นางสุวพร ทองธิว ประธานกรรมการบริหาร และนายอมร ทองธิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) นำคณะผู้บริหารระดับสูง ร่วมพิธีทำบุญตักบาตร เนื่องในโอกาสครบรอบ 77 ปี แห่งการก่อตั้งบริษัทฯ ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2490 เพื่อความเป็นสิริมงคลเจริญรุ่งเรือง ตลอดจนเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับบุคลากรของบริษัททุกภาคส่วนที่ได้มุ่งมั่นทุ่มเทในการปฏิบัติงาน ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจภายใต้นโยบาย “ความเป็นธรรม คือ นโยบาย” พร้อมทั้งดำเนินงานตามแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีธรรมาภิบาลและความโปร่งใส และอุดมการณ์แห่งการแบ่งปัน มุ่งมั่น และแน่วแน่ในการสร้างสรรค์ประโยชน์ต่อสังคมไทยอย่างยั่งยืน โดยพิธีทำบุญดังกล่าวจัดขึ้น ณ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ ในโอกาสนี้ สาขาและศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทนของวิริยะประกันภัยทั่วประเทศต่างพร้อมใจร่วมกันจัดพิธีทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย ตลอดระยะเวลา 77 ปี บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่องด้วยประสบการณ์ด้านประกันวินาศภัย ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน โดยมุ่งเน้นการนำนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการบริการประกันภัย ตลอดจนพัฒนาปรับปรุงเครือข่ายศูนย์บริการสินไหมทั่วประเทศให้แข็งแกร่ง เพื่อให้ลูกค้าได้รับการบริการอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดความพึงพอใจอย่างสูงสุด เหนือสิ่งอื่นใดความสำเร็จเหล่านี้ล้วนมาจากความร่วมมือของผู้เกี่ยวทุกภาคส่วนทั้งลูกค้า ผู้เอาประกันภัย ตัวแทนประกันวินาศภัย คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทฯ ตลอดไปถึงคณะกรรมการบริษัท ผู้บริหาร และพนักงาน ที่ได้ร่วมกันขับเคลื่อนธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมาย ดั่งพันธกิจที่ว่า “ให้บริการที่สร้างความอบอุ่นและพึงพอใจ จากเครือข่ายที่ครบวงจรทั่วประเทศ ด้วยกระบวนงานที่ทันสมัยสะดวกรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ โดยทีมงานที่มีจรรยาบรรณเป็นที่เชื่อถือไว้วางใจได้”
Author: staff
นายธีรวัต อมรธาตรี (แถวหน้า คนกลาง) กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกชีทเม็ททัล จำกัด (มหาชน) หรือ BM ได้รับเกียรติจากคณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนย์สุพรรณบุรี เป็นวิทยากรถ่ายทอดประสบการณ์ในการทำงาน รวมทั้งการคัดเลือกบุคคลเข้าทำงานขององค์กร ในหัวข้อ “การเตรียมความพร้อมก่อนก้าวสู่ตลาดแรงงาน” ให้แก่นักศึกษาชั้นปีที่ 4 เพื่อเติมประสบการณ์ทางด้านวิชาชีพและเสริมทักษะให้นักศึกษา ก่อนก้าวสู่โลกของการทำงานจริง ในโครงการ “วิศวฯสถาปัตย์ที่ตรงใจเธอ” โดยมี รศ.ดร. ณรงค์ชัย วิวัฒนาช่าง (แถวหน้า คนที่ 7 จากซ้าย) รองคณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ ให้การต้อนรับ ณ อาคารหอประชุมสุพรรณภูมิ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนย์สุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี เมื่อเร็วๆ นี้
ธ.ก.ส. พร้อมมุ่งสู่แกนกลางการเกษตร ยกระดับ SME และเกษตรกรหัวขบวน โดยเติมองค์ความรู้ด้านการผลิตสู่ เกษตรมูลค่าสูง และการบริหารจัดการที่เป็นมาตรฐาน พร้อมเชื่อมโยงการเข้าไปสนับสนุนเกษตรกรรายย่อยที่เข้าร่วม โครงการพักชาระหนี้ ภายใต้หลักการ “ตลาดนา นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ในการฟื้นฟูการประกอบอาชีพ พัฒนา ศักยภาพการผลิตและเชื่อมโยงการตลาด อันนาไปสู่การสร้างรายได้และช่วยให้เกษตรกรสามารถหลุดพ้นกับดักหนี้อย่าง ยั่งยืน นายณรงค์ ขันติวิริยะกุล รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นประธานในการเปิดงานเสวนาโครงการ “การยกระดับ SME เกษตรหัวขบวน สู่แกนกลางเกษตรไทย เพื่อการ ฟื้นฟูเกษตรกรรายย่อยที่เข้าร่วมโครงการพักชาระหนี้” ภายใต้หลักการ “ตลาดนา นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” โดยนา เกษตรกรหัวขบวน และผู้ประกอบการ SME เกษตรในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ มาร่วมสนับสนุนเกษตรกรรายย่อยที่เข้าร่วม มาตรการพักชาระหนี้ ให้สามารถฟื้นฟูการประกอบอาชีพ มีศักยภาพในการผลิตและแปรรูปผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและ มีรายได้เพิ่มขึ้น อันนาไปสู่การหลุดพ้นกับดักหนี้อย่างยั่งยืน โดยมีคณะผู้บริหาร เกษตรกรหัวขบวน ผู้ประกอบการ SME เกษตร และพนักงาน ธ.ก.ส. เข้าร่วมกิจกรรม ณ อาคารทาวเวอร์ ธ.ก.ส. สานักงานใหญ่ กรุงเทพฯ นายณรงค์ ขันติวิริยะกุล รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่ คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ดาเนินมาตรการพักชาระหนี้ให้กับเกษตรกรรายย่อยในช่วงปี 2567 – 2569 พร้อม กาหนดหลักเกณฑ์ให้เกษตรกรที่เข้าร่วมมาตรการจะต้องเข้าร่วมการเสริมความรู้ฟื้นฟูทักษะในการประกอบอาชีพภายใต้ แนวทาง “ตลาดนา นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ใหม่” เป้าหมายเกษตรกร จานวน 900,000 ราย เพื่อขยายการลงทุนในการ ประกอบอาชีพ การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มสภาพคล่องให้เกษตรกรรายย่อยให้สามารถมีรายได้เหลือ เพียงพอต่อรายจ่ายที่จาเป็นในครัวเรือน อันนาไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรให้ดีขึ้นและเป็นการเพิ่มกาลังซื้อในระบบ เศรษฐกิจฐานราก ซึ่งในส่วนของ ธ.ก.ส. ได้จับมือกับเครือข่าย ทั้งภาครัฐ เอกชนและสถาบันการศึกษาในการเสริมสร้างองค์ ความรู้ในการพัฒนาอาชีพ การเพิ่มศักยภาพในการผลิต การแปรรูปสู่เกษตรมูลค่าสูง ทั้งการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการ แปรรูปและพัฒนาผลผลิต ให้กับเกษตรกรหัวขบวนและผู้ประกอบการ SME…
นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานเปิดงานการประชุมวิชาการประจำปีเวชศาสตร์ประกันชีวิตไทย ครั้งที่ 19 Annual Thailand Insurance Medical Academic Conference 2024 (TIMAC-2024) เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ณ ห้องประชุมสุขุมวิท 1-2 โรงแรมเจดับบลิว แมริออท กรุงเทพมหานคร ในโอกาสนี้ เลขาธิการ คปภ. ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “การส่งเสริมระบบประกันสุขภาพเอกชนของไทย” มีใจความตอนหนึ่งว่า การประกันภัยสุขภาพ ถือเป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยง ที่สำคัญของผู้เอาประกันภัย ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่เป็นผู้ป่วยใน ผู้ป่วยนอก ค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ รวมไปถึงการประกันภัยคุ้มครองโรคร้ายแรง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วผู้เอาประกันภัยจะซื้อประกันภัยสุขภาพเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย ไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลไปก่อน และคาดหวังว่าจะได้รับการดูแล และได้รับผลประโยชน์ตามความคุ้มครองจากกรมธรรม์โดยสะดวก ซึ่งในอดีตการประกันภัยสุขภาพของแต่ละบริษัทในความคุ้มครองที่มีชื่อเดียวกันอาจให้ความคุ้มครองที่แตกต่างกัน ทำให้ผู้เอาประกันภัยรวมไปถึงบุคลากรทางการแพทย์ที่ให้การบริการเกิดความสับสน ดังนั้น สำนักงาน คปภ. จึงได้เข้ามามีบทบาท ร่วมกับภาคธุรกิจประกันภัย จัดทำโครงการพัฒนาปรับปรุงแก้ไขสัญญาประกันภัยสุขภาพให้สอดคล้องกับวิวัฒนาการเทคโนโลยี และวิธีการรักษาทางการแพทย์ในปัจจุบัน รวมถึงเพื่อเพิ่มความยั่งยืนของระบบการประกันภัยสุขภาพ และสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในเรื่องการปฏิรูประบบสาธารณสุข ซึ่งได้รับผลตอบรับจากภาคธุรกิจและผู้เอาประกันภัยเป็นอย่างดี โดยออกเป็นคำสั่งนายทะเบียน เรื่อง การประกันภัยสุขภาพแบบมาตรฐาน หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า New Health Standard และขณะนี้อยู่ในระหว่างการประสานความร่วมมือกับสมาคมโรงพยาบาลเอกชนในการจัดทำคู่มือมาตรฐานการเบิกค่ารักษาพยาบาล (SIMB) ดังนั้น การส่งเสริมระบบประกันภัยให้เกิดความยั่งยืนจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากภาคธุรกิจประกันภัยขาดองค์ความรู้ด้านเวชศาสตร์ประกันชีวิต ซึ่งถือว่ามีบทบาทสำคัญอย่างมาก เพราะความรู้ความเข้าใจด้านเวชศาสตร์ประกันชีวิตมีความจำเป็นต่อบุคลากรในภาคธุรกิจประกันภัยในหลายส่วนงาน โดยมีความเกี่ยวเนื่องกันตั้งแต่เริ่มกระบวนการออกแบบผลิตภัณฑ์ การกำหนดเงื่อนไขความคุ้มครอง การพัฒนาการบริการให้ครอบคลุมมากกว่าการคุ้มครองเมื่อเจ็บป่วย การพิจารณารับประกันภัย ตลอดจนการจ่ายค่าสินไหมทดแทน รวมถึงการนำการประกันภัยสุขภาพไปใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ อีกทั้ง ความรู้ด้านเวชศาสตร์ประกันชีวิตยังช่วยส่งเสริมและผลักดันให้เกิดการใช้ทรัพยากรทางการแพทย์อย่างจำเป็น เหมาะสม คุ้มค่า และเป็นการควบคุมค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลหรือควบคุมอัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์ ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลของประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันมีสาเหตุจากหลายประการ เช่น การรักษาที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน และเกินความจำเป็นทางการแพทย์ การคิดค่าใช้จ่ายไม่เป็นไปตามราคามาตรฐาน และการฉ้อฉลประกันภัย เป็นต้น ซึ่งหากธุรกิจประกันภัยสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้ ก็จะช่วยให้ระบบประกันภัยของไทยเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ส่งผลทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการประกันภัยสุขภาพได้มากขึ้น และการมีประกันภัยสุขภาพจะช่วยคุ้มครองประชาชนจากภาระค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพที่สูงขึ้น รวมทั้งลดความเครียดทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยทางอ้อมที่จะทำให้ประชาชนประกอบอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติในภาพรวม นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. มีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมกรมธรรม์ประกันภัยที่มีความคุ้มครองครอบคลุม…
