Close Menu
  • Home
  • Banking
  • Insurance
  • Finance
  • Mutual Fund
  • Next Gen
  • Magazine
  • Insight
  • Global Move
  • Bookmark
  • Log-In
YouTube
ข่าวการเงิน ธนาคาร และ ประกันภัย
  • Home
  • Banking
  • Insurance
  • Finance
  • Mutual Fund
  • Next Gen
  • Magazine
  • Insight
  • Global Move
  • Bookmark
  • Log-In
Login
YouTube Facebook
ข่าวการเงิน ธนาคาร และ ประกันภัย
Facebook YouTube

อ่านกลยุทธ์ฝ่าวิกฤตโควิด-19 “เมืองไทยประกันชีวิต” บนโอกาสและความท้าทาย

staffBy staffJuly 21, 2021

          โลกกำลังเผชิญหน้ากับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้เกิดความสูญเสียเป็นวงกว้างทั้งชีวิตและเศรษฐกิจ รวมถึงส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหลากหลายมิติ รวมไปถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปจากเดิม ภาคธุรกิจก็จำเป็นต้องปรับตัวตามเพื่อความอยู่รอด ไม่เว้นแม้กระทั่งธุรกิจประกันชีวิตที่เผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญ

            สำหรับ “เมืองไทยประกันชีวิต” ภายใต้การนำของซีโออีหนุ่ม “สาระ ล่ำซำ” ถือได้ว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ท้าทายความสามารถและเป็นบททดสอบที่สำคัญครั้งหนึ่ง โจทย์สำคัญก็คือทำอย่างไรจึงสามารถก้าวผ่านสถานการณ์ในครั้งนี้ ขณะเดียวกันก็ต้องมีบทบาทในการช่วยเหลือสนับสนุนองค์กรภาครัฐและเอกชน  รวมถึงบบุคลากรทางการแพทย์ในหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้สังคมไทยก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน

 

ภาพรวมอุตสาหกรรมยังดูดี

            สาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เล่าว่าภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้คนไทยตื่นตัวและหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น รวมถึงตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันภัยเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดฝัน ทำให้มีการซื้อความคุ้มครองกรมธรรม์ใหม่เพิ่มขึ้น รวมทั้งมีการต่ออายุกรมธรรม์มากขึ้นด้วย

            โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2564 เบี้ยประกันชีวิตรวมทั้งอุตสาหกรรมอยู่ที่ 195,544 ล้านบาท เติบโต 3% แบ่งเป็นเบี้ยรับรายใหม่ 56,253 ล้านบาท เติบโตถึง 10% (ซึ่งในส่วนนี้เป็นเบี้ย Single Premium จำนวน 25,120 ล้านบาท) ส่วนเบี้ยรับต่ออายุมีจำนวนถึง 139,290 ล้านบาท เติบโตขึ้น 1% นอกจากนี้ยังเห็นการเติบโตของเบี้ยประกันชีวิตที่เกี่ยวข้องกับ Unit Linked ทั้งในรูปแบบ Regular Premium และในรูปแบบ Single Premium ซึ่งอาจจะเป็นผลจากการขายผลิตภัณฑ์ Unit Linked ผ่านช่องทางธนาคารเพิ่มขึ้น ส่วนผลิตภัณฑ์ที่มีสัดส่วนสูงสุดยังคงเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มสุขภาพและส่วนควบ (Health & CI Rider) ที่เติบโตขึ้น 6% ในฐานะนายกสมาคมประกันชีวิตไทย สาระ ยังคงยืนยันตัวเลขประมาณการเติบโตของอุตสาหกรรมประกันชีวิตในปี 2564 ไว้ที่ -1% ถึง +1%

 

MTL: เบี้ยรับรายใหม่โต 37%

            ส่วนของเมืองไทยประกันชีวิต ในช่วง 4 เดือนแรก เบี้ยรับรายใหม่เติบโต 37% ขณะที่เบี้ยรับต่ออายุมีอัตราความยั่งยืนของกรมธรรม์ที่ 80% ทำให้ช่วง 4 เดือนแรกเบี้ยรับรวมเติบโต 3% และ 71% ของเบี้ยรับรายใหม่เป็นผลิตภัณฑ์ประเภทคุ้มครองและกลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน (Investment Linked Product)

“หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าเบี้ยรับรวมโตแค่ 3% ที่ผ่านมามีผลจากแบบประกันเดิมที่ครบอายุ ในส่วนที่เป็น Endowment การออกแบบประกันใหม่ออกมาทดแทนก็ไม่เหมือนเดิม เพราะต้องไปแมทช์กับการลงทุน ซึ่งน้อยบริษัทที่จะทำได้ในสภาวะ Yield Curve ในปัจจุบัน หากมองไปข้างหน้ายังมีเรื่องมาตรฐานบัญชีใหม่หรือแม้แต่มาตรฐานบัญชีเก่าเองก็ตาม การที่เน้นผลิตภัณฑ์ Endowment มากไปก็จะกินทุนพอสมควร”

สาระ กล่าวว่า ถ้าสังเกตจะเห็นว่าเมืองไทยประกันชีวิตปรับพอร์ตการขายมาอย่างต่อเนื่อง โดยไปเน้นผลิตภัณฑ์ทางด้านความคุ้มครอง รวมทั้งส่วนควบสุขภาพต่าง ๆ นอกจากเป็นการบริหารความมั่นคงแข็งแรงให้กับบริษัทแล้ว ยังตอบสนองความต้องการของลูกค้าอีกด้วย

“สำหรับเมืองไทยประกันชีวิตเมื่อประมาณ 4-5 ปี ตอนนั้นผมต้องใช้คำว่า “หักดิบ” ผมยอมรับว่าในตอนแรกที่มีการปรับพอร์ตทำให้ตัวเลขมีการสะดุดไปบ้าง ต้องสร้างความเข้าใจกับทุกฝ่าย แต่สุดท้ายแล้ว เราก็สามารถตีกลับขึ้นมาโดยใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มคุ้มครองและส่วนควบสุขภาพเป็นหลัก จนทำให้ตัวเลขกลับมาเป็นบวก ปัจจุบันสัดส่วนของ Portfolio เป็นที่น่าพอใจ โดยที่ 71% เป็นกลุ่ม Protection & ILP ถือว่าเป็น Healthy Portfolio”

ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน (Investment Linked Product) ยังมีฐานไม่ใหญ่มาก เพราะให้ตัวแทนเป็นช่องทางขายหลักโดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ Unit Linked บวกกับส่วนควบสุขภาพต่างๆ ส่วนช่องทางขายผ่านธนาคารก็นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นซิงเกิลพรีเมียมซึ่งผูกกับ Unit Linked รวมถึงส่วนควบสุขภาพด้วย

“ในการบริหารจัดการธุรกิจประกันชีวิตต้องมองไปข้างหน้า โดยเฉพาะเรื่อง Business value และต้องมองว่าการขายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เหล่านี้ต้องสร้างความยั่งยืน ไม่ใช่ว่าขายไปแต่สุดท้ายแล้วกินทุนตัวเอง เพราะการประกันชีวิตเป็นความรับผิดชอบในระยะยาว ผู้บริหารบริษัทประกันจำเป็นต้องกำหนด Strategy ว่าพอร์ตสินค้าควรมีหน้าตาอย่างไร”

 

มุ่งเน้น Personalized Products

เมื่อกล่าวถึงเรื่องผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต สาระ กล่าวว่า ปัจจุบันเมืองไทยประกันชีวิตให้ความสำคัญกับเรื่องการนำเสนอผลิตภัณฑ์เฉพาะตัวบุคคล หรือ Personalization การวิเคราะห์แบบ Segmentation เป็นเพียงแค่พื้นฐานเท่านั้น เราจำเป็นต้องนำ Big Data มาวิเคราะห์ถึงพฤติกรรมต่าง ๆ ในเชิงลึก เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์เฉพาะตัวบุคคล เนื่องจากคนที่เพศเดียวกัน อายุใกล้เคียงกัน อาชีพเดียวกัน มีไลฟ์สไตล์เหมือนกัน จะต้องการผลิตภัณฑ์เหมือนกัน แต่จะมีค่าวัดที่ลงลึกถึงรายละเอียดด้านต่าง ๆ เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ได้ตรงความต้องการอย่างแท้จริง

“คอนเซ็ปท์หลักของ Personalization คือเลือกเองได้ ผสมเองได้ อยากได้รับความคุ้มครองเรื่องอะไรบ้าง เช่นผลิตภัณฑ์สุขภาพ D Care ที่สร้างเลือกกลุ่มโรคร้ายแรงที่อยากให้คุ้มครอง เลือกระยะความคุ้มครอง เช่น ระยะเริ่มต้น ระยะรุนแรง รวมถึงเลือกวงเงินเอาประกัน ถือว่า D Care เป็นผลิตภัณฑ์สัญญาเพิ่มเติมที่ตอบโจทย์เรื่อง Personalization ลูกค้าสามารถเลือกตามที่ตัวเองต้องการได้ ตามงบประมาณที่มี”

