Close Menu
  • Home
  • Banking
  • Insurance
  • Finance
  • Mutual Fund
  • Next Gen
  • Magazine
  • Insight
  • Global Move
  • Bookmark
  • Log-In
YouTube
ข่าวการเงิน ธนาคาร และ ประกันภัย
  • Home
  • Banking
  • Insurance
  • Finance
  • Mutual Fund
  • Next Gen
  • Magazine
  • Insight
  • Global Move
  • Bookmark
  • Log-In
Login
YouTube Facebook
ข่าวการเงิน ธนาคาร และ ประกันภัย
Facebook YouTube

TK ผลประกอบการ 2567 รายได้ 1,295.7 ล้านบาท ปันผล 100 ล้านบาท 0.20 บาทต่อหุ้น ย้ำฐานการเงินแน่น พร้อมมองหาโอกาสลงทุน เน้นลูกค้าคุณภาพ มุ่งโตยั่งยืน

staffBy staffFebruary 27, 2025

บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ในประเทศไทย รายงานผลประกอบการประจำปี 2567 มีรายได้รวม 1,295.7 ล้านบาท จากพอร์ตสินเชื่อรวม 1,994.5 ล้านบาท ขาดทุน 15.9 ล้านบาท ลดลง 117.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา จากที่มีกำไรสุทธิ 92.1 ล้านบาท ขณะมีเงินสดและเงินฝากอยู่ที่ระดับ 3,191.0 ล้านบาท พร้อมใช้ขยายตัวธุรกิจและลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ ต่อยอดความเชี่ยวชาญของ TK โดยไม่ต้องกู้ ต้นทุนทางการเงิน D/E ปี 2567 ต่ำอยู่ที่ 0.08 เท่า TK ปี 2568 ประกาศปันผล 0.20 บาทต่อหุ้น รวม 100 ล้านบาท เดินกลยุทธ์สร้างการเติบโตด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ ที่สร้างรายได้และผลตอบแทนสูงทั้งระยะสั้นและระยะยาว รวมทั้งกระจายความเสี่ยงพอร์ตสินเชื่อที่เหมาะสม และแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ เผยข่าวดี Suosdey Finance Plc. (บริษัท ซัวสดัย ไฟแนนซ์) บริษัทในกลุ่ม TK ได้รับอนุมัติต่อใบอนุญาตดำเนินการธุรกิจลีสซิ่งจากธนาคารแห่งชาติกัมพูชาต่ออีก 5 ปี รับตลาดต่างประเทศโต

นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK กล่าวว่า บริษัทฯ ได้รายงานผลการดำเนินงานปี 2567 กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา ตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยมียอดจำหน่าย 1,708,215 คัน ลดลง 9.07% จาก 1,878,655 คัน ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เป็นการลดลงครั้งแรกหลังจากขยายตัวต่อเนื่อง 3 ปี ก่อนหน้านี้ ขณะยอดจำหน่ายรถยนต์ ปี 2567 มีจำนวน 572,675 คัน ลดลง 26.18% จาก 775,780 คัน ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ประกอบกับ ทางบริษัทเร่งตัดหนี้สูญและควบรวมสาขาในประเทศ เป็นการเพิ่มต้นทุนในการดำเนินงานของบริษัทฯ ขณะรายได้จากค่าติดตามทวงถามหนี้ลดน้อยลง จากผลบังคับใช้ หลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรมของ ธปท. ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา นอกเหนือจากการกำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยค่าเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ที่ 23% ต่อปี จากประกาศของคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เรื่องให้ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา นับเป็นปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงกับการดำเนินงานของ TK ในปีที่ผ่านมา

ผลประกอบการของ TK ในปี 2567 ที่ผ่านมา มีรายได้รวม 1,295.7 ล้านบาท ลดลง 21.7% จาก 1,653.9 ล้านบาท ขาดทุน 15.9 ล้านบาท ลดลง 117.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา จากที่มีกำไรสุทธิ 92.1 ล้านบาท รายได้เช่าซื้อ ปี 2567 จำนวน 711.6 ล้านบาท ลดลง 40.9% จาก 1,204.6 ล้านบาท รายได้อื่น ๆ มี