กรุงเทพประกันชีวิต แนะวางแผนการเงินด้วยแบบประกันที่ช่วยตอบโจทย์ชีวิตที่มั่นคง ทั้งความคุ้มครองที่ครอบคลุมและผลประโยชน์ที่คุ้มค่า พร้อมเปิดตัวแบบประกันสะสมทรัพย์ใหม่ 2 แบบ “แฮปปี้เซฟวิ่ง 15/7” ชำระเบี้ยเพียง 7 ปี แต่คุ้มครองยาวนาน 15 ปี มีเงินคืนระหว่างสัญญา ปีละ 7% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย รวมผลประโยชน์ตลอดสัญญาทั้งสิ้น 825% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย และ “แท็กซ์ เซฟเวอร์ 10/5 (มีเงินปันผล)” ชำระเบี้ยระยะสั้นเพียง 5 ปี คุ้มครอง 10 ปี การันตีผลประโยชน์รวมตลอดสัญญา 515% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย และมีโอกาสรับเงินปันผลเพิ่ม ช่วยให้การวางแผนการใช้เงินระยะยาวบรรลุเป้าหมายด้วยผลตอบแทนตลอดสัญญา นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การทำประกันชีวิตมีบทบาทสำคัญต่อการวางแผนทางการเงินให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายของแต่ละบุคคลที่ได้วางไว้ ด้วยความเสี่ยงที่ต่ำเมื่อเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ นอกจากนี้ยังได้รับความคุ้มครองชีวิต รวมไปถึงแบบประกันบางประเภทยังมีการคืนเงินต้นและให้ผลตอบแทนที่แน่นอน เช่น แบบประกันชีวิตสะสมทรัพย์ที่ช่วยในการออมเงินเพื่ออนาคต และเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า กรุงเทพประกันชีวิตได้ออกแบบประกันสะสมทรัพย์ใหม่พร้อมกัน 2 แบบ ได้แก่ “แฮปปี้เซฟวิ่ง 15/7” และ “แท็กซ์ เซฟเวอร์ 10/5 (มีเงินปันผล)” ทั้งนี้ “แฮปปี้เซฟวิ่ง 15/7” มีจุดเด่นที่ชำระเบี้ยเพียง 7 ปี แต่คุ้มครองยาวนาน 15 ปี มีเงินคืนระหว่างสัญญาตั้งแต่สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1 – 14 ปีละ 7% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย และเมื่อครบสัญญาสิ้นปีกรมธรรม์ที่ 15 รับเงินก้อนคืน 727% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย รวมผลประโยชน์ตลอดสัญญาทั้งสิ้น 825% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ช่วยให้ลูกค้าวางแผนการเงินในอนาคตได้อย่างหมดห่วง นอกจากนี้ยังสามารถนำเบี้ยประกันไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาได้สูงสุด 100,000 บาท (เงื่อนไขเป็นไปตามที่สรรพากรกำหนด) รับประกันตั้งแต่อายุแรกเกิดจนถึงอายุ 84 ปี ด้วยจำนวนเงินเอาประกันภัยเริ่มต้น 50,000 บาท โดยไม่ต้องตรวจและไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพ สำหรับ…
นายอารภัฏ สังขรัตน์ (ที่สองจากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ร่วมแสดงความยินดี กับนายวิญญู ไชยวรรณ(ที่สามจากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยเครดิต ในโอกาสเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในกลุ่มธุรกิจการเงิน / ธนาคาร ในชื่อย่อ “CREDIT” โดยมี นางสาวนลิน วิริยะเสถียร(ที่สองจากขวา) รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)พร้อมด้วยทีมงาน ร่วมแสดงความยินดี ในฐานะผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ###
