Close Menu
  • Home
  • Banking
  • Insurance
  • Finance
  • Mutual Fund
  • Next Gen
  • Magazine
  • Insight
  • Global Move
  • Bookmark
  • Log-In
YouTube
ข่าวการเงิน ธนาคาร และ ประกันภัย
  • Home
  • Banking
  • Insurance
  • Finance
  • Mutual Fund
  • Next Gen
  • Magazine
  • Insight
  • Global Move
  • Bookmark
  • Log-In
Login
YouTube Facebook
ข่าวการเงิน ธนาคาร และ ประกันภัย
Facebook YouTube

เงินบาทอาจอ่อนค่าไปถึงระดับ 35 บาทต่อดอลลาร์ หาก Trump ชนะการเลือกตั้งตามที่คาด

staffBy staffNovember 6, 2024

กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Financial Markets: SCB FM) เปิดเผยว่า เงินบาทเดือนที่ผ่านมาอ่อนค่าเร็วจากการที่ตลาดปรับมุมมองว่า Fed จะลดดอกเบี้ยช้าลง ทำให้ US Treasury yields ปรับสูงขึ้นพร้อมดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้ง ตลาดมองว่าโอกาสที่ทรัมป์จะชนะเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีมีสูงขึ้น จึงมีการ Price-in ทำให้ Yields ขึ้นต่อ ดอลลาร์แข็งค่า กดดันให้บาทอ่อนค่าเร็ว สำหรับในระยะต่อไปมองว่า ตลาดได้ Price-in การลดดอกเบี้ยของ Fed ค่อนข้างเหมาะสมแล้ว ทำให้โอกาสที่บาทจะอ่อนค่าจากปัจจัยนี้มีน้อย อย่างไรก็ดี หากทรัมป์ชนะการเลือกตั้งตามที่คาด จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บาทอ่อนค่าเร็วอีกได้ โดยอาจเห็นบาทอ่อนค่าไปใกล้ระดับ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และ US yields อาจสูงขึ้นได้อีก สำหรับมุมมองอัตราดอกเบี้ย ประเมินว่า กนง. อาจลดดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้ง ในเดือน ก.พ. ปีหน้า โดยหากเงินเฟ้อกลับมาเข้ากรอบได้ตามคาด หรือ กนง. สื่อสารในเชิง Hawkish ก็อาจทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยกลับมาสูงขึ้นได้เล็กน้อย

นายแพททริก ปูเลีย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนและพันธบัตรรัฐบาลในเดือนที่ผ่านมาเคลื่อนไหวผันผวนจาก 2 ประเด็นหลักด้วยกัน คือ มุมมองการลดดอกเบี้ยของ Fedและแนวโน้มผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ โดยเงินบาทเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายนยังแข็งค่าที่ระดับราว 32.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่ทยอยอ่อนค่าขึ้นต่อเนื่องหลังจากนั้นจนล่าสุดแตะระดับ 33.80 ในช่วงปลายเดือนตุลาคม โดยปัจจัยหลักมาจากการปรับมุมมองของนักลงทุนต่อนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่จะลดดอกเบี้ยน้อยลง ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (Treasury yields) ปรับสูงขึ้น กดดันให้ดัชนีเงินดอลลาร์แข็งค่า และเงินบาทอ่อนค่า นอกจากนี้ ตลาดคาดว่าทรัมป์จะชนะการเลือกตั้ง ทำให้ Yields และราคา Bitcoin ปรับสูงขึ้น อีกทั้ง ราคาหุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากนโยบายของทรัมป์ (กลุ่มพลังงาน บริษัทผลิตอาวุธ และธนาคาร) สูงขึ้นเช่นกัน ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า จึงกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าเพิ่มเติม