ผลิตภัณฑ์ “วัคซีนโควิดอุ่นใจ” ก็เป็นอีกตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ที่นำเรื่อง Personalization มาปรับใช้ ลูกค้าสามารถเลือกรูปแบบความคุ้มครองหากกรณีฉีดวัคซีนแล้วเกิดอาการแพ้ รวมไปถึงความคุ้มครองจากการติดเชื้อโควิดแม้จะได้รับวัคซีนไปแล้ว เบี้ยประกันภัยเริ่มตั้งแต่ 211 ไปจนถึง 1,084 บาท เนื่องจากมีหลายทางเลือกให้ผู้บริโภคเลือกที่เหมาะสมกับตัวเอง ซื้อแล้วคุ้มครองทันทีแบบเรียลไทม์

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มดีเฮลท์ (D -Health) ก็นำหลักการ Personalization มาใช้ด้วยในลักษณะเป็น Convertible Option เป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมเพื่อจะตอบโจทย์ตามไลฟ์สไตล์ของลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ดีเฮลท์ (D -Health) มาแล้วอย่างน้อย 5 ปี โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนที่ไม่มีสวัสดิการหลังเกษียณ โดยเปิดให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนแปลงความรับผิดส่วนแรกได้ โดยไม่จำเป็นต้องตรวจสุขภาพใหม่ ไม่มีระยะเวลารอคอย และไม่เพิ่มโรคที่เป็นมาก่อนสำหรับผู้เอาประกันที่มีอายุ 55 ถึง 65 ปี

 

โลกของโอกาสและความท้าทาย

สาระ มองว่าโควิด-19 เป็นความท้าทาย แต่ในความท้าทายก็คือโอกาส ส่งผลให้เมืองไทยประกันชีวิตได้ปรับเปลี่ยนหลายๆ อย่าง พฤติกรรมของลูกค้าที่ปรับเปลี่ยนไปตามเจเนอเรชั่น ซึ่งส่งผลถึงระบบความคิดของคนที่เปลี่ยนไป คนแต่ละเจเนอเรชั่นมีระบบความคิดที่แตกต่างกัน

“ก่อนหน้านี้เราพูดถึงโลกดิจิทัลที่เข้ามา Disrupt พอมีโควิดเข้ามา ยิ่งทำให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นรวดเร็วขึ้น การก้าวสู่สังคมสูงวัยก็เป็นอีกความท้าทายซึ่งถือว่าเป็นความท้าทายของประเทศ ถ้าไม่มีการบูรณาการระบบพื้นฐานต่างๆ เพื่อรองรับ มิใช่เพียงแค่ระบบประกันชีวิต ความท้าทายจาก Medical inflation ก็เป็นความท้าทายอีกอัน รวมไปถึงกฎหมายและระเบียบใหม่ๆ  จริงๆ การสร้างมาตรฐานให้เป็นสากลเป็นสิ่งที่ถูกต้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการเงินและธุรกิจประกันภัย แต่ก็ต้องพิจารณาลงไปถึงความพร้อมของภาคธุรกิจและวัฒนธรรมของผู้บริโภคด้วย”

แม้แต่เรื่อง IFRS17 ก็ถือเป็นอีกเรื่องท้าทาย สาระ กล่าวว่า ทางสมาคมประกันชีวิตไทยมีการพูดคุยกัน มีคำถามว่าบางบริษัทพร้อม บางบริษัทไม่พร้อม กระบวนการเหล่านี้มีต้นทุน จำเป็นต้องเลื่อนไปหรือไม่ เรื่องเหล่านี้มีการพูดคุยกัน แต่ยังไม่มีข้อสรุป       “สิ่งเหล่านี้ก็ต้องมีการพูดคุยกับหน่วยงานภาคกำกับว่าเมื่อมีมาตรฐานบัญชีใหม่ออกมาแล้วต้องปรับอย่างไร RBC2 ต้องปรับอย่างไร ขณะที่ยังมีอยู่ในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 และมีท่าทางว่าจะไม่จบลงง่ายๆ  เศรษฐกิจจะฟื้นกลับมาเมื่อไหร่ สิ่งเหล่านี้ก็ต้องพิจารณาให้ดี”

 