นายเธียรวิทย์ หาญเมธีคุณา ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการภาค 3 (ภาคตะวันออก) ด้านสาขา บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย ผู้บริหาร พนักงาน ตัวแทนประกันวินาศภัย และศูนย์ซ่อมมาตรฐาน ในสังกัด ร่วมมอบทุนสนับสนุนการศึกษา ภายใต้โครงการ “สุขที่ให้…เพื่อน้องได้เรียน” ปีที่ 4 รวมจำนวน 179 ทุน เป็นเงิน 200,000 บาท ให้แก่ โรงเรียนในพื้นที่ภาคตะวันออก จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนบ้านคลองครก ตำบลพวา อำเภอแก่งหางแมว จังหวัดจันทบุรี จำนวน 100 ทุน เป็นเงิน 100,000 บาท และโรงเรียนบ้านหนองม่วง ตำบลชุมแสง อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง จำนวน 79 ทุน รวมเป็นเงิน 100,000 บาท พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังได้นำกลุ่มวิริยะจิตอาสามอบอุปกรณ์การเรียนและอุปกรณ์กีฬา รวมถึงจัดกิจกรรมนันทนาการและจัดอาหารกลางวันให้กับน้อง ๆ นักเรียนอีกด้วย สำหรับโครงการ “สุขที่ให้…เพื่อน้องได้เรียน” บริษัทฯ จัดขึ้นเป็นปีที่ 4 ด้วยตระหนักในความสำคัญของการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดำเนินภารกิจเพื่อสังคม โดยเฉพาะด้านการศึกษา อันเป็นพื้นฐานสำคัญในการส่งเสริมการเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถของเด็กและเยาวชนไทย ให้เติบโตไปเป็นพลเมืองที่ดีมีคุณภาพของสังคมและเป็นกำลังในการพัฒนาประเทศชาติต่อไป ทั้งนี้ ภายในปี 2566 บริษัทฯ ร่วมกับ ตัวแทน/นายหน้าประกันวินาศภัย ศูนย์ซ่อมมาตรฐาน และพันธมิตรทางธุรกิจ ดำเนินการมอบทุนการศึกษาให้กับเยาวชนทั่วประเทศ รวมทุนการศึกษาจำนวน 2,520,654 บาท โดยมีผู้ได้รับทุนการศึกษาแล้วในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก รวม 477 คน เป็นเงิน 604,000 บาท
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) เร่งดำเนินการตามวิสัยทัศน์สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ประสานความร่วมมือกับ Zeroboard สตาร์ทอัพสัญชาติญี่ปุ่น ในการยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลก๊าซเรือนกระจก และวัดคาร์บอนฟุตพรินท์ขององค์กรผ่านคลาวด์เทคโนโลยี ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการทางธุรกิจของธนาคารภายในปี 2573 นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงศรีมีความมุ่งมั่นที่จะร่วมแก้ไขปัญหาความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ โดยเราได้ตั้งเป้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนจากกระบวนการทางธุรกิจของธนาคารภายในปี 2573 และได้ดำเนิน โครงการต่าง ๆ อย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายที่วางไว้ โดยที่ผ่านมา เราได้คำนวณพร้อมจัดทำรายงานคาร์บอนฟุตพรินท์ขององค์กรและรายงานต่อองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) มาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2560 อย่างไรก็ตาม การวัดค่าการปล่อยหรือการลดก๊าซเรือนกระจกจำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ จึงเป็นที่มาของความร่วมมือครั้งสำคัญกับ Zeroboard ในครั้งนี้ ซึ่งจะช่วยยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลก๊าซเรือนกระจก และวัดคาร์บอนฟรุตพริ้นท์ขององค์กร โดยหวังว่าการร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนให้กรุงศรีสามารถบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนได้สะดวกและราบรื่นยิ่งขึ้น” นายมิชิทากะ โทเคอิจิ CEO ของ Zeroboard Inc. กล่าวว่า “Zeroboard มีการพัฒนาโซลูชันของเราให้ทันสมัยอยู่เสมอ อีกทั้งยังได้ขยายพื้นที่การให้บริการไปยังภูมิภาคอื่นๆ ด้วย เพื่อสนับสนุนลูกค้าของเรา ให้แต่ละองค์กรสามารถเติบโตไปพร้อมกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่อุตสาหกรรมมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตในห่วงโซ่อุปทานโลก