Close Menu
  • Home
  • Banking
  • Insurance
  • Finance
  • Mutual Fund
  • Next Gen
  • Magazine
  • Insight
  • Global Move
  • Bookmark
  • Log-In
YouTube
ข่าวการเงิน ธนาคาร และ ประกันภัย
  • Home
  • Banking
  • Insurance
  • Finance
  • Mutual Fund
  • Next Gen
  • Magazine
  • Insight
  • Global Move
  • Bookmark
  • Log-In
Login
YouTube Facebook
ข่าวการเงิน ธนาคาร และ ประกันภัย
Facebook YouTube

KTAM รุกตลาด Private Credit KTAM รุกตลาด Private Credit จับมือ KKPS เปิดขาย “KTPCRED-UI และ KTPCREDH-UI” 27 พ.ค. – 12 มิ.ย. นี้ โดยมองว่า Private Credit จะสามารถทำหน้าที่เป็นเครื่องมือในการหาผลตอบแทนส่วนเพิ่มให้กับนักลงทุนได้

staffBy staffMay 28, 2024
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTAM) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน Private Credit หรือการให้สินเชื่อนอกตลาด มีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง สร้างความน่าสนใจที่หลากหลาย และมีความต่างจากตราสารที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อย่างชัดเจน ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในการลงทุนทางเลือกที่น่าสนใจและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในธุรกรรมประเภทนี้ เราจึงมองว่า Private Credit จะสามารถทำหน้าที่เป็นเครื่องมือในการหาผลตอบแทนส่วนเพิ่มให้กับนักลงทุน ได้เป็นอย่างดี จึงได้เปิดเสนอขายทั้งหมด 2 กองทุน ทั้งแบบป้องกันความเสี่ยงตามดุลพินิจผู้จัดการกองทุน และแบบไม่ป้องกันความเสี่ยงทางด้านอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อให้นักลงทุนเลือกลงทุนได้ตามความเสี่ยงที่รับได้ของตนเอง ได้แก่ กองทุนเปิดเคแทม U.S. Private Credit Unhedged ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (KTPCRED-UI) และกองทุนเปิดเคแทม U.S. Private Credit ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (KTPCREDH-UI) (ความเสี่ยงระดับ 8+) ซึ่งทั้ง 2 กองทุนนี้เป็นกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีความซับซ้อน โดยจะเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 27 พ.ค. – 12 มิ.ย. 67 นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท ผ่านบลจ.กรุงไทย และบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) เท่านั้น
Private credit คือ การปล่อยสินเชื่อประเภทหนึ่ง โดยเป็นการปล่อยกู้ให้กับบริษัทต่างๆ ตามวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย โดยผู้ให้กู้แก่นักลงทุนนี้จะไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (non-bank) ในขณะที่บริษัทที่มาขอสินเชื่อเงินส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทนอกตลาด หรือที่เรียกว่า Private Company เป็นหลัก โดยปัจจุบัน Private Credit กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จากการที่ธนาคารพาณิชย์เริ่มลดบทบาทตัวเองลงในการเป็นแหล่งเงินกู้ เพราะมีกฎเกณฑ์ที่มีความเข้มงวดมากขึ้น ทำให้การปล่อยกู้ให้กับบริษัทขนาดกลางไปจนถึงขนาดเล็กทำได้อย่างยากลำบาก จึงทำให้บริษัทจัดการลงทุนเริ่มเข้ามามีบทบาทในการเป็นแหล่งเงินทุนแทน เพราะมีเกณฑ์กำกับที่ยืดหยุ่นกว่า โดยเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงพอร์ตโฟลิโอที่เน้นสร้างรายได้และจ่ายอัตราดอกเบี้ยลอยตัว เป็นการช่วยสร้างมูลค่าและทำหน้าที่ในการลดความเสี่ยงจากดอกเบี้ยขาขึ้นได้ดี นอกจากนี้ Private Credit ยังมีค่าความสัมพันธ์และความผันผวนต่ำเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ดั้งเดิม จึงเป็นการช่วยยกระดับการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตโฟลิโอ รวมถึงมีประวัติของอัตราการผิดนัดชำระหนี้ (Default rate) ที่ต่ำ พร้อมอัตราที่เรียกคืนได้ (Recovery rate) ที่สูงกว่า (ที่มา: Ares Management, 30 กันยายน 2566)
