Swiss Re เผยพายุเฮอริเคนและแผ่นดินไหวอาจทำให้ตัวเลขความเสียหายที่มีการประกันภัยสูงถึง 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐและเป็นอีกปีที่ถือว่ารุนแรงที่สุด
สถาบัน Swiss Re ระบุในรายงานล่าสุดว่า จากแนวโน้มการเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องประมาณ 5-7% ต่อปี ความเสียหายจากภัยธรรมชาติที่มีการทำประกันภัย (Insured Loss) ทั่วโลกอาจสูงถึง 145,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 โดยสาเหตุหลักมาจากภัยรอง (secondary perils) เช่น พายุฝนฟ้าคะนองรุนแรง น้ำท่วม และไฟป่า อย่างไรก็ตาม ภัยหลัก (Primary perils) เช่น พายุเฮอริเคนและแผ่นดินไหว ยังคงเป็นความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุด และอาจทำให้ความเสียหายที่มีการประกันสูงถึง 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือมากกว่านั้นในปีที่รุนแรงที่สุด
ปี 2025 เริ่มต้นด้วยไฟป่าในลอสแอนเจลิส ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายที่มีการประกันภัยราว 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้ภัยรองนี้จะก่อให้เกิดความเสียหายจำนวนมาก แต่ภัยหลักก็ยังเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุด (biggest threat) โดยหากเกิดพายุเฮอริเคนรุนแรงหรือแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ในเขตเมืองที่มีประชากรหนาแน่น ความเสียหายที่มีการประกันภัยไว้อาจสูงกว่าสองเท่าของตัวเลขแนวโน้มระยะยาว
Urs Baertschi ซีอีโอฝ่ายประกันภัยต่อทรัพย์สินและวินาศภัยของ Swiss Re กล่าวว่า “นอกจากการช่วยลูกค้าจัดการความเสี่ยงแบบดั้งเดิมหรือ traditional risk แล้ว บริษัทประกันภัยต่อยังให้ข้อมูล ข้อมูลเชิงลึก และความรู้เกี่ยวกับจุดเสี่ยงต่างๆ อุตสาหกรรมประกันภัยต่อเป็นเหมือนโช้คอัพที่รับแรงกระแทกเมื่อภัยใดๆ ขยายกลายเป็นภัยพิบัติ และยังเป็นพันธมิตรสำคัญในการหารือเรื่องการตระหนักรู้และป้องกันความเสี่ยงด้วย”
ปีที่มีความเสียหายสูงสุด ซึ่งเกิดจากภัยหลักไม่กี่เหตุการณ์หรือจากการสะสมของภัยรองและภัยหลัก ไม่ควรถูกมองว่าเป็นเรื่องผิดปกติ โดยปีที่มีความเสียหายสูงสุดล่าสุดคือปี 2017 ซึ่งมีพายุเฮอริเคน Harvey, Irma และ Maria เป็นต้นเหตุ นับแต่นั้นเป็นต้นมา ความเสี่ยงพื้นฐานได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจ ประชากร และการขยายตัวของเขตเมือง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อภัยธรรมชาติ นอกจากนี้ ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังมีบทบาทในการเพิ่มความเสียหายจากภัยพิบัติบางประเภทในบางภูมิภาคอีกด้วย
ตามการประมาณการของ Swiss Re Institute พายุเฮอริเคนบางลูกในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 หากเกิดขึ้นในปัจจุบันจะก่อให้เกิดความเสียหายมากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตัวอย่างเช่น พายุเฮอริเคน Andrew สร้างความเสียหายที่มีการประกันภัยไว้ 35,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 1992 หากเกิดขึ้นในเส้นทางเดิม ในวันนี้ความเสียหายจะเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ การเพิ่มขึ้นของประชากร และการขยายตัวของเมือง
ขณะที่พายุเฮอริเคน Katrina ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายสูงสุดต่ออุตสาหกรรมประกันภัย อาจไม่สร้างความเสียหายมากเท่ากับเมื่อ 20 ปีก่อน อย่างไรก็ตาม ความเสียหายที่มีการประกันภัยยังคงอยู่ที่ประมาณ 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากต้นทุนการก่อสร้างและที่อยู่อาศัยที่สูงขึ้น แต่การปรับปรุงแนวป้องกันน้ำท่วมและการลดลงของประชากรตามแนวทางของ Katrina ราว 20% ได้ช่วยลดความเสี่ยงลงอย่างมาก