จำนวน 426.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.3% จาก 369.6 ล้านบาท ส่วนใหญ่ มาจากหนี้สูญรับคืน ค่าใช้จ่ายในการบริหารรวม จำนวน 821.2 ล้านบาท ลดลง 0.1% จาก 822.3 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา จากการลดจำนวนสาขาที่ทับซ้อนพื้นที่ ดำเนินงานด้วยเทคโนโลยี และใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในการดำเนินงาน ด้านต้นทุนทางการเงิน ปี 2567 จำนวน 31.3 ล้านบาท ลดลง 21.1% จาก 39.7 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีการกู้เงินในต่างประเทศลดลงเพียง 172 ล้านบาท ขณะที่บริษัทฯ มีสถานะเงินสดและเงินฝากอยู่ที่ระดับประมาณ 3,191.0 ล้านบาท D/E ปี 2567 อยู่ที่ 0.08 เท่า ซึ่งลดลงจากสิ้นปี 2566 ที่ 0.15 เท่า

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบริษัทฯ เห็นสมควรนําเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจําปี 2567 จากกําไรสะสม ในอัตรา 0.20 บาทต่อหุ้น จำนวน 500 หุ้น เป็นเงิน 100 ล้านบาท บริษัทฯ จะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นและสิทธิในการรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 12 มีนาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 ทั้งนี้ สิทธิในการรับเงินปันผลดังกล่าวจะต้องรอการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ในวันที่ 22 เมษายน 2568 นี้ก่อน

นายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ TK กล่าวว่า ในปี 2567 เศรษฐกิจไทยเติบโต 2.5% จากปีก่อนที่ 1.9% โดยมีแรงหนุนจากการส่งออกที่ขยายตัว 5.4% คิดเป็นมูลค่ากว่า 10.5 ล้านล้านบาท และการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย 35.5 ล้านคน ขณะที่นักท่องเที่ยวไทยมีจำนวน 197.6 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้รวม 2.6 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากปี 2566 ซึ่งเท่ากับ 86% ของรายได้ก่อนวิกฤตโควิด-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมกระเตื้องขึ้นท่ามกลางแนวโน้มดอกเบี้ยทั่วโลกที่ลดลง ทำให้มีความต้องการสินค้าเกือบทุกชนิดเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกอยู่ในระดับสูง และมีการย้ายฐานการผลิตของทุนใหญ่มายังกลุ่มประเทศอาเซียนรวมถึงไทยมากขึ้น

“ปัจจัยที่มีผลต่อการดำเนินงานหรือการเติบโตของ TK ในอนาคต คือ หลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรมของ ธปท. ที่มีผลต่อต้นทุนการดำเนินงานและรายได้จากค่าติดตามทวงถามหนี้ กฎหมายการเข้ามากำกับดูแลธุรกิจให้เช่าซื้อของธปท. ซึ่งบริษัทฯ ได้ติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด และได้เตรียมงานด้านต่าง ๆ เพื่อให้มีความพร้อมที่จะดำเนินการให้สอดคล้องกับกฎเกณฑ์และมาตรการต่าง ๆ แม้ว่ากฎหมายดังกล่าวจะยังไม่มีกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจน ประกาศของคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เรื่องให้ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา ที่กำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยค่าเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ที่ 23% ต่อปี ซึ่งไม่ครอบคลุมกับต้นทุนและความเสี่ยงที่สูงขึ้นของกลุ่มลูกหนี้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ที่มีความเปราะบาง อย่างไรก็ดี

คณะกรรมการว่าด้วยสัญญาฯ อาจปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศทุก 3 ปี การฟื้นตัวของธุรกิจเช่าซื้อต้องอาศัยการเติบโตของเศรษฐกิจ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ ๆ จากภาครัฐ และการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังคงสูงเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อการขยายตัวของธุรกิจเช่าซื้อในระยะยาว ความพร้อมและเงินทุนที่เพียงพอในการขยายการลงทุน TK มีเงินทุนพร้อมขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศได้ทันที เมื่อมีโอกาสและสถานการณ์ในการลงทุนเอื้ออำนวย” นายประพลกล่าว