สำหรับกองทุน KTPCRED-UI และ KTPCREDH-UI เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Ares Strategic Income Offshore Access Fund (กองทุนหลัก) ในหน่วยลงทุนชนิด Class I UD เพียงกองเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนหลักมีเป้าหมายที่จะลงทุนในกองทุน Ares Strategic Income Fund (ASIF) (กองทุนอ้างอิง) อย่างน้อย 95% ของทรัพย์สินของกองทุน ซึ่ง ASIF จะมุ่งเน้นในการสร้างกระแสรายได้ระดับสูงและเพิ่มการกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตโฟลิโอ ผ่านแพลตฟอร์มเครดิตชั้นนำของ Ares ที่เน้นการทำ Direct Lending เป็นหลัก โดยกองทุน KTPCRED-UI ไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน เหมาะกับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนได้ ส่วน KTPCREDH-UI มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน เหมาะกับนักลงทุนที่ไม่ต้องรับความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวนจากการลงทุน
สำหรับผู้จัดการกองทุนอ้างอิงอย่าง Ares Strategic Income Fund มีประสบการณ์กว่า 20 ปี โดยผ่านมาทุกวัฏจักรของตลาด รวมถึงมีผลตอบแทนที่ปรับด้วยความเสี่ยงที่โดดเด่น (Risk-adjusted Return) บริหารจัดการโดยทีมบริหารที่แข็งแกร่ง ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การจัดการมีมูลค่าประมาณ 419 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จึงถือเป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนในสินทรัพย์ทางเลือกที่ใหญ่ในระดับโลก (ที่มา: Ares Management, 31 ธันวาคม 2566) นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนผ่านแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมทุกกองทุน ด้วยการสรรหาดีลที่ครอบคลุม มีความได้เปรียบด้านข้อมูล พร้อมโอกาสจำนวนมากในพอร์ตโฟลิโอสินเชื่อ ที่เน้นหาผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งภายใต้สภาพแวดล้อมของตลาดที่แตกต่างกัน และด้วยกลยุทธ์ Direct Lending ของทีม Ares U.S. Direct Lending ที่ผ่านมานั้น จึงช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนให้สูงกว่าตราสารหนี้ทั่วไปที่ซื้อขายในตลาด ในขณะที่รักษาอัตราการขาดทุนที่ต่ำกว่าได้ในเวลาเดียวกัน
ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการได้ที่ บลจ.กรุงไทย โทร. 0-2686-6100 กด 9 หรือ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือศึกษารายละเอียดได้ที่ www.ktam.co.th
ปัจจัยความเสี่ยงของกองทุน KTPCRED-UI และ KTPCREDH-UI ที่สำคัญ: ความเสี่ยงทางตลาด ความเสี่ยงจากความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร ความเสี่ยงด้านการกระจุกตัวของการลงทุน ความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ความเสี่ยงเรื่องคู่สัญญาในการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ความเสี่ยงของประเทศที่ลงทุน ความเสี่ยงของสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่องของหลักทรัพย์ ความเสี่ยงจากการดำเนินงานของผู้ออกตราสาร ความเสี่ยงจากข้อจำกัดการนำเงินลงทุนกลับประเทศ และความเสี่ยงที่เกิดจากการย้ายการลงทุนไปกองทุนอื่น
