นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด (“SCBAM”) เปิดเผยมุมมองถึงตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในปีที่ผ่านมาว่ายังสามารถสร้างผลงานและผลตอบแทนโดยรวมออกมาได้ในเกณฑ์ดี ท่ามกลางความท้าทายของเศรษฐกิจโลก นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ กลุ่มการเงิน กลุ่มงานบริการ ที่ได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของกระแส AI สำหรับในปี 2568 นี้ แม้ GDP ของสหรัฐฯ อาจมีการเติบโตที่ชะลอตัวลง แต่หากเทียบกับกลุ่มตลาดพัฒนาแล้วด้วยกันยังนับว่าสูงกว่าประเทศอื่น อย่างไรก็ดี SCBAM มองแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังมีโอกาสขยายตัวได้จากปัจจัยสำคัญหลายประการ เช่น การใช้จ่ายของภาครัฐ การลงทุนในเทคโนโลยี การฟื้นตัวของตลาดแรงงาน และการบริโภคภายในประเทศ เป็นต้น รวมถึงการกลับมาของนโยบาย Trump 2.0 ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้และการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะช่วยเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตที่ต่อเนื่องของบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ในหลากหลายอุตสาหกรรมรวมถึงบริษัทขนาดกลางและเล็ก ซึ่งเป็นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากการลดภาษีและมีโอกาสปรับตัวขึ้นจากต้นทุนทางการเงินที่ลดลงหลังจากนี้ นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า “หุ้นสหรัฐฯ เป็นกลุ่มหุ้นที่มีโอกาสเติบโตโดดเด่นกว่าตลาดรวม จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนปี 2568 โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกยังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วอย่างไรก็ดี การลงทุนปีนี้ SCBAM ยังแนะนำให้มีการกระจายความเสี่ยง จึงมองว่าการลงทุนกับดัชนีหุ้นสหรัฐฯ เป็นทางเลือกที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงหุ้นของบริษัทชั้นนำระดับโลกของสหรัฐฯ ที่หลากหลาย รวมถึงหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีปัจจัยพื้นฐานดีได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเสริมโอกาสสร้างผลตอบแทนที่มีเสถียรภาพในระยะยาว ซึ่งนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนผ่านกองทุนรวมดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ของ SCBAM ที่มีให้เลือกครบทุกดัชนีหลักได้” SCBAM มีกองทุนดัชนีที่ครอบคลุมทั้ง 4 ดัชนีเด่นของสหรัฐฯ คือ (1) กองทุน SCBS&P500 (กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยูเอส) เน้นลงทุนตามดัชนี S&P500 ที่สะท้อนภาพเศรษฐกิจหลักของสหรัฐฯ เน้นลงทุนในหุ้นธุรกิจใหญ่ 500 ตัวแรก ครอบคลุม 80% ของมูลค่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ (2) กองทุน SCBNDQ (กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นยูเอส เอ็นดีคิว) เน้นลงทุนตามดัชนี Nasdaq-100 ที่สะท้อนการเติบโตของธุรกิจเทคโนโลยีและกระแส AI ผ่านกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีขนาดใหญ่ชั้นนำของสหรัฐฯ 100 บริษัท (3) กองทุน SCBDJI (กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นยูเอส ดีเจไอ) เน้นลงทุนตามดัชนี Dow Jones ที่เน้นหุ้น Blue Chip…
Author: admin
