Close Menu
  • Home
  • Banking
  • Insurance
  • Finance
  • Mutual Fund
  • Next Gen
  • Magazine
  • Insight
  • Global Move
  • Bookmark
  • Log-In
YouTube
ข่าวการเงิน ธนาคาร และ ประกันภัย
  • Home
  • Banking
  • Insurance
  • Finance
  • Mutual Fund
  • Next Gen
  • Magazine
  • Insight
  • Global Move
  • Bookmark
  • Log-In
Login
YouTube Facebook
ข่าวการเงิน ธนาคาร และ ประกันภัย
Facebook YouTube

Sustainable living … ก้าวต่อไปของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รับแนวคิด ESG

staffBy staffOctober 31, 2024

 

อสังหาริมทรัพย์ เป็นภาคธุรกิจที่มีสัดส่วนในการปล่อยคาร์บอน (Carbon emission) สูงถึง 40% ของการปล่อยคาร์บอนโดยรวม โดยเฉพาะในช่วงเข้าอยู่อาศัย (Living phase)นำมาสู่การนำแนวคิด ESG มาพัฒนา Sustainable living เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างโอกาสทางธุรกิจ โดยการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยสีเขียวจะทำให้เกิดความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ควบคู่กับการลดผลกระทบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม แต่ยังต้องสร้างความตระหนักและความเข้าใจถึงความจำเป็นของที่อยู่อาศัยสีเขียวต่อกลุ่มผู้ซื้อในวงกว้าง ภายใต้ความท้าทายด้านต้นทุน และมาตรฐานรับรองในระดับสากล

ปัจจุบันผู้ประกอบการ ทั้งต่างประเทศ และไทยมีการนำแนวคิด ESG มาเป็นกรอบในการดำเนินธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย ตั้งแต่กระบวนการก่อสร้าง จนถึงการอยู่อาศัย ดังนี้

  • ในช่วงก่อนเข้าอยู่อาศัย : ผู้ประกอบการคำนึงถึงการลดผลกระทบตั้งแต่จุดเริ่มต้น ผ่านการออกแบบและการก่อสร้างที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งการลดการเกิดของเสียและเริ่มใช้การก่อสร้างสำเร็จรูป ซึ่งสะท้อนถึงความแพร่หลายของการให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการของเสีย และการใช้เทคโนโลยีทางการก่อสร้าง
  • ในช่วงเข้าอยู่อาศัย : ผู้ประกอบการเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานและน้ำ รวมทั้งการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อการอยู่อาศัย สะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และประหยัดค่าใช้จ่ายในการอยู่อาศัย ตลอดจนการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับผู้อยู่อาศัย

นอกจากนี้ สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (National Association of Home Builders: NAHB) ระบุว่า แม้ว่าการพัฒนาโครงการบ้านสีเขียวจะมีต้นทุนสูงกว่าโครงการทั่วไป แต่หากพัฒนาโครงการที่เน้นบ้านสีเขียวมากขึ้น จะส่งผลให้มีต้นทุนส่วนเพิ่มจากการพัฒนาโครงการบ้านสีเขียวไม่สูงมากนักจากความเชี่ยวชาญที่เพิ่มขึ้น และการเกิดEconomies of Scale ในการพัฒนาโครงการบ้านสีเขียว

จากผลสำรวจ Residential real estate survey 2567 โดย SCB EIC เกี่ยวกับมุมมองของผู้บริโภคต่อความสนใจและการยินดีจ่ายเงินเพิ่มในอสังหาริมทรัพย์ด้านที่อยู่อาศัย พบว่า กลุ่ม Gen Z  ให้ความสนใจและยินดีจ่ายเงินเพิ่ม เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยในโครงการที่ให้ความสำคัญกับเทรนด์ ESG มากกว่ากลุ่มอื่น ๆ สะท้อนความตื่นตัว และให้ความสำคัญกับเทรนด์ESG โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่จะมีบทบาทเป็นกำลังซื้อในตลาดที่อยู่อาศัยมากขึ้นในระยะต่อไป