ในปี 2567 จากจากพอร์ตสินเชื่อรวม 1,994.5 ล้านบาทเป็นพอร์ตเช่าซื้อ 1,709.0 ล้านบาท ซึ่ง 45% หรือ 764.0 ล้านบาท เป็นยอดเช่าซื้อในประเทศ ขณะที่ 55% หรือ 945.0 ล้านบาท มาจากยอดเช่าซื้อจากต่างประเทศใน สปป.ลาว และกัมพูชา TK วางกลยุทธ์ดำเนินงานสร้างการเติบโตด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ ที่สร้างรายได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ให้ผลตอบแทนสูง เช่น สินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักร สินเชื่อเงินกู้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และบริการรถเช่า (TK ME) ซึ่งเป็นทางเลือกสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการใช้รถจักรยานยนต์ แต่ไม่ต้องการครอบครองทรัพย์สิน นอกเหนือจากธุรกิจเดิมที่บริษัทดำเนินการอยู่ รวมทั้งบริหารความเสี่ยงด้วยการปรับสมดุลพอร์ตสินเชื่อให้เหมาะสม ควบคู่กับการเฟ้นลูกค้าคุณภาพเพิ่ม อีกทั้งยังมองหาโอกาสใหม่ ๆ ที่จะจับมือร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อต่อยอดธุรกิจในอนาคต

นอกจากนี้ เพื่อเตรียมพร้อมขยายตลาดในต่างประเทศ เมื่อไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา TK ได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน Sabaidee Leasing Company Limited (บริษัท สบายดี ลีสซิ่ง จำกัด) บริษัทย่อยที่ สปป. ลาว จาก 1,656,250 หุ้นหรือ 86.89% เพิ่มเป็น 1,781,250 หุ้นหรือ 93.45% และล่าสุด Suosdey Finance Plc. (บริษัท ซัวสดัย ไฟแนนซ์) บริษัทในกลุ่ม TK ได้รับอนุมัติต่อใบอนุญาตดำเนินการธุรกิจลีสซิ่งจำนวน 12 สาขา ในกัมพูชา จากธนาคารแห่งชาติกัมพูชาต่ออีก 5 ปี พร้อมเดินหน้าบุกตลาดต่างประเทศเต็มกำลัง ตั้งเป้าในปี 2568 เติบโตในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email WhatsApp Copy Link
Previous Articleกรุงไทย–แอกซ่า ประกันชีวิต เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “โกลบอล อินเด็กซ์ 16/6 (ชนิดมีเงินปันผล)” ปลดล็อกศักยภาพของ ประกันสะสมทรัพย์ เพิ่มโอกาสเข้าถึงการลงทุนระดับโลก
Next Article วิริยะประกันภัย จัด “Viriyah Invitational Golf Tournament 2025” สนาม 2 โซนกรุงเทพฯ และปริมณฑล

Related Posts

SAWAD ปลื้มใจ ดีเอสไอและอัยการสั่ง “ไม่ฟ้อง” สะท้อนดำเนินธุรกิจอย่างเป็นธรรม โปร่งใส

June 5, 2025

แรบบิทแคช จับมือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เปิดตัว “โครงการสร้างความยั่งยืนระดับองค์กรกับแรบบิทแคช” ต่อยอดแนวคิด ESG ยกระดับคุณภาพชีวิตพนักงานด้านการเงิน สู่องค์กรที่ยั่งยืน

May 20, 2025

บล.ทิสโก้คาดหุ้นไทยฟื้นแตะ 1,200 จุด แนะใช้จังหวะนี้เน้นขายมากกว่าซื้อ – เทรดหมุนรอบเร็วขึ้น

May 7, 2025
Contact Us

โทร : 0816229144
อีเมล์ : mooprawit@hotmail.com

Social online
Facebook YouTube

Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

Sign In or Register

Welcome Back!

Login to your account below.

Lost password?