Close Menu
  • Home
  • Banking
  • Insurance
  • Finance
  • Mutual Fund
  • Next Gen
  • Magazine
  • Insight
  • Global Move
  • Bookmark
  • Log-In
YouTube
ข่าวการเงิน ธนาคาร และ ประกันภัย
  • Home
  • Banking
  • Insurance
  • Finance
  • Mutual Fund
  • Next Gen
  • Magazine
  • Insight
  • Global Move
  • Bookmark
  • Log-In
Login
YouTube Facebook
ข่าวการเงิน ธนาคาร และ ประกันภัย
Facebook YouTube

KTAM ชี้เป้ากองทุนน่าสนใจ หลังประกาศผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ

staffBy staffNovember 3, 2024

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTAM) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทั่วโลกต่างจับตาผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พ.ย.67 นี้ ระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ และคามาลา แฮร์ริส ซึ่งมีคะแนนเสียงค่อนข้างใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม จากนโยบายการหาเสียงที่ต่างกันจึงส่งผลอย่างมีนัยยะต่อทิศทางการลงทุนในอนาคตอย่างชัดเจน โดย KTAM ได้มีมุมมองหลังการประกาศผลการเลือกตั้งทั้ง 2 กรณี ดังนี้

จากนโยบายที่โดดเด่นในการหาเสียงของ โดนัลด์ ทรัมป์  อาทิ การสนับสนุนให้ผู้ผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน การลดภาษีนิติบุคคลในสหรัฐฯ ลงจาก 21%เหลือเพียง 15% ซึ่งจะส่งผลดีต่อกำไรต่อหุ้น (EPS) ของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ การเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเป็น 60% และจากประเทศอื่น ๆ เป็น 10% เพื่อให้บริษัทต่าง ๆ หันมาลงทุนในสหรัฐฯ มากขึ้น รวมไปถึงท่าทีที่แข็งกร้าวกับจีน อาจทำให้การส่งออกสินค้าของจีนเผชิญความลำบากมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลดีต่อบริษัทในญี่ปุ่นให้ก้าวเข้ามาค้าขายแทนจีนได้ อีกทั้งการมุ่งเน้นการเติบโตของสหรัฐฯ ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าเงินเฟ้อของสหรัฐฯ จะเพิ่มสูงขึ้น เฟดอาจจะลดดอกเบี้ยไม่ได้ตามคาด ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงซึ่งดีต่อบริษัทในญี่ปุ่นด้วย จึงมองว่าหากทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง กองทุนที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากนโยบายดังกล่าว ได้แก่

KT-ENERGY (ความเสี่ยงระดับ 7) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน BGF World Energy Fund (กองทุนหลัก) ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทชั้นนำทั่วโลกซึ่งมีธุรกิจหลักในการสำรวจ พัฒนา ผลิต และจัดจำหน่ายพลังงาน นอกจากนั้น กองทุนยังอาจลงทุนในบริษัทที่มุ่งเน้นการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากพลังงานทดแทน, KT-US (ความเสี่ยงระดับ 6) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน  AB American Growth Portfolio (กองทุนหลัก) ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทในสหรัฐฯ ที่มีขนาดใหญ่ มีแนวโน้มในการเติบโตดี มีคุณภาพสูง, KT-Finance (ความเสี่ยงระดับ 7) เน้นลงทุนใน Fidelity Funds – Global Financial Services Fund (กองทุนหลัก) ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นทุนทั่วโลกของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการด้านการเงินแก่ผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก

KT-JPFUND (ความเสี่ยงระดับ 6) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน iShares Core Nikkei 225 ETF (กองทุนหลัก) โดยกองทุนหลักเน้นลงทุนในตราสารทุนที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีนิคเคอิ 225 ในสัดส่วนเดียวกับจำนวนหุ้นในดัชนีนิคเคอิ 225 นอกจากนี้ ยังมีกองทุน ที่น่าสนใจจากการที่ทรัมป์ต้องการให้สหรัฐฯ เป็น “Crypto Capital of the Planet” ได้แก่ KT-Blockchain (ความเสี่ยงระดับ 6) ซึ่งจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ อาทิ หน่วย CIS และ/หรือ กองทุนรวมอีทีเอฟ (กองทุนปลายทาง) ตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป ที่มีกลยุทธ์เน้นลงทุนในบริษัทสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets Companies) และ/หรือบริษัทที่ดำเนินธุรกิจและ/หรือมีความเกี่ยวข้องกับระบบสินทรัพย์ดิจิทัล และ/หรือเทคโนโลยีบล็อกเชน

ในขณะที่นโยบายการหาเสียงของแฮร์ริส มีนโยบายที่โดดเด่น คือ การกระจายรายได้ที่ดีขึ้น โดยจะมีการลดภาษีให้ธุรกิจขนาดเล็กรวมถึงคนชั้นกลาง และสนับสนุนสวัสดิการด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านการศึกษา พร้อมทั้งเพิ่มรายได้รัฐโดยการเพิ่มภาษีนิติบุคคลในสหรัฐฯ เป็น 28% จาก 21% และอาจมีการเพิ่มภาษี “คนรวย” อีกด้วย นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด และเน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน โดยกองทุนที่คาดว่าจะได้ประโยชน์หากแฮร์ริส ชนะการเลือกตั้ง ได้แก่