บลจ.ทิสโก้เสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย อิควิตี้ (TASIA) ลงทุนในภูมิภาคเอเชีย ไม่รวมประเทศญี่ปุ่นผ่านกองทุน BlackRock Advantage Asia ex Japan Equity Class D Acc ชูจุดเด่นใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูล ค้นหาโอกาสสร้างผลตอบแทน ชี้ตลาดหุ้นเอเชียยังโตสูงจากความต้องการใช้เทคโนโลยี AI และจากสถิติพบว่าราคาหุ้นยังคงปรับขึ้นแม้ทรัมป์ใช้นโยบายกีดกันการค้า นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan Managing Director of TISCOASSET) เปิดเผยว่า บลจ.ทิสโก้ยังคงเดินหน้ามองหาผลิตภัณฑ์กองทุนที่เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยประเดิมปี 2568 ด้วยการเปิดเสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย อิควิตี้ (TASIA) ระดับความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) ลงทุนใน BlackRock Advantage Asia ex Japan Equity Class D Acc (กองทุนหลัก) ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนจัดตั้งหรือจดทะเบียนซื้อขายหรือดำเนินธุรกิจหลักในภูมิภาคเอเชีย (ไม่รวมประเทศญี่ปุ่น) เปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) วันที่ 3 – 16 มกราคม 2568
บริษัท แรบบิท ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ Rabbit Lifeเตรียมขนทัพผลิตภัณฑ์ และโปรโมชัน ร่วมงานมหกรรมการเงินกรุงเทพส่งท้ายปี ครั้งที่ 7 ( Money Expo Bangkok 2024) พร้อมยกระดับความคุ้มแบบ Level Up เล่นใหญ่จัดเต็มไปกับของสมนาคุณและสิทธิพิเศษสุดว้าว ถึง 4 ต่อ ไม่ว่าจะเป็น คุ้มที่ 1 รับกระบอกน้ำเก็บอุณหภูมิ Rabbit Life มูลค่า 200 บาท เมื่อซื้อประกันทุกรูปแบบ* (1 กระบอกน้ำอุณหภูมิ/ 1 กรมธรรม์) คุ้มที่ 2 รับเพิ่มของสมนาคุณจาก Rabbit Life เมื่อซื้อประกันเบี้ยเริ่มต้น 50,000 บาทขึ้นไป อาทิ iPhone 16 128GB, เครื่องหนีบผม Dyson Airstrait, Apple Watch Series 10, Airpods 4 และบัตรกำนัล Central voucher เป็นต้น คุ้มที่ 3 รับโปรโมชันผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน สำหรับลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์และชำระผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ (KTC, Krungsri และ KBANK) คุ้มที่4 รับแรบบิท พอยท์ จาก Rabbit Rewards ทุก ๆ 250 บาท มีค่าเท่ากับ 1 พอยท์ พิเศษ! เฉพาะสำหรับลูกค้าที่สมัครทำประกันชีวิตภายในงาน Money Expo 2024 เท่านั้น พบกันที่บูธ E4, ฮอลล์ 5 ชั้น LG…
+++ เริ่มต้นปี 2568 ปีมะเส็งงูเล็ก แต่ดูเหมือนงูตัวน้อยแต่มีพิษไม่น้อย สร้างการเปลี่ยนแปลงมากมาย โดยเฉพาะการโยกย้ายตำแหน่งแห่งที่ของคนในแวดวงประกันภัย เริ่มจากยักษ์ใหญ่อย่าง “เอไอเอ ประเทศไทย” ที่โปรโมท “เอกรัตน์ ฐิติมั่น” ให้ดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจประกันสุขภาพ (Chief Healthcare Officer, CHO) โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 นอกจากนี้ยังได้ประกาศแต่งตั้ง “ชลิดา นครชัย” ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด แทนที่คุณเอกที่ได้รับตำแหน่งใหม่ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เช่นเดียวกัน คุณเอกก็ถือว่าอยู่กับเอไอเอ ประเทศไทย มานานพอสมควร การโปรโมตครั้งนี้ก็สมด้วยเหตุผล แต่งานหนักมากที่รอพิสูจน์ฝีมือคุณเอกอยู่ +++ ส่วนทางด้าน คุณเคเค “ณัฐพิสิษฐ์ ครุฑครองชัย” ที่เคยดูตัวแทนที่เอไอเอ ประเทศไทย ก็กระโดดข้ามห้อยไปรับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ซึ่งคุณเคเคก็กลายเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ขึ้นถึงตำแหน่งนี้ โดยจะรายงานตรงต่อ “แซลลี่ โอฮาร่า” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท แอกซ่า ในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ และประเทศเกาหลีใต้ โดยมีผลประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2568 คุณเคเค ไม่ใช่คนเอไอเอคนแรกที่มาเติบโตที่ กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต เพราะก่อนหน้านั้น คุณเดียร์ “ภควิตา เจริญตรา” ก็ข้ามมาจากแบรนด์เอไอเอเช่นกัน +++ ฝั่งประกันวินาศภัย กลุ่มธนชาตประกาศแต่งตั้ง “พี่โย่ง-พีระพัฒน์ เมฆสิงห์วี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ธนชาตประกันภัย ขึ้นเป็น รองกรรมการผู้จัดการ (President) บมจ.ทุนธนชาต (TCAP) โดยจะมีบทบาทสำคัญร่วมกับกรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมแต่งตั้ง “วิชินี โอรพันธ์” ก้าวจากรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ขึ้นมาเป็น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ( CEO) บมจ.ธนชาตประกันภัย แทนที่ “พี่โย่ง” มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 สำหรับ “พี่โย่ง” เป็นซีอีโอที่ธนชาตประกันภัยมานานนม มีบทบาทที่สมาคมประกันวินาศภัยไทยมาไม่น้อย การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ก็เป็นบันทึกหน้าใหม่ของธนชาตประกันภัย +++ ฝั่งทางด้านกองทุน ทางบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) แต่งตั้ง “วจนะ วงศ์ศุภสวัสดิ์” ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ทำหน้าที่กำกับดูแลสายงานจัดการลงทุน รับผิดชอบในการกำหนดกลยุทธ์การลงทุนและบริหารจัดการพอร์ตการลงทุน ครอบคลุมทั้งหุ้น ตราสารหนี้…
ในเดือนพฤศจิกายน 2567 อัตราการเสียหายจากประกันภัยรถยนต์ (loss ratio) เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญสำหรับบริษัทประกันภัยหลักในเกาหลีใต้ โดยอัตราการเสียหายได้ทะลุ 90% ซึ่งเพิ่มความเป็นไปได้ในการปรับเพิ่มเบี้ยประกันภัยรถยนต์ จากข้อมูลอัตราการเสียหายของอุตสาหกรรมประกันภัยในพอร์ตโฟลิโอประกันภัยรถยนต์ที่ประกาศเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 พบว่า อัตราการเสียหายเฉลี่ยของประกันภัยรถยนต์จาก 4 บริษัทประกันภัยหลัก ได้แก่ Samsung Fire & Marine Insurance, DB Insurance, Hyundai Marine & Fire Insurance และ KB Insurance อยู่ที่ 92.4% เพิ่มขึ้น 6.1 เปอร์เซ็นต์จากเดือนเดียวกันในปีที่ผ่านมา (81.5%) อัตราการเสียหายสะสมตั้งแต่เดือนมกราคม 2024 ถึงพฤศจิกายน 2024 อยู่ที่ 82.5% ซึ่งเพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (79.3%) โดยแยกตามบริษัท ประกันภัยที่มีอัตราการเสียหายสูงกว่า 90% ได้แก่ Samsung Fire & Marine Insurance (92.8%), Hyundai Marine & Fire Insurance (97.8%) และ KB Insurance (91.6%) ส่วน DB Insurance มีอัตราการเสียหายอยู่ที่ 87.5% จากข้อมูลของแหล่งอุตสาหกรรม จุดคุ้มทุนสำหรับประกันภัยรถยนต์จะอยู่ที่อัตราการเสียหายระหว่าง 78% ถึง 82% หากเกิน 82% จะทำให้เกิดการขาดทุนและถือเป็นปัจจัยที่อาจทำให้ต้องปรับเบี้ยประกันภัยขึ้น เนื่องจากอัตราการเสียหายสะสมในปีนี้เกิน 82% การขาดทุนจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากอัตราการเสียหายไม่ลดลงในเดือนธันวาคม 2567 รายงานของ Fitch Ratings ในเดือนมกราคม 2567 เกี่ยวกับอุตสาหกรรมประกันภัยไม่คุ้มครองในเกาหลีใต้ได้คาดการณ์ว่า การเติบโตของเบี้ยประกันภัยรถยนต์ในประเทศจะชะลอตัว เนื่องจากความนิยมของผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ใช้ข้อมูลการใช้งาน (usage-based insurance) ซึ่งจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยช่องทางออนไลน์มักเสนอราคาที่ต่ำกว่า การเพิ่มขึ้นของอัตราการเสียหายในครั้งนี้ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของอุบัติเหตุทางถนนจากหิมะตกหนักและปัจจัยอื่น…
+++หนังสือเล่มกะทัดรัดที่ชื่อ “อิคิไก THE LITTLE BOOK IKIGAI” เรียนรู้อิคิไกในความหมายที่แท้จริง ผ่านมุมมองและความคิดของนักประสาทวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่น “เคน โมงิ” (Ken Mogi) ผู้เขียนได้นำแนวคิดอิคิไกมาวิเคราะห์และถ่ายทอดออกมาได้อย่างมีสีสัน ผ่านเรื่องราวหลากหลายในประวัติศาสตร์อันยาวนานของญี่ปุ่น เรื่อยมาจนถึงวัฒนธรรมร่วมสมัย +++ก่อนหน้านี้แนวคิดแบบ “อิคิไก” ก็มีการตีความมาแล้วมากมาย แต่ “เคน โมงิ” ก็พยายามตีความในแบบของตัวเอง ปรับ “อิคิไก” เข้ากับวิถีชีวิต มีหลายไอเดียที่น่าสนใจ น่าจะเหมาะสำหรับคนหนุ่มสาวที่กำลังตั้งคำถามถึงการมีชีวิตที่ดีและการงานที่มีความหมาย เพื่อเราจะได้ตื่นขึ้นทุกเช้าพร้อมกับความหวังและแรงพลัง ในการขับเคลื่อนชีวิตและสังคมไปในทางที่เราใฝ่ฝัน +++ปรัชญาและวิธีคิดแบบญี่ปุ่นภายใต้ชื่อ “อิคิไก” น่าจะเป็นแรงบันดาลใจและแนววิถีในการดำเนินชีวิตของใครหลายคนได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะในสังคมปัจจุบันที่วุ่นวายสับสน การมีความสุขกับสิ่งเล็กๆ ก็อาจจะเป็นคำตอบของชีวิตก็ได้ คอลัมน์ book review โดย หนอนชรา
ฟิลลิปประกันชีวิต เปิดตัว ” แมกซ์ ซีไอ แคร์” (Max CI Care) ประกันออนไลน์ ที่คุ้มครองครอบคลุม 3 โรคร้ายแรง คือ โรคมะเร็งระยะลุกลาม โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด และโรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน ด้วยคุณสมบัติเด่นที่เบี้ยรับประกันถูกรวมทั้งให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต โดยรับประกันตั้งแต่อายุ 16-60 ปี นางชีวินา เพ็ชรถนอม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดองค์กรและดิจิทัล บริษัท ฟิลลิปประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าประกันออนไลน์ “แมกซ์ ซีไอ แคร์” (Max CI Care) คุ้มครองการเสียชีวิตตลอดสัญญา 5 ปี 50,000 บาท และหากได้รับวินิจฉัยและได้รับคำยืนยันจากแพทย์ว่าเป็น โรคร้ายแรงโรคใดโรคหนึ่ง หรือทั้ง 3 โรคจะได้รับเงินชดเชย ตั้งแต่ 100,000 จนถึง 300,000 บาทตามแผนความคุ้มครอง โดยผลิตภัณฑ์นี้รับประกันตั้งแต่อายุ 16-60 ปี ที่สำคัญอัตราเบี้ยประกันไม่สูงเริ่มต้นประมาณ 200 กว่าบาทต่อปี จ่ายเบี้ยประกันคงที่ ด้วยปัจจัยแวดล้อม และพฤติกรรมการบริโภคในปัจจุบันที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้เสี่ยงต่อโรคร้ายแรง บริษัทฯ จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์แบบประกันออนไลน์โรคร้ายแรงที่เรียบง่าย ” แมกซ์ ซีไอ แคร์” (Max CI Care) เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตในปัจจุบัน เพื่อเตรียมความพร้อมด้านค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาล และเป็นตัวช่วยในการลดความเสี่ยงที่จะนำเงินออมมาใช้จนหมด ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถดู รายละเอียดได้ใน https://online.philliplife.com/ หรือติดต่อตัวแทนประกันชีวิตของบริษัทฯ เพราะทุกชีวิตมีคุณค่าให้ฟิลลิปประกันชีวิตออนไลน์ แบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลแทนคุณ และดูแลคนที่คุณรัก นางชีวินากล่าวทิ้งท้าย
นายศิริพงษ์ ศรีสุวรรณ์ ผู้จัดการศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทน ลาดกระบัง (ถนนกิ่งแก้ว) บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยกลุ่มวิริยะจิตอาสาทั้งผู้บริหารและพนักงาน ในพื้นที่ปู่เจ้าสมิงพราย สำโรง และเทพารักษ์ ร่วมมอบอาหารพร้อมทาน จำนวน 8,000 ชุด รวมทั้งน้ำดื่ม ให้แก่ศูนย์พักพิงชั่วคราว 8 แห่งของรัฐที่รองรับผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ กรณีเกิดระเบิดและเพลิงไหม้โรงงานผลิตเม็ดโฟมและพลาสติกย่านกิ่งแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ รวมถึงเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของเจ้าหน้าที่ที่ทุ่มเท เสียสละ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สำหรับศูนย์พักพิงชั่วคราวทั้ง 8 แห่ง ได้แก่ ศูนย์พักพิงชั่วคราว อาคารศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมหนองบอน เขตประเวศ และศูนย์ติดตามสถานการณ์ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้แก่ โรงเรียนเตรียมปริญญานุสรณ์ อบต.บางพลีใหญ่ (หลังเก่า) และวัดบางพลีใหญ่กลาง โรงเรียนบางกระบือ ศาลพ่อหลวง วัดบางโฉลงใน วัดบางโฉลงนอก และวัดบางพลีใหญ่
บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (พรูเด็นเชียล ประเทศไทย) มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ประกาศรายชื่อผู้ชนะเลิศ 5 อันดับแรกของการแข่งขันค้นหาสุดยอดนวัตกรรม ด้านสุขภาพ ภายใต้โครงการ “เฮลท์แฮก – HealthHack” ซึ่งผู้เข้าร่วมการแข่งขันทุกคนได้ร่วมกันสร้างสรรค์นวัตกรรมภายในเวลา 2 วัน หรือ “แฮกกาธอน (Hackathon)” ที่ท้าทาย เพื่อให้ทุกทีมได้พัฒนาเทคโนโลยีของตนเองอย่างเต็มความสามารถ โดยมุ่งเน้นที่การใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) เพื่อให้สามารถพัฒนาเป็นเทคโนโลยีด้านสุขภาพที่จะช่วยให้คนไทยแข็งแรงและมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นอย่างแท้จริง โดยการแข่งขันในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจาก Pulse by Prudential สุดยอดแอปพลิเคชันด้านการดูแลสุขภาพและการใช้ชีวิตที่ดีแบบครบวงจร ซึ่งนับเป็นเวทีที่สำคัญที่เปิดโอกาสให้กับนวัตกรชาวไทยได้แสดงความสามารถทางเทคโนโลยีด้านสุขภาพ หรือ “Health-tech” โดยการพัฒนาเทคโนโลยีที่มุ่งแก้ปัญหาหลักอยู่ 2 แนวทาง ได้แก่ 1. การตรวจอาการทางสุขภาพ โดยที่ไม่ต้องใส่อุปกรณ์เข้าไปในร่างกาย (Non-invasive diagnosis of a health condition) อาทิ การตรวจสอบความผิดปกติทางจิต หรือการตรวจหาโรคหัวใจและหลอดเลือด และ 2. การส่งเสริมพฤติกรรมที่ดีต่อสุชภาพ (Modifying an unhealthy behavior) เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร โดยทุกเทคโนโลยีจะถูกพัฒนาโดยการใช้ AI เพื่อให้สามารถวินิจฉัยอาการต่าง