คำเตือน กองทุนนี้มีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ กองทุน KTPCRED-UI ไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ / ส่วนกองทุน KTPCREDH-UI มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงโดยดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ในกรณีที่กองทุนไม่ได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ / การลงทุนในหน่วยลงทุนกองที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีความซับซ้อน มีความแตกต่างจากการลงทุนในกองทุนรวมทั่วไป แม้ว่าจะเคยมีประสบการณ์ในการลงทุนในหน่วยลงทุนอื่นมาก่อน ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจถึงลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนความเสี่ยง เงื่อนไขกองทุน และควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้แนะนำการลงทุน ก่อนตัดสินใจลงทุน / กองทุนไม่ถูกจำกัดความเสี่ยงด้านการลงทุนเช่นเดียวกับกองทุนรวมทั่วไป และมีการกระจุกตัวในผู้ออกตราสาร จึงเหมาะกับผู้ลงทุนที่รับผลขาดทุนระดับสูงได้เท่านั้น และ กองทุนมีค่าปรับกรณีขายคืนหน่วยลงทุนก่อนกำหนด (Exit Fee) สำหรับการถือครองหน่วยลงทุนต่ำกว่า 12 เดือน อยู่ที่ 2% ของมูลค่าซื้อขาย
Bancassurance Banking and insurance Bankingandinsurance EV insurance First year premium fund FYP general insurance gross written premium GWP insurance broker insurance news KTAM motor insurance mutual fund non-moter insurance RBC Reit renewal premium risk-based capital wealth management กองทุน การธนาคาร การเงิน ข่าวการเงิน ข่าวประกัน ข่าวออนไลน์ ข่าวอัพเดท ข่าวฮอต ช่องทางการขาย ดอกเบี้ย ดัชนี ตัวแทน ตัวแทนประกันชีวิต ที่ปรึกษาทางด้านการเงิน ธนาคาร ธุรกิจประกันชีวิต ธุรกิจประกันภัย ธุรกิจประกันวินาศภัย นายหน้าประกันภัย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) บริหารความเสี่ยง ประกันชีวิต ประกันภัย ประกันภัยขายผ่านธนาคาร ประกันรถยนต์ ประกันรถยนต์อีวี ประกันวินาศภัย รถยนต์ รถแลกเงิน สินทรัพย์ สินเชื่อ หลักทรัพย์ หุ้น หุ้นกู้ เบี้ยต่ออายุ เบี้ยประกันภัย เบี้ยรับปีแรก เบี้ยรับรวม โบรกเกอร์ โบรกเกอร์ประกันภัย
Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email WhatsApp Copy Link
Previous Articleเงินติดล้อ เปิดบ้านต้อนรับ คณะผู้บริหารและพนักงานจากเคมีแมน ในกิจกรรม TIDLOR Culture Wow
Next Article กสิกรไทยจัดฟอรัมใหญ่ EARTH JUMP 2024 รวมวิทยากรระดับโลกและไทย ชี้เป็นสัญญาณดี ร่วมยกระดับธุรกิจไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ นักธุรกิจกว่า 2,000 คนร่วมงาน

Related Posts

กลุ่มดุสิตธานี เผยแผน 9 ปีเข้าสู่ช่วง “ปลดล็อคมูลค่า” เตรียมรอรับรู้รายได้เรสซิเด้นท์ที่ขายไปแล้วถึง 90%

June 15, 2025

แรบบิท ประกันชีวิต ฉลองครบรอบ 28 ปี มอบดีลวันเกิดสุดเอ็กซ์คลูซีฟ สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิก Rabbit Life MYRewards เท่า

June 14, 2025

เอไอเอ ประเทศไทย ต้อนรับ Pride Month จัดกิจกรรม Pride Week ส่งเสริมความความเท่าเทียมในที่ทำงาน (Inclusive Workplace) ให้พนักงานได้แสดงออกอย่างเสรี

June 13, 2025
Contact Us

โทร : 0816229144
อีเมล์ : mooprawit@hotmail.com

Social online
Facebook YouTube

Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

Sign In or Register

Welcome Back!

Login to your account below.

Lost password?