KT-GREEN (ความเสี่ยงระดับ 6) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Schroder International Selection Fund Global Energy Transition (กองทุนหลัก) โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างผลตอบแทนจากการเติบโตของเงินลงทุนในหุ้นบริษัททั่วโลก ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานคาร์บอนต่ำ, KT-Technology (ความเสี่ยงระดับ 7) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Fidelity Funds – Global Technology Fund (กองทุนหลัก) โดยเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัททั่วโลก รวมถึงประเทศตลาดเกิดใหม่ที่มีการพัฒนา/หรือจะมีการพัฒนา ด้านผลิตภัณฑ์ กระบวนการหรือการให้บริการ หรือที่จะได้รับประโยชน์จากความก้าวหน้าหรือการพัฒนาเทคโนโลยี, KT-ASEAN (ความเสี่ยงระดับ 6) เน้นลงทุนใน JPMorgan Funds – ASEAN Equity Fund (กองทุนหลัก) โดยเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัท (รวมถึงบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนที่มีขนาดเล็กกว่า) ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในหรือมีผลการดำเนินงานหลักของบริษัทมาจากประเทศที่เป็นสมาชิกในกลุ่มอาเซียน ซึ่งประเทศในกลุ่มอาเซียนบางประเทศ อาจถูกพิจารณาให้เป็นประเทศตลาดเกิดใหม่

นอกจากนี้ ยังมีกองทุนที่น่าสนใจคือ KT-HiDiv (ความเสี่ยงระดับ 6) เน้นลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนใน SET ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีประวัติการจ่ายปันผลที่ดี สม่ำเสมอ จากการที่คาดว่าแฮร์ริส อาจจะดำเนินนโยบายต่อเนื่องจาก ปธน. ไบเดน จึงส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในขาฟื้นตัวตามวัฎจักร แม้ว่าจะมีปัญหาเชิงโครงสร้างที่ต้องได้รับแก้ไข แต่การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว มาตรการกระตุ้นต่างๆ ของภาครัฐ และความเชื่อมั่นต่อตลาดที่ค่อยๆ ดีขึ้น น่าจะเป็นตัวผลักดันตลาดหุ้นไทยได้ในช่วงถัดไปอย่างไรก็ตาม หากพรรคของประธานาธิบดีไม่ได้คุมเสียงข้างมากในทั้งสองสภา (Split Congressจากการเลือกตั้งของ สส. และ สว. อาจทำให้การผลักดันนโยบายที่หาเสียงไว้ยากขึ้น

ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการได้ที่ บลจ.กรุงไทย โทร. 0-2686-6100 กด 9 หรือธนาคารกรุงไทยและผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุน (ถ้ามี) หรือศึกษารายละเอียดได้ที่ www.ktam.co.th สนใจเปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชั่น KTAM Smart Trade ได้ที่ https://bit.ly/KTSTSignIn

ปัจจัยความเสี่ยงของกองทุนที่สำคัญ : ความเสี่ยงทางตลาด ความเสี่ยงจากการดำเนินงานของผู้ออกตราสาร ความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่องของหลักทรัพย์ ความเสี่ยงจากความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน ความเสี่ยงในเรื่องคู่สัญญาในการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ความเสี่ยงจากการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยง ความเสี่ยงที่เกิดจากการย้ายการลงทุนไปกองทุนอื่น ความเสี่ยงที่เกิดจากการลงทุนในหลักทรัพย์เฉพาะกลุ่มธุรกิจ ความเสี่ยงของประเทศที่ลงทุน และความเสี่ยงจากข้อจำกัดการนำเงินลงทุนกลับประเทศ

คำเตือน กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน (ยกเว้นกองทุน KT-HiDiv) ในกรณีที่กองทุนไม่ได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ / ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

KTAM
Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email WhatsApp Copy Link
Previous Articleออมสิน จับมือ ไอซีบีซี (ไทย) เปิดบริการโอนเงินหยวน
Next Article LINE BK ฉลองครบรอบ 4 ปี สู่ผู้นำ Social Banking ที่คนไทยไว้วางใจกว่า 7 ล้านคน

Related Posts

กลุ่มดุสิตธานี เผยแผน 9 ปีเข้าสู่ช่วง “ปลดล็อคมูลค่า” เตรียมรอรับรู้รายได้เรสซิเด้นท์ที่ขายไปแล้วถึง 90%

June 15, 2025

โค้งสุดท้ายโปรโมชันงาน Welfare Marketing Beyond 2025 สนใจจองสิทธิ์ผ่าน Line GHB Buddy ได้ถึงวันที่ 14 มิ.ย. 68

June 14, 2025

แรบบิท ประกันชีวิต ฉลองครบรอบ 28 ปี มอบดีลวันเกิดสุดเอ็กซ์คลูซีฟ สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิก Rabbit Life MYRewards เท่า

June 14, 2025
Contact Us

โทร : 0816229144
อีเมล์ : mooprawit@hotmail.com

Social online
Facebook YouTube

Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

Sign In or Register

Welcome Back!

Login to your account below.

Lost password?