ในเดือนกันยายนตลาดยัง Price-in การลดดอกเบี้ยของ Fed ในปีนี้ถึงราว 70 bps  แต่ล่าสุดตลาดคาด Fed จะลดดอกเบี้ยอีกเพียง 45 bps เท่านั้น เนื่องจากตลาดปรับมุมมองเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดีขึ้น จากที่เคยมองว่าเศรษฐกิจอาจเผชิญภาวะหดตัว (Recession) เป็นมองว่าเศรษฐกิจ อาจกลับมาเร่งตัวได้ (Re-acceleration) ทำให้ Treasury yields สูงขึ้นเร็วในเดือนตุลาคม โดย Yields ระยะสั้น (อายุ 2 ปี) ปรับสูงขึ้นราว 45 bps และ Yields ระยะยาว (อายุ 10 ปี) ปรับสูงขึ้นราว 50 bps อย่างไรก็ดี นายแพททริกมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังชะลอลงแบบ Soft landing ทำให้ Fed จะสามารถลดดอกเบี้ยได้อีก 2 ครั้งในปีนี้ และ 4 ครั้งปีหน้า (ครั้งละ 25 bps) ทำให้ Terminal rate จะลงไปอยู่ที่ราว 3.25-3.50% ซึ่งใกล้เคียงกับที่ตลาด Price-in ขณะนี้ ดังนั้น โอกาสที่ Yields จะปรับขึ้นต่อ และเงินบาทจะอ่อนค่าจากปัจจัยดังกล่าวน่าจะมีจำกัด อย่างไรก็ดี ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ จะส่งผลต่อตลาดการเงินโลกและค่าเงินบาทในช่วง 1 เดือนจากนี้ โดยหากทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี และพรรคริพับลิกันชนะทั้ง 2 สภา ก็อาจทำให้บาทอ่อนค่าเร็วและอาจแตะระดับ 35 บาทต่อดอลลาร์ได้

นายวชิรวัฒน์ บานชื่น นักกลยุทธ์ตลาดการเงินอาวุโส ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า คะแนนของทรัมป์และแฮร์ริสใกล้เคียงกันมาก โดย 538 Poll ให้แฮร์ริสนำ ขณะที่ Real Clear Politics และ Polymarket ให้ทรัมป์มีคะแนนนำ ทั้งนี้ คาดว่าผลคะแนนใน Swing States 7 รัฐ จะเป็นตัวชี้ขาดผลเลือกตั้ง ซึ่งนายวชิรวัฒน์ประเมินว่า หากทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี และพรรคริพับลิกันชนะทั้ง 2 สภา ก็จะทำให้สินทรัพย์ที่ปรับสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมาปรับขึ้นต่อได้ และ Yields จะปรับสูงขึ้นต่อ โดยมองว่า Yields ระยะยาวจะเพิ่มขึ้นมากกว่า Yields ระยะสั้น ทำให้ Treasury curve ปรับชันขึ้น (Bear steepen) นอกจากนี้ ดัชนีเงินดอลลาร์จะแข็งค่าและกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าต่อไปถึงระดับราว 34.80-35.30 ได้ แต่หากทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี และพรรคริพับลิกันชนะแค่สภาบน นโยบายขึ้นTariffs และตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มข้นขึ้นจะยังคงทำได้ แต่การลดภาษีนิติบุคคลจะไม่สามารถทำได้ ซึ่งมองว่าเงินบาทอาจจะทรงตัวหรืออ่อนค่าอีกเพียงเล็กน้อยไปที่ราว 34.20-34.70 สำหรับกรณีที่แฮร์ริสจะชนะการเลือกตั้งนั้น นายวชิรวัฒน์มองว่ามีโอกาสรองลงมา แต่พรรคเดโมแครตอาจชนะเพียงแค่สภาล่าง ซึ่งในกรณีนี้ การออกมาตรการใหม่ ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจะมีจำกัด ทำให้เศรษฐกิจระยะยาวมีแนวโน้มโตช้าลงTreasury yields มีแนวโน้มปรับลดลงได้ พร้อมเงินดอลลาร์ที่อาจอ่อนค่าจากการ Price-out ของนโยบายทรัมป์ โดยมองว่าเงินบาทอาจกลับมาแข็งค่าที่ราว 32.80-33.30 ได้ สำหรับโอกาสที่แฮร์ริสจะชนะการเลือกตั้งพร้อมกับพรรคเดโมแครตชนะในทั้ง 2 สภานั้น นายวชิรวัฒน์มองว่ามีโอกาสต่ำที่สุด แต่หากเกิดขึ้นจริง เงินบาทอาจแข็งค่าเร็วไปแตะระดับราว 32.00-32.50 บาทต่อดอลลาร์

