ธนาคารไทยพาณิชย์ เดินหน้าร่วมสนับสนุนภาครัฐช่วยเอสเอ็มอีไทยเข้าถึงสินเชื่อผ่านโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) มุ่งเติมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ฝ่าทุกความท้าทายทางเศรษฐกิจ โดยให้วงเงินสินเชื่อสูงสุด 40 ล้านบาท ดอกเบี้ยต่ำไม่เกิน 3.50%ต่อปี ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ ผ่านโครงการฯ ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท นางพิกุล ศรีมหันต์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในระยะถัดไปยังคงเผชิญความท้าทายจากความเปราะบางของอุปสงค์ในประเทศ ซึ่งผู้ประกอบการเอสเอ็มอีบางกลุ่มยังคงได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวไม่สม่ำเสมอและประสบภาวะการเข้าถึงสินเชื่อที่มีต้นทุนทางการเงินต่ำ ธนาคารไทยพาณิชย์พร้อมสนับสนุนเอสเอ็มอีไทยให้กลับมาแข็งแรงและเป็นฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จึงได้เข้าร่วมโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) ของภาครัฐ โดยสนับสนุนสินเชื่อให้แก่เอสเอ็มอีเพื่อนำไปลงทุนใหม่หรือเพิ่มสภาพคล่องให้แก่กิจการเดิม ในการสร้างความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นให้กับธุรกิจ ซึ่งในโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำนี้ ธนาคารตั้งเป้าสนับสนุนสินเชื่อไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท โดยกำหนดวงเงินต่อรายไม่เกิน40 ล้านบาท ซึ่งผู้ประกอบการสามารถขอสินเชื่อได้ทั้งที่เป็นเงินกู้ระยะยาว และเงินกู้ระยะสั้น ตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) อัตราดอกเบี้ยสองปีแรกไม่เกิน 3.5% ต่อปี ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี ผู้ประกอบการที่สนใจ ทั้งลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่สามารถยื่นขอสินเชื่อได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568 หรือ ติดต่อสอบถามข้อมูลธุรกิจได้ทาง SCB SME Business Call Center โทร. 02-722-2222 หรือผู้จัดการธุรกิจสัมพันธ์ที่ดูแลท่าน หรือที่ https://scbsme.scb.co.th/
Author: staff
บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) โดย นางสาวสุชาดา เริ่มยินดี (ซ้าย) ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักกำกับการปฏิบัติงาน เป็นผู้แทนบริษัทฯ ในการรับมอบประกาศนียบัตรผ่านการต่ออายุรับรองการเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านการคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (Thai Private Sector Collective Action Against Corruption : CAC) เป็นปีที่ 3 จากนางเกศรา มัญชุศรี (ขวา) กรรมการ CAC ในงาน CAC CertificationCeremony 2024 : Business Beyond CAC : Spotlight on Supply Chain “ห่วงโซ่ธุรกิจโปร่งใส ภาคธุรกิจไทยยั่งยืน” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อประกาศเกียรติคุณแก่องค์กรที่มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส ตอกย้ำจุดยืนกรุงเทพประกันชีวิต ในการเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืน ดำเนินธุรกิจภายใต้หลักบรรษัทภิบาล และการกำกับกิจการที่ดี โปร่งใส ปกป้องผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยงานจัดขึ้น ณ โรงแรมนิกโก้ กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆนี้
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย คุณแซลลี่ โอฮาร่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แอกซ่า ภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ และประเทศเกาหลีใต้ (คนที่ 5 จากขวา) คุณบุปผาวดี โอวรารินท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและภาพลักษณ์องค์กรและการสื่อสารองค์กร (คนที่ 6 จากซ้าย) พร้อมด้วยผู้บริหาร จัดงาน KTAXA Tech Café เน้นการเป็นองค์กรที่ล้ำสมัย ใช้เทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาการทำงาน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างสูงสุด พร้อมทั้งตอกย้ำวัฒนธรรมองค์กรแห่งการเรียนรู้ โดยภายในงานมีผู้บริหาร พนักงาน รวมถึงพาร์เนอร์ด้านเทคโนโลยี และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยหลากหลายสถาบัน เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นยังได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท เทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Microsoft, Google Cloud รวมไปถึง TRUE