SCB EIC มองว่า ผู้ประกอบการควรมุ่งดำเนินการด้านความยั่งยืน เพื่อลดผลกระทบจากภาคธุรกิจต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการดำเนินการภายในองค์กร และสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกองค์กร ทั้งช่วงก่อนและระหว่างเข้าอยู่อาศัย แม้ว่าผู้ประกอบการที่พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยสีเขียวยังเผชิญความท้าทายจากปัจจัยทางด้านต้นทุน และมาตรฐานรับรองในระดับสากล รวมถึงยังต้องสร้างความตระหนักและความเข้าใจถึงความจำเป็นของที่อยู่อาศัยสีเขียวต่อกลุ่มผู้ซื้อในวงกว้าง อย่างไรก็ดี ในระยะยาวการลงทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยสีเขียวจะทำให้เกิดความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ควบคู่กับการลดผลกระทบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม

โดยอาจดำเนินงานตามแนวทาง ดังนี้

  • การลงทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยสีเขียว : ผู้ประกอบการควรลงทุนปรับใช้เทคโนโลยี เช่น เทคโนโลยีก่อสร้างสำเร็จรูป (Precast/ Prefabrication/Modular), Building Information Modelling (BIM), Smart Construction Equipment
    ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยสีเขียว ซึ่งจะช่วยยกระดับความสามารถในการลดการใช้ทรัพยากร และระยะเวลาก่อสร้าง  รวมถึงใช้วัสดุก่อสร้าง และเครื่องจักรก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบโจทย์ในการลดมลภาวะ
  • การพัฒนาโครงการตามมาตรฐานรับรองที่อยู่อาศัยสีเขียว : ภาครัฐ ผู้ประกอบการ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ควรผลักดันให้มีการนำมาตรฐานรับรองที่อยู่อาศัยสีเขียวมาปรับใช้ โดยอาจเริ่มจากมาตรฐานรับรองที่อยู่อาศัยแนวราบในไทยอย่าง TREES for Home ก่อนยกระดับการปรับใช้มาตรฐานสากลอย่าง LEED for Homes เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และขยายฐานลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในที่อยู่อาศัยสีเขียวมากขึ้น
  • การขยายตลาดที่อยู่อาศัยสีเขียว ทั้งด้านอุปสงค์ และอุปทาน : ภาครัฐ ผู้ประกอบการ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องควรส่งเสริมให้ผู้บริโภคหันมาสนใจที่อยู่อาศัยสีเขียวเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้การเลือกที่อยู่อาศัยแบบนี้กลายเป็นเรื่องปกติและใกล้ตัวมากขึ้น รวมถึงภาครัฐอาจมีมาตรการจูงใจทั้งผู้ซื้อและผู้ประกอบการ เช่น การนำเงินลงทุน ค่างวดผ่อนชำระ หรือดอกเบี้ยจากการซื้อหรือลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยสีเขียวไปลดหย่อนภาษีได้ การให้สินเชื่อในวงเงินและอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพื่อซื้อหรือพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยสีเขียว ซึ่งจะช่วยกระตุ้นความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย รวมถึงจูงใจให้ผู้ประกอบการหันมาพัฒนาที่อยู่อาศัยสีเขียวมากขึ้น
SCB EIC
Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email WhatsApp Copy Link
Previous ArticleSAM จับมือ ตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งส่งเสริมความรู้ด้านการเงิน การลงทุน การบริหารจัดการหนี้เพื่อความยั่งยืนด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม
Next Article ไทยประกันชีวิตเดินหน้าพัฒนาสังคมที่ยั่งยืน สนับสนุน Run to Remember 2024 ระดมทุนช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส

Related Posts

SCB Academy เปิดตัวโครงการ “AFAST Smart School” ผนึกกำลัง 8 พันธมิตร พลิกโฉมการสอน สู่ห้องเรียนอนาคต

June 17, 2025

สิ้น “วานิช ไชยวรรณ” อดีตประธาน “ไทยประกันชีวิต”

June 17, 2025

อลิอันซ์ อยุธยา โชว์ฟอร์มแกร่งไตรมาสแรก เติบโตทุกช่องทาง ดันเบี้ยแตะหมื่นล้าน

June 17, 2025
Contact Us

โทร : 0816229144
อีเมล์ : mooprawit@hotmail.com

Social online
Facebook YouTube

Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

Sign In or Register

Welcome Back!

Login to your account below.

Lost password?