ทั้งนี้ นอกจากผลการเลือกตั้งแล้ว อีกปัจจัยที่ยังไม่แน่นอนคือระยะเวลาที่จะประกาศผล ซึ่งอาจทำให้ตลาดการเงินผันผวนในช่วงนั้นได้ โดยผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการอาจออกมาล่าช้า หากมีการประท้วงหรือขอให้นับคะแนนใหม่ในกรณีที่คะแนนใกล้เคียงกันมาก (ในบางรัฐมีกฎให้นับใหม่ได้ หากคะแนนต่างกันไม่ถึง 0.5%) ซึ่งนายวชิรวัฒน์ประเมินว่า ผลการเลือกตั้งน่าจะออกมาอย่างช้าที่สุดภายในวันที่ 11 ธ.ค. ตามกฎหมายของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี หากแฮร์ริสหรือทรัมป์ชนะด้วยคะแนนที่ห่างกัน ก็อาจรู้ผลได้ในช่วงค่ำวันที่ 6 พ.ย. (เวลาไทย) ทั้งนี้ ด้วยความไม่แน่นอนที่มีอยู่มาก นายวชิรวัฒน์แนะให้ลูกค้าป้องกันความเสี่ยงจากผลการเลือกตั้งไว้บางส่วน โดยอาจจอง Forwardบางส่วน และ/หรือพิจารณาซื้อ Options เพื่อป้องกันความเสี่ยงกรณีที่บาทเปลี่ยนแปลงเร็วและไม่เป็นดังที่ประเมิน (Tail risk)

สำหรับมุมมองอัตราดอกเบี้ยไทย นายวชิรวัฒน์กล่าวว่า การลดดอกเบี้ยของ กนง. ในเดือนตุลาคมนั้นเหนือความคาดหมายของตลาด โดยก่อนการประชุม ตลาด Price-inการลดดอกเบี้ยในการประชุมรอบนั้นเพียงราว 16% เท่านั้น สำหรับในระยะต่อไป ตลาดคาดว่า กนง. จะลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในเดือน มี.ค. ปีหน้า และให้โอกาสราว 80% ที่จะลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในเดือน มิ.ย. ปีหน้า ทำให้สิ้นสุดวัฏจักรการลดดอกเบี้ยที่ระดับ 1.75% อย่างไรก็ดี นายวชิรวัฒน์มองว่า กนง. อาจลดดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้ง ในเดือน ก.พ. ปีหน้า โดยหากเงินเฟ้อกลับมาเข้ากรอบได้ตามคาด หรือ กนง. สื่อสารในเชิง Hawkish ก็อาจทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยกลับมาสูงขึ้นได้เล็กน้อย

ธนาคารไทยพาณิชย์
Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email WhatsApp Copy Link
Previous Articleกลุ่มบริษัทเอไอเอ ประกาศผลประกอบการในไตรมาสที่สามด้วยมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 สำหรับไตรมาสที่สามของปี 2567
Next Article ทีทีบี เดินหน้าสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น ภายใต้กลยุทธ์ Transformation แบบรอบด้านตลอดปี 2567

Related Posts

กลุ่มดุสิตธานี เผยแผน 9 ปีเข้าสู่ช่วง “ปลดล็อคมูลค่า” เตรียมรอรับรู้รายได้เรสซิเด้นท์ที่ขายไปแล้วถึง 90%

June 15, 2025

โค้งสุดท้ายโปรโมชันงาน Welfare Marketing Beyond 2025 สนใจจองสิทธิ์ผ่าน Line GHB Buddy ได้ถึงวันที่ 14 มิ.ย. 68

June 14, 2025

แรบบิท ประกันชีวิต ฉลองครบรอบ 28 ปี มอบดีลวันเกิดสุดเอ็กซ์คลูซีฟ สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิก Rabbit Life MYRewards เท่า

June 14, 2025
Contact Us

โทร : 0816229144
อีเมล์ : mooprawit@hotmail.com

Social online
Facebook YouTube

Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

Sign In or Register

Welcome Back!

Login to your account below.

Lost password?