงินคืนตลอดอายุสัญญารวมสูงถึง 962%* ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ด้วยระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัยเพียง 8 ปี คุ้มครองยาว 15 ปี พร้อมสิทธิประโยชน์ทางภาษี ตอบสนองความต้องการของคนไทยวัยทำงานในยุคที่ต้องการอิสระทางการเงินได้อย่างลงตัว และยังสามารถดูแลครอบครัวได้หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นกับตนเอง นางสาวอลิสา อารีพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ชับบ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต กล่าวว่า“ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศไทย ส่งผลกระทบกับการวางแผนทางการเงินของหลายคนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเราเข้าใจดีว่าจริง ๆ แล้วคนไทยโดยเฉพาะในวัยทำงานนี้ มองหาเครื่องมือทางการเงินที่ความเสี่ยงต่ำเพื่อมาช่วยบริหารเงินให้งอกเงย ซึ่งแบบประกันสะสมทรัพย์ “สมาร์ท เซฟวิ่งส์ 15/8” ของ ชับบ์ ไลฟ์ นี้ ช่วยให้สามารถออมเงินได้อย่างอุ่นใจ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีภาระผูกพันอันยาวนานตามมา และยังมีเงินคืนที่แน่นอนให้ตลอดอายุสัญญา และที่สำคัญยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีอีกด้วย ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นประกันที่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า และยังให้ลูกค้าได้มีเวลาไปทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการได้โดยไม่ต้องกังวลใดๆ” ลักษณะเด่นของแบบประกันสะสมทรัพย์ “สมาร์ท เซฟวิ่งส์ 15/8” จ่ายเบี้ยประกันภัยเพียง 8 ปี รับความคุ้มครองชีวิต 15 ปี รับเงินคืนปีละ 8% ตั้งแต่สิ้นปีกรมธรรม์ปีที่ 1 – 14 ต่อเนื่องถึง 14 ปี รับเงินครบกำหนดสัญญา 850% ณ สิ้นปีกรมธรรม์ปีที่ 15 รับผลประโยชน์ที่แน่นอนรวมตลอดสัญญา 962%* ของจำนวนเงินเอาประกันภัย รับความคุ้มครองชีวิตเพิ่มขึ้น สูงสุดถึง 800%** ในปีกรมธรรม์ที่ 8-15 สมัครง่ายโดยไม่ต้องตรวจหรือตอบคำถามสุขภาพ เบี้ยประกันภัยที่จ่ายสามารถนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุด100,000…