Digital พร้อมทั้ง KTAXA Tech Experts หลายท่าน ที่มาให้ความรู้เจาะลึกเรื่อง AI จากทั้งใน และนอกองค์กร อีกทั้งการทดลองเทคโนโลยีใหม่ๆ กับ 5 บูธ ได้แก่ Code Generation “Codie hub”, Image Generation “Pixel Genius”, Search & Text Generation “Genius for searching and creating text”, Slide generation “Pitch Genius” และ Voice & VDO generation “R U Ready with AI media” กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต เชื่อว่าการพัฒนาศักยภาพของพนักงานและสร้างจิตสำนึกด้านวัฒนธรรมองค์กร เทคโนโลยี ตลอดจนการให้ความสำคัญกับการดูแลพนักงาน และลูกค้ารวมถึงความกล้าที่จะสร้างความแตกต่าง จะทำให้พนักงานสามารถส่งมอบการบริการที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้าของเรา ตามนโยบายหลักที่จะอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป
บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านธุรกิจประกันภัยระดับโลก ประกาศย้ายสำนักงานสาขาหัวหินแห่งใหม่ ไปยังที่อยู่เลขที่ 15/199 ถนนเพชรเกษม ตำบลหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 77110 เพื่อยกระดับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า ในจังหวัดแหล่งท่องเที่ยวหลักของประเทศไทยผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพ พร้อมสร้างโอกาสขยายฐานลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติที่พักอาศัยในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น โดยอาศัยกลยุทธ์เชิงพื้นที่ในการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคตามหัวเมืองต่างจังหวัด มร. กิลโยม มิราโบว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เรามุ่งเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลายหลายของลูกค้า รวมถึงการให้ความสำคัญเรื่องช่องทางการขาย อาทิ เอเจนท์ (Agents) โบรกเกอร์ (Brokers) หรือพาร์ทเนอร์(Partners) ที่เข้มแข็งของแอกซ่า รวมถึงช่องทางออนไลน์ เพื่อเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อเป็นการตอกย้ำฐานะผู้นำการประกันภัยระดับโลก แอกซ่ามีเป้าหมายที่จะเปิดสาขาในจังหวัดหัวเมืองใหญ่และเมืองนักท่องเที่ยวในไทย เพื่อรองรับจำนวนลูกค้าในการเดินทางเข้ามาติดต่อได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นจังหวัดที่มีชาวต่างชาติเกษียณอายุอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แอกซ่าจึงได้เล็งเห็นโอกาสนี้ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น สู่การย้ายสำนักงานแอกซ่า สาขาหัวหินแห่งใหม่ เพื่อส่งมอบแผนประกันภัยที่มีคุณภาพและมาตรฐานระดับสูงจากแอกซ่าให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง” ด้าน นายจารุตม์ สุขะวดี ผู้อำนวยการสายงานบริหารช่องทางการขาย บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า “สำหรับสาขาหัวหิน ถือเป็นอีกหนึ่งสาขาของแอกซ่าที่มีจำนวนลูกค้าเติบโตสูงขึ้นอย่างมาก เราจึงได้มีการวางแผนเตรียมความพร้อมของพนักงานทุกส่วนภายในองค์กร อาทิ เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญระดับสูง (Top Quality) ที่พร้อมให้คำแนะนำและบริการลูกค้าอย่างใกล้ชิด ตลอดจนการย้ายที่ทำการแห่งใหม่ครั้งนี้ มีทำเลตั้งอยู่ในเขตชุมชน สามารถเข้าถึงได้ง่าย เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าในการเข้ามาติดต่อเราง่ายยิ่งขึ้น โดยปัจจุบัน แอกซ่ามีทั้งหมด 13 สาขา ประกอบด้วย กรุงเทพฯ เชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ ขอนแก่น นครราชสีมา ชลบุรี พัทยา ระยอง จันทบุรี หัวหิน สุราษฎร์ธานี หาดใหญ่ และภูเก็ต ที่พร้อมดูแลและให้บริการคุณแล้ววันนี้ทั่วประเทศไทย” สำหรับลูกค้าที่ต้องการติดต่อสำนักงาน แอกซ่า ประกันภัย สาขาหัวหิน สามารถติดต่อได้ที่เลขที่ 15/199 ถนนเพชรเกษม ตำบลหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 77110 ในวันจันทร์…
นายพรเทพ พรประภา ประธานกรรมการธนาคาร นายเดชา ตุลานันท์ รองประธานกรรมการธนาคาร และประธานกรรมการบริหารนายสิงห์ ตังทัตสวัสดิ์ รองประธานกรรมการบริหาร และ นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ นำคณะกรรมการธนาคาร พร้อมผู้บริหารระดับสูง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมพิธีถวายพระพรชัยมงคล เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยนายชาติศิริ โสภณพนิช เป็นผู้แทนถวายความเคารพ เปิดกรวยกระทงดอกไม้ ถวายราชสักการะ และกล่าวถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ ถวายพระพรชัยมงคลต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ลานด้านหน้าอาคารสำนักงานใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ ถนนสีลม เพื่อร่วมแสดงออกถึงความจงรักภักดี และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย
ณ ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมเป็นประธาน และสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) GSB Boost Up สำหรับธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ให้เติบโต สามารถก้าวผ่านปัญหาอุปสรรคได้อย่างเข้มแข็ง โดยมี นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวม 16 แห่ง ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว โอกาสนี้ มีนายธีรัชย์ อัตนวานิช ประธานกรรมการธนาคารออมสิน นางวรนุช ภู่อิ่ม และนายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ กรรมการธนาคารออมสิน ร่วมด้วย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ แต่ปัจจุบันธุรกิจ SMEs ต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ทั้งภาระต้นทุนธุรกิจสูง สภาพคล่องที่จำกัด และความต้องการแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ ทุกภาคส่วนทั้งรัฐบาล กระทรวงการคลัง ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้ร่วมมือกันส่งเสริมและสนับสนุน SMEs ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนจากธนาคารออมสิน ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 ด้วยการสนับสนุนแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ วงเงินรวม 100,000 ล้านบาท ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อนำไปปล่อยสินเชื่อต่อให้แก่ธุรกิจ SMEs ในการรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ซึ่งการร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงในวันนี้ ถือเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้ SMEs สามารถก้าวผ่านปัญหาอุปสรรคได้อย่างเข้มแข็ง และจะส่งผลดีต่อการขยายตัวต่อ GDP ของประเทศต่อไป นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้สั่งการให้ธนาคารออมสินเข้าช่วยเหลือ SMEs ให้มีสภาพคล่องที่เพียงพอ และเพื่อลดต้นทุนทางการเงิน…
เมืองไทยประกันชีวิต ส่ง “ShieldLife” ตัวช่วยให้คุณเบาใจ ในวันที่คุณจากไป… ตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่าง Worry Free ชวนปรับแนวคิดคนซื้อไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้ซื้อ สู่การสร้างหลักประกันที่มั่นคงให้กับคนข้างหลังผ่านประกันชีวิต พร้อมส่ง “A True Story” เปิดมุมมองเรื่องจริงที่หลากหลาย บอกเล่าความสุข ความประทับใจ และเหตุผลที่อยากส่งต่อความมั่นคงด้วยประกันชีวิตผ่านShieldLife นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมืองไทยประกันชีวิต เดินหน้าแคมเปญ “ShieldLife” ตัวช่วยให้คุณเบาใจ ในวันที่คุณจากไป… อย่างต่อเนื่องหลังกระแสตอบรับดี ล่าสุดชวนปรับแนวคิด “คนซื้อไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้ซื้อ” สู่การสร้างหลักประกันที่มั่นคงด้วยการวางแผนชีวิตเพื่อคนข้างหลัง ตอบโจทย์คนซื้อให้ได้ใช้ชีวิตอย่าง Worry Free และมีความสุขอย่างแท้จริง ด้วยการสร้างและส่งต่อมรดกให้ครอบครัว เพื่อเป็นตัวช่วยสภาพคล่องทางการเงิน หรือเป็นทุนการศึกษาให้ลูก หรือเป็นทุนเริ่มต้นทำธุรกิจ ให้ใช้ชีวิตต่อได้แบบที่ต้องการ หากมีหนี้สิน จะเป็นตัวช่วยผ่อนภาระหนี้สิน ไม่ว่าจะเป็น หนี้บ้าน หนี้รถ หนี้ธุรกิจ หรือหนี้อื่นๆ หากจากไปก็ไม่ทิ้งภาระไว้ให้คนข้างหลัง ทั้งนี้ “ShieldLife” คือตัวช่วยในการวางแผนการสร้างหลักประกันที่มั่นคงให้คนที่คุณรัก ที่คุ้มครองกรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุและเจ็บป่วย ด้วยแบบประกันชีวิตที่คุณเลือกได้ ทั้งประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Whole Life) ประกันชีวิตแบบคุ้มครองภายในระยะเวลา (Term) หรือประกันชีวิตแบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์ (Universal Life) พร้อมออกแบบตามสไลฟ์สไตล์ที่เป็นตัวคุณ ทั้งวงเงินความคุ้มครองที่เลือกได้ตามต้องการ เลือกจ่ายเบี้ยแบบชิลๆ จะแบบสั้นหรือแบบยาวก็ได้ ซื้อได้ถึงอายุ 90 ปี ระยะเวลาคุ้มครองยาวสุดถึงอายุ 99 ปี เบี้ยประกันภัยยังสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา “ตัวตนของประกันชีวิตจริงๆ แล้วคือเรื่องของการสร้างหลักประกันที่มั่นคงที่ช่วยส่งต่ออนาคตให้กับคนที่รักได้อย่างสบายใจ แต่ก็มีบางจังหวะที่คนอาจมองข้ามและมักมองว่าประกันชีวิตคือสิ่งที่คนซื้อไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้ซื้อ ซึ่งผมมองต่าง เพราะเราไม่รู้ว่าความแน่นอนของชีวิตจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยถ้ามีการวางแผนที่ดีก็จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราเบาใจ ได้รู้ว่าคนข้างหลังจะเป็นอย่างไร ซึ่งเราสามารถออกแบบหลักประกันเหล่านี้ได้ และยังได้ใช้ชีวิตได้ทำในสิ่งที่ชอบที่เป็นของสุขของเราได้อย่างเต็มที่ ซึ่ง ShieldLife คือคำตอบสำหรับทุกคนที่อยากสร้างหลักประกันที่มั่นคงนั้น” นายสาระ กล่าว นอกจากนี้เพื่อตอกย้ำกระแสความแรงของ ShieldLife เมืองไทยประกันชีวิตยังได้จัดทำ “A True Story :…
บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR นำโดย นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ นำทีมงานเปิดบ้านต้อนรับคณะผู้บริหารจาก AIA Group จำนวน 80 ท่าน ร่วมกิจกรรม TIDLOR Culture Wow เพื่อบอกเล่า แนะนำ และแลกเปลี่ยนแนวทางการสร้างค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กร นอกจากนี้ยังได้มีการเยี่ยมชมกระบวนการทำงานของฝ่ายต่าง ๆ เพื่อสัมผัสบรรยากาศการทำงานแบบ Work Smart และยังร่วมถาม-ตอบ (Q&A) อย่างใกล้ชิดกับผู้บริหารและทีม Culture Gangster เกี่ยวกับแนวทางและวิธีการสร้างวัฒนธรรมองค์กรเพื่อใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจ กิจกรรมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์การสร้างวัฒนธรรมองค์กรไปยังองค์กรต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจของ บมจ.เงินติดล้อ ในปัจจุบัน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์กับการสร้างวัฒนธรรมองค์กรแก่หน่วยงานอื่น ๆ ต่อไป กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้น ณ สำนักงานใหญ่ บมจ.เงินติดล้อ อาคารอารีย์ ฮิลล์ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้หลักสูตร TIDLOR Culture Wow และ TIDLOR Culture Campภายใต้โครงการ TIDLOR Academy จัดขึ้นสำหรับบุคคลและบริษัทภายนอกที่สนใจการสร้างวัฒนธรรมองค์กร ผ่านแนวคิดและประสบการณ์จริงในการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยวัฒนธรรมองค์กรในแบบฉบับเงินติดล้อ เพื่อเป็นแนวทางให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้แข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไป สำหรับผู้สนใจออกแบบค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กรผ่านเวิร์กชอปที่สามารถนำไปใช้ได้จริง สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ www.tidlor.com/academy หรือสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-792-1990
กรุงเทพฯ (25 ก.ค. 67) – ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสนับสนุนธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จัดงานเสวนาหัวข้อ “ด้วย ‘รักษ์’ กับนักธุรกิจยุคใหม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและแบ่งปันแนวคิดในการดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ โดยได้รับเกียรติจากผู้นำธุรกิจรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์และมุมมองที่น่าสนใจ นายกมลภู ภูริดิฐสกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ (FEVP) กลุ่มบริหารธุรกิจไมโครไฟแนนซ์และสาขาสินเชื่อ กล่าวว่า “การสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กและรายย่อยเป็นภารกิจที่ธนาคารไทยเครดิตยึดมั่นเสมอมา เราเชื่อว่าไม่ว่าธุรกิจจะเล็กหรือใหญ่ ทุกคนควรให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม แม้แต่ธุรกิจขนาดเล็กก็สามารถมีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อมได้ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดต้นทุนแล้ว ยังสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจอีกด้วย” นายนาธัส กฤตวรานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ (FEVP) กลุ่มบริหารธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี กล่าวเสริมว่า “ธนาคารไทยเครดิตตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ธนาคารฯ ได้กำหนดนโยบาย ESMS (Environment and Social Management System) เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาการให้บริการทางการเงินที่ไม่ส่งผลกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม พร้อมทั้งส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคต เราเชื่อมั่นว่าการเติบโตทางธุรกิจและการรักษาสิ่งแวดล้อมสามารถดำเนินไปด้วยกันได้อย่างสมดุล” งานเสวนาจัดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2567 ณ โรงแรมไอบิส สไตล์ กรุงเทพ รัชดา โดยมีผู้ประกอบการและผู้สนใจเข้าร่วมงานกว่า 100 คน เกี่ยวกับธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจให้บริการทางการเงินมากว่า 5 ทศวรรษ มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้บริการทางการเงินที่ดีที่สุด เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าเติบโตทางธุรกิจ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วยบริการไมโครไฟแนนซ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของธนาคารฯ และยกระดับชีวิตทางการเงินได้อย่างยั่งยืน วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิประกอบด้วย คุณจิรโรจน์ พจนาวราพันธุ์ ทายาทรุ่นที่ 3 แห่ง ‘SC GRAND’ ผู้พลิกโฉมอุตสาหกรรมสิ่งทอด้วยการผลิตผ้ารีไซเคิล คุณกมลชนก คล้ายนก จากแบรนด์ ‘Wastic’ ผู้สร้างสรรค์แว่นกันแดดจากขยะขวดพลาสติก และคุณธนิดา ดลธัญพรภคภพ เจ้าของแบรนด์ ‘Ira’ เครื่องสำอางที่ใส่ใจธรรมชาติ
ธนาคารกสิกรไทยปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) เพื่อช่วยลูกค้าธุรกิจเพิ่มสภาพคล่องในช่วงเศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ วงเงินกู้สูงสุด 40 ล้านบาท (รวมทุกสถาบันการเงิน) ดอกเบี้ย 3.5% ต่อปี ใน 2 ปีแรก ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี ธนาคารพร้อมเตรียมวงเงินสินเชื่อ 20,000 ล้านบาทเพื่อช่วยเหลือลูกค้า โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมีลูกค้าให้ความสนใจร่วมโครงการแล้วมากกว่า 1,000 ราย นายรุ่งเรือง สุขเกิดกิจพิบูลย์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวที่ 2.6% จากภาคการผลิตที่ยังหดตัว และหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ประกอบกับการส่งออกมีแนวโน้มฟื้นตัวช้าจากภาวะเศรษฐกิจโลก ธนาคารกสิกรไทยตระหนักดีถึงปัญหาเหล่านี้และต้องการช่วยให้ลูกค้าธุรกิจมีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจหรือปรับปรุงธุรกิจเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันต่อไปได้ จึงร่วมโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) GSB Boost Up ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งธนาคารได้เร่งประชาสัมพันธ์ให้กับลูกค้าของธนาคารทราบในหลักเกณฑ์ต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมในการขอสินเชื่อโครงการดังกล่าว โดยคาดว่าจะมีลูกค้าให้ความสนใจร่วมโครงการมากกว่า 1,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการในธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง และธุรกิจบริการ ต้องการวงเงินเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 3-5ล้านบาท สำหรับรายละเอียดโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) ของธนาคารกสิกรไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจหรือเพื่อใช้ลงทุนปรับปรุงกิจการ วงเงินกู้สูงสุด 40 ล้านบาท (นับรวมทุกสถาบันการเงิน) ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.5% ต่อปี ใน 2 ปีแรก และตั้งแต่ปีที่ 3 เป็นต้นไปอัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามเงื่อนไขของแต่ละผลิตภัณฑ์ โดยลูกค้าที่สนใจร่วมโครงการจะต้องเป็นลูกค้าธุรกิจที่มีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาทต่อปี และมีจำนวนพนักงานไม่เกิน 200 คน โดยไม่จำเป็นต้องเป็นลูกค้าปัจจุบันของธนาคารกสิกรไทย นายรุ่งเรืองกล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารมีความห่วงใยและพร้อมที่จะช่วยเหลือลูกค้าอย่างเต็มที่ ทั้งกลุ่มที่ต้องการสภาพคล่องหรือปรับปรุงธุรกิจ รวมถึงกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือทางการเงิน โดยธนาคารมีแผนการสนับสนุนลูกค้าทุกกลุ่มอย่างเหมาะสม สำหรับโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) GSB Boost Up ธนาคาร ได้เตรียมวงเงินสินเชื่อรองรับกว่า 20,000 ล้านบาท ลูกค้าที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถยื่นขอสินเชื่อได้ตั้งแต่วันนี้-30 ธ.ค. 2568 หรือจนกว่าวงเงินจะเต็ม โดยติดต่อได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือผู้ดูแลความสัมพันธ์ลูกค้า หรือ…