MTL กับโอกาสในเพื่อนบ้าน

          เมืองไทยประกันชีวิต เป็นบริษัทประกันชีวิตที่จริงจังกับการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน สาระ ระบุว่า บริษัทยังมองหาโอกาสและศึกษาความเป็นไปได้ในแง่ของการลงทุน ภายใต้ขอบเขตของกฎหมายไทยและกฎหมายของแต่ละประเทศที่จะเข้าไปลงทุนไม่ว่าจะเป็นธุรกิจประกันชีวิตหรือวินาศภัย  โดยปัจจุบันยังเปิดสำนักงานผู้แทน(Representative) กรุงย่างกุ้ง เมียนมา แม้ว่าจะยังคงมีปัญหาการเมืองภายใน

ใน สปป.ลาว ในนามบริษัท ST-Muang Thai Insurance Co.,Ltd. ที่ทำตลาดได้ทั้งประกันชีวิตและประกันวินาศภัย ล่าสุดบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ของประกันชีวิต หลังจากนำโครงสร้างการสร้างตัวแทนในประเทศไทยไปใช้แบบขายอาชีพตัวแทน ทำให้ปัจจุบันมียอดตัวแทนเข้าสูงสุด ขณะที่ประกันวินาศภัยอยู่ในลำดับที่ 8 ของตลาดและคาดหวังจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำเช่นเดียวกับประกันชีวิต

สำหรับ MB Ageas Life มียอดขายประกันชีวิตเป็นอันดับ 1ในเวียดนาม โดยไตรมาส 1 ของปี2564 มีการเติบโตเฉพาะตัวแทนในอัตรา 280% ซึ่งสูงกว่าตลาดที่ช่องทางตัวแทนเติบโตเพียงแค่ 20%ขณะเดียวกันบริษัทได้รีครูทตัวแทนเข้ามาเกือบ 2 หมื่นคนหลังจากที่มีการวางแพลตฟอร์มการขายผ่านตัวแทนเพิ่มเติม

สุดท้ายคือ กัมพูชา ธุรกิจประกันชีวิตในนาม บริษัท โสวรรณภูมิ ไลฟ์ แอสชัวรันส์ จำกัด (มหาชน) และธุรกิจมประกันวินาศภัยในนาม บริษัท ดาราอินชัวร์รันส์ จำกัด(มหาชน)  บริษัท โสวรรณภูมิ ไลฟ์ฯ มีอัตราการเติบโตเป็นอันดับ 2 ในจำนวน 12 บริษัทประกันชีวิตในกัมพูชา มีส่วนแบ่งทางการตลาด ประมาณ 25% ส่วน บริษัทดารา อินชัวร์รันส์ ส่วนใหญ่เน้นทำตลาดประกันวินาศภัยผ่านบริษัทขนาดใหญ่โดยมีผลดำเนินงานติดอันดับ 5 ในจำนวน 11บริษัท โดยอนาคตจะเริ่มขยายไปสู่ตลาดรายย่อย(ประกันภัยรถยนต์)

 

บทสรุป
สำหรับ เมืองไทยประกันชีวิต ภายใต้การบริหารของ สาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แม้ว่าโลกในปัจจุบันจะเต็มไปด้วยความท้าทายในหลากหลายรูปแบบ แต่สำหรับ สาระ แล้ว เขามองเสมอว่าทุกความท้าทายมักจะมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ ขึ้นอยู่กับว่าจะมองในมุมใด และท้ายที่สุดด้วยการกำหนดแนวนโยบายที่สุขุมรอบคอบ เมืองไทยประกันชีวิตก็น่าจะผ่านบททดสอบครั้งนี้ไปได้ไม่ยาก

 

 

MTL วิกฤตโควิด-19 สาระ ล่ำซำ เมืองไทยประกันชีวิต โอกาสและความท้าทาย
Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email WhatsApp Copy Link
Previous Articleสมาคมประกันชีวิตไทยมอบทุนเยาวชนเรียนดี
Next Article ไทยประกันชีวิต ตอบโจทย์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ เพิ่มบริการยื่นเคลมผ่านแอปฯ

Related Posts

บัตรเครดิต ttb ร่วมกับ ปั๊มบางจาก เติมน้ำมันสุดคุ้ม รับเครดิตเงินคืนตลอดปี 2568

January 3, 2025

เมืองไทยประกันชีวิต ผนึกกำลัง AIS มอบความอุ่นใจรับเทศกาลปีใหม่ ผ่าน “กรมธรรม์ประกันภัยปีใหม่สุขกายสุขใจ (ไมโครอินชัวรันส์)”

December 28, 2024

กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ จัดโปรส่งความสุข รูดช้อปรับคุ้ม รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 5%

December 25, 2024
Contact Us

โทร : 0816229144
อีเมล์ : mooprawit@hotmail.com

Social online
Facebook YouTube

Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

Sign In or Register

Welcome Back!

Login to your account below.

Lost password?