ทั้งยังเป็นประเทศที่ภาครัฐให้ความสำคัญกับการส่งเสริมโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับกรุงศรีและบริษัทในเครือในการวัดคาร์บอนฟุตพรินท์เพื่อเป็นแนวทางสู่การวางแผนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมสังคมปลอดคาร์บอนในภูมิภาคนี้” ทั้งนี้ Zeroboard เป็นแพลตฟอร์มการคำนวณและแสดงข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ผ่านคลาวด์เทคโนโลยี โดยกรุงศรีจะนำระบบดังกล่าวเข้ามาใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลคาร์บอนที่เกิดขึ้นภายในองค์กร ทั้งในส่วนของสำนักงาน และสาขาของธนาคารกรุงศรี รวมถึงบริษัทในเครืออีกกว่า 15 บริษัททั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยคำนวณค่าปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากการใช้ค่า Emission Factor จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก และชุดข้อมูลจากมาตรฐานสากล และยังสามารถคำนวณคาร์บอนฟุตปรินท์ในกรณีที่บริษัทในเครือที่อยู่ในประเทศอื่นในอาเซียน พร้อมแสดงผลลัพธ์ที่หน้าแดชบอร์ดเพื่อการวิเคราะห์ผล ทั้งยังสามารถส่งข้อมูลออกเป็นเอกสารรายงานทั้งในรูปแบบสรุปผลและรายงานตามมาตรฐานขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกได้อีกด้วย
ไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และสายธุรกิจในเครือ ได้รับรางวัลทั้งระดับประเทศและสากล รวม 10 รางวัล สะท้อนความเชื่อมั่นของลูกค้าและคู่ค้า มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล พร้อมสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มอบความสุขให้แก่พนักงาน เพื่อสร้างประสบการณ์บริการที่ยอดเยี่ยมและคุณภาพชีวิตที่ดีให้คนไทย ก้าวสู่ความมั่นคงทางการเงินและความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืน นายโชติพัฒน์ พีชานนท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กลุ่มธุรกิจประกันและการเงินในเครือทีซีซี ตอกย้ำความสำเร็จในการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความเป็นผู้นำด้านการสร้างความมั่นคงทางการเงินและความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนเพื่อคนไทย โดยล่าสุด ไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมด้านการบริหารงานทรัพยากรบุคคล จากเวที Thailand Best Employer Brand Awards 2024 ที่จัดขึ้นโดย World HRD Congress จำนวน 3 รางวัล ได้แก่ 1.รางวัลสุดยอดนายจ้างยอดเยี่ยม (Best Employer Brand Award) 2.รางวัลสุดยอดนายจ้างแห่งปี (Dream Employer of the Year) และ 3.รางวัลองค์กรที่น่าร่วมงานด้วย (Dream Companies to Work for) นับเป็นความภาคภูมิใจที่บริษัทได้รับความเชื่อมั่นจากองค์กรต่างประเทศ และสะท้อนความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างความสุขให้กับพนักงาน ตั้งแต่การบริหารจัดการ สวัสดิการ และวิถีการทำงานที่คำนึงถึงความสุขในการทำงานของพนักงาน ตลอดจนพัฒนาทักษะความรู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อความเป็นเลิศในทุกมิติขององค์กร ตอบโจทย์การวางแผนการเงินแบบครบวงจรเพื่อคนไทย นอกจากนี้ ในช่วงปี 2566 ที่ผ่านมา ไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และสายธุรกิจในเครือ ได้รับรางวัลรวมอีก 7 รางวัล จากเวทีชั้นนำระดับประเทศและระดับสากล ประกอบด้วย ไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำนวน 3 รางวัล ได้แก่ 1.รางวัล Thailand Technology Excellence Award for Automation – Financial Services หรือบริษัทเทคโนโลยีด้านบริการทางการเงินยอดเยี่ยม จากเวที…