ๆ ตลอดจนการแสดงผลผ่านอุปกรณ์อย่างสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์ดิจิทัลต่าง ๆ (wearables) หรือผ่านการถ่ายภาพ (imaging) อย่างมีประสิทธิภาพ คุณโรบิน สเปนเซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พรูเด็นเชียล ประเทศไทย กล่าวว่า “การแข่งขัน ‘HealthHack’ ในครั้งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงเป้าหมายในการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่มุ่งส่งเสริมให้คนไทยไปถึงจุดมุ่งหมายสูงสุดของชีวิต ผ่านความร่วมมือในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีด้านการดูแลสุขภาพที่ช่วยให้ผู้คนมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น โดยเราเชื่อว่าการแข่งขันในครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งเวทีที่นวัตกรชาวไทยสามารถนําเสนอโซลูชันที่สามารถจุดประกายแรงบันดาลใจให้กับผู้คน รวมถึงเปิดโอกาสให้พวกเขาได้ร่วมทำงานกับบุคลากรชั้นนำของบริษัทฯ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านสุขภาพและเทคโนโลยีเป็นอย่างดี” สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ได้จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 29 – 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยผู้เข้าแข่งขันทั้ง 70 คน จาก 16 ทีมทั่วประเทศ ได้นำเสนอผลงานผ่านทางระบบออนไลน์ (Virtual event) โดยมีผู้บุคลากรชั้นนำของพรูเด็นเชียล ประเทศไทย จากหลากหลายแวดวง ร่วมให้คำปรึกษาในการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างเต็มที่ อาทิ คุณไมเคิล นาทูช ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ที่เคยก่อตั้งและร่วมงานกับบริษัทในซิลิคอนวัลเลย์ ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านความคิดสร้างสรรค์และการสร้างแบรนด์สินค้า รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการสุขภาพระดับโลก โดยผู้ที่ชนะเลิศ 5 อันดับแรกจะได้รับของรางวัลเงินสดและรางวัลอื่น ๆ รวมมูลค่ากว่า 250,000 บาท โดยทีม “NCDs Solution” เป็นผู้คว้ารางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 ด้วยผลงาน “Fit Sloth” โซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อแก้ปัญหาโรคอ้วนผ่านการติดตามการจำนวนแคลอรี่และให้คําแนะนําด้านการรับประทานอาหาร พร้อมนำเสนอตัวเลือกในการจัดส่งอาหาร (food delivery) ที่เหมาะสม ตามมาด้วยทีม “Shabu Mhookata” ที่ได้รางวัลชนะเลิศอันดับที่สอง กับผลงาน “Heartbose” ที่ช่วยตรวจจับจังหวะการเต้นหรือเสียงฟู่ของหัวใจ (Heart murmurs) และอันดับที่ 3 กับทีม “Medical Valley” ที่พัฒนานวัตกรรมการตรวจสุขภาพผ่านเทคโนโลยีภาพถ่ายปัสสาวะ ในส่วนทีมชนะเลิศอันดับที่ 4 และ 5 ได้แก่ ทีม “FastDoc” และทีม “DiagFist” ที่พัฒนาและนำเสนอโซลูชันซึ่งสามารถตรวจจับโรคที่เกิดจากพฤติกรรมและลักษณะการนั่งทำงานที่ไม่เหมาะสม หรือ “ออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome)” ผ่านการวิเคราะห์ภาพถ่ายท่านั่ง และโซลูชันตรวจวัดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองอุดตันในผู้ป่วยจากเทคโนโลยีการเฝ้าระวังและการจดจำใบหน้า (Facial recognition) ตามลำดับ ทั้งนี้ เกณฑ์การประเมินผล ได้แก่ ความสร้างสรรค์ของนวัตกรรม ความง่ายรื่นรมย์ในการใช้งาน (User experience) และการ…