เจนเนอราลี่ กรุ๊ป เผยภาพรวมธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากการดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ “Lifetime Partner 24: Driving Growth” เตรียมเดินหน้าซื้อคืนหุ้น 500 ล้านยูโร เมษายนนี้ พร้อมเผยความสำเร็จจากการเข้าซื้อบริษัท LIBERTY SEGUROS และ CONNING ช่วยสร้างผลกำไรกลุ่มประกันภัยทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ดในประเทศสเปน โปรตุเกส และไอร์แลนด์ รวมถึงความสำเร็จด้านการบริหารจัดการสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพและศักยภาพ ธุรกิจประกันภัยมีศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่ง มีอัตรากำไรสูง และความต้องการของลูกค้าเพิ่มมากขึ้น การเข้าซื้อ ลิเบอร์ตี้ เซกูรอส (Liberty Seguros) ช่วยขยายการดำเนินธุรกิจในกลุ่มประกันภัยทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ด (P&C) ในประเทศสเปนและโปรตุเกส พร้อมต่อยอดจากการดำเนินงานของเจนเนอราลี่ในภูมิภาค ขณะเดียวกันก็ช่วยเจาะตลาดในไอร์แลนด์ที่สามารถสร้างผลกำไรได้ การเข้าซื้อกิจการบริษัทคอนนิง (Conning) ช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางกลยุทธ์ด้านการบริหารจัดการสินทรัพย์ และพร้อมขับเคลื่อนการเติบโตการบริหารจัดการสินทรัพย์บุคคลที่สาม ผ่านการบูรณาการธุรกิจประกันภัยขนาดใหญ่เข้ากับแพลตฟอร์มการจัดการสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพและศักยภาพเพื่อรองรับการขยายธุรกิจ ผลการดำเนินงานของเจนเนอราลี่ กรุ๊ป มีความแข็งแกร่ง โดยยืนยันจากกระแสเงินสด และสถานะอันแข็งแกร่งตามกรอบกำกับความมั่นคงทางสภาพคล่องของกิจการ (Solvency 2) ด้วยกลยุทธ์การจัดการหนี้เชิงรุก มร. ฟิลลิป ดอนเนท ประธานกรรมการบริหารกลุ่มเจนเนอราลี่ กล่าวว่า “นับตั้งแต่การเปิดตัวกลยุทธ์ ‘Lifetime Partner 24: Driving Growth’ เจนเนอราลี่พึงพอใจกับผลการดำเนินงานที่เติบโตพร้อมผลกำไรรวมถึงการสร้างมูลค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด และจากการเข้าซื้อกิจการเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้เสริมความแข็งแกร่งให้กับเจนเนอราลี่ กรุ๊ป ในฐานะบริษัทประกันภัยชั้นนำของยุโรป อีกทั้งยังเป็นการขยายธุรกิจด้านการจัดการสินทรัพย์ไปทั่วโลก พร้อมกันนี้ด้วยความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน เจนเนอราลี่ กรุ๊ป จึงได้เตรียมเสนอซื้อหุ้นคืนคิดเป็นมูลค่า 500 ล้านยูโร ในการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี ครั้งถัดไปในช่วงเดือนเมษายน 2024 เพื่อแสดงถึงการให้ความสำคัญต่อการจ่ายผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นขององค์กร” ธุรกิจด้านประกันสุขภาพ และอุบัติเหตุ (Protection, Health & Accident) ได้กลายเป็นส่วนสำคัญต่อความสามารถในการทำกำไรของกลุ่ม โดยคิดเป็น 22% ของเบี้ยประกันภัยรับรวมรวมในปี 2022 ซึ่ง Generali Group คาดว่าธุรกิจด้านประกันสุขภาพ และอุบัติเหตุ จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยศักยภาพความเป็นผู้นำของกลุ่มประกันภัยส่วนบุคคลในยุโรป การปรับปรุงและการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์อยู่เสมอ รวมถึงเครือข่ายการจัดจำหน่ายอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของบริษัท โดยในช่วงปี 2023 ที่ผ่านมา เจนเนอราลี่…